13 พ.ย. เวลา 23:55 • ประวัติศาสตร์

หากไม่มีปลัดชู...บางระจันอาจไม่เกิดขึ้น

ณ ตำบลบางจัก จังหวัดอ่างทอง (ที่เดี๋ยวนี้ใครไปก็ต้องแวะ “วัดสี่ร้อย”)
มีตำนานเด็ดกว่าละครพีเรียดช่อง 7
เพราะนี่คือเรื่องของ “ขุนรองปลัดชู” ปลัดที่ไม่ได้อยู่แค่ในอำเภอ
แต่เล่นใหญ่ถึงขั้น “อาสาไปรบแทนกองทัพ”!
ย้อนกลับไปปี พ.ศ. 2302
ตอนนั้นกรุงศรีอยุธยาอยู่ในช่วง “ทีมแตก ขุนแตก พระแตก”
คือกษัตริย์ก็ไร้ภาวะผู้นำ ขุนนางก็ทะเลาะกัน
ส่วนแม่ทัพที่ได้ไป ก็ไม่เคยผ่านสงครามเลย…
(นึกภาพกองทัพที่ถามกันว่า “เอ๊ะ เราต้องตั้งค่ายยังไงนะ?” 😅)
ทีนี้พม่าบุกมา พระเจ้าเอกทัศน์ก็สั่งส่งทัพไปสู้
แต่ผลคือ...ยับตั้งแต่ยังไม่ทันตั้งค่าย
คือโดนตีแตกกระจุยตั้งแต่ด่านสิงขรยังไม่ทันตั้งหลักดีเลย
ขุนรองปลัดชู ซึ่งตอนนั้นอยู่เมืองวิเศษชัยชาญ (สายบู๊สายมนต์)
เห็นบ้านเมืองจะพังต่อหน้าต่อตาเลยรวมลูกศิษย์ 400 คน
เป็นทีม “กองอาทมาต 400” เวอร์ชันต้นแบบ Avengers อยุธยา
ทุกคนมีของดีติดตัว มั่นใจว่าฟันไม่เข้า แทงไม่โดน
เลยอาสาไปรบแบบไม่ต้องรอใครสั่ง!
แต่พอถึงสมรภูมิจริง...
เฮ้ย! กองทัพหลวงที่มาด้วยกัน ดันไม่ช่วย!! 😭
คือทีมใหญ่ยืนมองเฉย ปล่อยให้ทีมปลัดชู 400 คน
ต้องเจอกับพม่า 8,000 คนแบบ “บวกเดี่ยว”
ถึงจะเป็นกองคงกระพัน แต่ก็มีจุดอ่อนคือ “เหนื่อยได้”
สู้ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง พม่ายังไม่หมด กำลังเริ่มจะหมดแทน
สุดท้ายพม่าปล่อยทัพช้างมาลุย...
ขุนรองปลัดชูกับลูกทีมถูกต้อนจนถึงอ่าวหว้าขาว
และจบชีวิตพร้อมกันทั้งหมด 400 นาย
เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยด้วยหัวใจที่ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
หลังจากนั้นชาวบางจักเลยร่วมกันสร้างวัด “วัดสี่ร้อย”
เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของทั้ง 400 ชีวิต
ตั้งเจดีย์ใหญ่ไว้เป็นที่รวมวิญญาณ
และมีคำจารึกสุดเท่บนอนุสาวรีย์ไว้ว่า
เกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว
ตราบลมหายใจยังมี ชีวิตนี้ขออุทิศเพื่อปกป้องแผ่นดินสยาม
และอีกด้านหนึ่งก็เขียนไว้ว่า
ถ้าไม่มีขุนรองปลัดชู...ก็จะไม่มีค่ายบางระจัน
🧠 สาระซ่อนอยู่
  • 1.
    ​ความกล้าไม่ได้วัดกันที่จำนวนคน แต่วัดกันที่หัวใจ 400 คนที่ยืนหยัดเพราะรักแผ่นดินมากกว่า “กลัวตาย”
  • 2.
    ​อย่ารอให้คนอื่นเริ่มก่อน ถ้ารู้ว่าถูกต้อง...ก็ลุยเลย! เหมือนขุนรองปลัดชูที่ไม่รอคำสั่งจากใคร
  • 3.
    ​ของดีแค่ไหน ถ้าไม่มีทีม ก็เหนื่อย เพราะแม้จะคงกระพัน แต่ถ้าถูกปล่อยให้บวกเดี่ยว ยังไงก็แพ้ (นี่แหละต้นแบบของคำว่า “ทีมเวิร์กสำคัญกว่าเดี่ยวเวิร์ก”)
โฆษณา