Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BSbP
•
ติดตาม
15 พ.ย. เวลา 03:38 • นิยาย เรื่องสั้น
สลากกินแบ่งรัฐบาล
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง:EP.1 เมล็ดพันธุ์แห่งหายนะ (The Seeds of the Catastrophe)
ความเงียบก่อนพายุ
ลองหลับตาแล้วจินตนาการถึงยุโรปในช่วงฤดูร้อน ปีคริสตศักราช 1914...
มันคือยุคทองที่รุ่งโรจน์ที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษย์ ยุคแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม, ยุคแห่งจักรวรรดิที่แผ่ไพศาล... ยุคที่ชาวยุโรปจำนวนมากเชื่อว่า ตนเอง ได้ก้าวข้ามผ่าน ความป่าเถื่อนของการทำสงครามขนาดใหญ่ไปแล้ว
พวกเขาเรียกมันว่า "สันติภาพที่ยาวนาน" (The Long Peace) ยุโรปไม่ได้เห็นสงครามใหญ่ระหว่างมหาอำนาจมาเกือบครึ่งศตวรรษ...นับตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1871
ในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียเป็นต้นมา
ผู้คนในลอนดอน ปารีส เบอร์ลิน และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ภาย
ใต้ร่มเงาของ ความมั่นใจ ที่ผิดที่ผิดทาง พวกเขาเชื่อว่าความผูกพันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ, การค้าขายที่ไหลลื่น, และความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างราชวงศ์ต่างๆ... มันจะทำหน้าที่เหมือนเป็นตาข่ายนิรภัย...ป้องกันไม่ให้สงครามขนาดมหึมาเกิดขึ้นอีกครั้ง
แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ... ในห้วงเวลาแห่งความมั่นใจสุดขั้วนั้น ยุโรปกำลังหมุนตัวเข้าสู่ ขุมนรก ที่ไม่มีใครคาดคิด... และขุมนรกนี้ไม่ได้เปิดออกด้วย การลอบปลงพระชนม์ เพียงอย่างเดียว แต่มันถูกบ่มเพาะมานานนับทศวรรษ...ด้วย เมล็ดพันธุ์แห่งหายนะ สี่ชนิด ที่เราจะมาขุดคุ้ยกันในวันนี้ครับ
1: การเมืองของกลุ่มพันธมิตร - กับดักแห่งความมั่นคง
ถ้าคุณมองแผนที่ยุโรปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มันจะให้อารมเหมือน เป็นห้องเก็บเชื้อเพลิง ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองห้องอย่างชัดเจนห้อง หนึ่งคือมหาอำนาจกลาง อีกห้องคือสัมพันธมิตร ซึ่งเชื้อเพลิงเหล่านั้น มันก็กำลังรั่วไหลออกมา...
และนี่ ก็ไม่ใช่ระบบพันธมิตรแบบเก่าที่ยืดหยุ่นได้ เหมือนการเต้นรำในห้องบอลรูม... แต่นี่…! คือกับดัก
เราลองมาดูที่ พันธมิตรกลาง (Central Powers): ที่หลักๆ คือ จักรวรรดิเยอรมนี และ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ทั้งสองชาติถูกเชื่อมโยงกันด้วยภาษา เชื้อชาติ และความหวาดกลัว... คือความกลัวต่อรัสเซียและฝรั่งเศส
และอีกด้านหนึ่งคือ ไตรพันธมิตร (Triple Entente): ฝรั่งเศส ที่ยังคงมีความแค้นกับเยอรมนีจากสงครามปีคริสตศักราช 1871 และต้องการทวงคืนแคว้น อัลซาซ-ลอแรน พวกเขาเป็นพันธมิตรกับ รัสเซีย ซึ่งเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่โตแต่กำลังมีปัญหาภายใน และสุดท้ายคือ จักรวรรดิอังกฤษ ที่แม้จะลังเลแต่ก็เห็นเยอรมนีเป็นภัยคุกคามทางทะเลและการค้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งนี่ ก็คือระบบที่ ความปลอดภัยของประเทศหนึ่ง ผูกติดกับ ความเสี่ยงของประเทศอื่นๆ
ลองคิดดูว่า... เมื่อออสเตรีย-ฮังการีรู้สึกว่า เมื่อเซอร์เบีย คุกคาม... พวกเขาก็รู้สึกว่า พวกเขาสามารถทำอะไรได้รุนแรงกว่าปกติ เพราะพวกเขารู้ว่า เยอรมนี จะหนุนหลังพวกเขาเต็มที่
ในทำนองเดียวกัน... เมื่อรัสเซียเห็นออสเตรีย-ฮังการีเริ่มกระด้างกระเดื่อง... รัสเซียก็ต้องเข้าแทรกแซง เพราะพวกเขาเป็น "ผู้ปกป้องพี่น้องสลาฟ" และพวกเขาก็รู้ว่า ฝรั่งเศส จะไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน
ซึ่งนี่แหละครับ ที่มันคือปัญหาของจิง: ที่การประกาศสงครามของคนหนึ่ง กลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำของอีกหลายคนโดยอัตโนมัติ
ระบบนี้ทำให้ "วิกฤตการณ์ท้องถิ่น" มีโอกาสที่จะขยายตัวกลายเป็น "สงครามโลก" ได้ตลอดเวลา... และมัน! ก็เป็นเพียงแค่เรื่องของการรอเวลาเท่านั้น รอเวลาที่จะมีใครสักคนจุดไม้ขีดไฟขึ้นมา
2: ลัทธิจักรวรรดินิยมและความละโมบทางเศรษฐกิจ
ในขณะที่นักประวัติศาสตร์หลายคน มักจะเริ่มต้นเรื่องราวสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่กรุงซาราเยโว... แต่อันที่จริง รากเหง้าและเเก่นแท้ของมัน กับหยั่งลึกไปถึง เรื่องของการแข่งขันในทวีปแอฟริกา และ เอเชีย
และนี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า ลัทธิจักรวรรดินิยม ในยุค ที่บ้าคลั่งที่สุด
ทุกมหาอำนาจ ต่างต้องการ ตลาด และ วัตถุดิบ ที่ไม่มีวันหมดสิ้น เพื่อป้อนให้โรงงานอุตสาหกรรม ที่กำลังผลิตอาวุธและสินค้าต่างๆอย่างบ้าคลั่ง
ซึ่งเยอรมนี... ที่รวมประเทศได้ช้ากว่าคนอื่น... ก็พยายามแย่งชิงส่วนแบ่งของโลกอย่างกระหาย พวกเขาบุกตลาดและสร้างกองเรือรบขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อท้าทาย อังกฤษ ซึ่งครองมหาสมุทรมานานหลายศตวรรษ
อังกฤษ จึงมองว่ากองทัพเรือเยอรมันเป็นภัยคุกคามต่อ ความอยู่รอด ของจักรวรรดิทั้งหมด ดังนั้นการแข่งขันสร้างเรือรบแบบ เรือประจัญบานเดรดนอต จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันนี้... มันไม่ใช่แค่สงครามทางบกเท่านั้น ที่กำลังคุกรุ่น แต่ยังมี สงครามใต้น้ำ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทั้งในเรื่องของอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจโลก
ความขัดแย้งเกี่ยวกับดินแดนอาณานิคมใน โมร็อกโก หรือเรื่องของผลประโยชน์ใน บอลข่าน... เหล่านี้คือ ชนวนเล็กๆ ที่พร้อมจะปะทุในทุกพื้นที่ของโลก... มันแสดงให้เห็นว่า ความละโมบในการอยากครอบครองโลก ได้ทำให้มหาอำนาจเหล่านี้ เกลียดชัง และ ไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่ระบบพันธมิตรใดๆ จะมาปิดบังได้
3: ลัทธิชาตินิยมและ "ความจำเป็น" ของการทำสงคราม
สิ่งที่อันตรายที่สุดที่แพร่กระจายไปทั่วยุโรปคือ เชื้อโรคทางความคิด... นั่นคือ ลัทธิชาตินิยม ในรูปแบบที่คลั่งไคล้และไม่ยอมประนีประนอม
โรงเรียน หนังสือพิมพ์ และนักการเมือง ต่างสอนให้ประชาชนเชื่อว่า ชนชาติของตนเองนั้นเหนือกว่าชนชาติอื่น และ การดำรงอยู่ของชนชาติอื่นคือภัยคุกคาม
ใน ฝรั่งเศส พวกเขาพูดถึง "การทวงศักดิ์ศรีคืน" ใน เยอรมนี พวกเขาพูดถึง "การเป็นมหาอำนาจที่โลกยอมรับ" หรือ 'A Place in the Sun' และใน เซอร์เบีย พวกเขา
พูดถึง "ขบวนการรวมชนชาติสลาฟ ซึ่งต้องการรวบรวมพี่น้องชาวสลาฟ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรีย-ฮังการี ให้มาอยู่ภายใต้ธงผืนเดียวกัน
ซึ่งการปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง และ ความภาคภูมิใจที่บิดเบือนนี้ มันได้ทำให้
ประชาชนส่วนใหญ่ในทุกประเทศ พร้อม ที่จะทำสงคราม... และพวกเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวมัน... แต่พวกเขา ปรารถนา มันด้วยซ้ำ!
เพราะในช่วงเวลานั้นมีการมองว่า สงคราม เป็นความจำเป็น" เป็น "การชำระล้าง" เป็น "การผจญภัยอันรุ่งโรจน์" ที่จะกอบกู้เกียรติยศและปลุกจิตวิญญาณของชาติให้ตื่นขึ้นมา
ผู้คนจำนวนมากไม่ได้มองเห็น สงคราม ว่าเป็นโศกนาฏกรรม... แต่กลับมองว่า มัน
เป็นโอกาส... โอกาสที่คนหนุ่มสาวจะพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชาย, และเป็นโอกาสที่ชาติจะพิสูจน์ความยิ่งใหญ่...
แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือ พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า สงครามที่กำลังจะมาถึงนี้ ไม่ได้มีความกล้าหาญหรือศักดิ์ศรีหลงเหลืออยู่เลย... และมัน จะเป็นเพียงการเข่นฆ่าที่สุดแสนจะน่าสะพึงกลัว ที่เกิดขึ้นด้วยเครื่องมือ ของยุคอุตสาหกรรม
4: ดินปืนของยุโรป - คาบสมุทรบอลข่าน
และแล้วเรา ก็มาถึงหัวใจของเรื่อง... หากยุโรปคือห้องเก็บเชื้อเพลิง...ที่กำลังรั่วไหล คาบสมุทรบอลข่าน ก็คือ กล่องไม้ขีดไฟ
ซึ่งภูมิภาคนี้เป็นที่รู้จักกันดีในนาม "ดินปืนของยุโรป" (The Powder Keg of Europe)
ทำไม? เพราะอะไร ถึงเป็นเช่นนั้น
นั่นก็เพราะ มันคือรอยต่อที่ซ้อนทับกันของสามจักรวรรดิ
ที่กำลังเสื่อมถอยและมีปัญหากัน:
1.จักรวรรดิออตโตมัน ที่กำลังล่มสลายและถูกขับไล่ออกไป
2.จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ที่พยายามขยายอำนาจลงใต้
3.จักรวรรดิรัสเซีย ที่ต้องการเข้าถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นผู้อุปถัมภ์ของชนชาติสลาฟ
และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อชนชาติเล็กๆ ในบอลข่าน เช่น เซอร์เบีย ได้ก่อตั้งประเทศขึ้นมา ด้วยแรงกล้าของลัทธิชาตินิยม... และพวกเขาก็มีความทะเยอทะยาน ที่จะรวมชนชาติสลาฟทั้งหมดในคาบสมุทรให้เป็น "เซอร์เบียใหญ่" ซึ่งหมายความว่า พวกเขาต้องการดึงดินแดนมาจาก ออสเตรีย-ฮังการี
เพราะ ออสเตรีย-ฮังการี ที่เป็นจักรวรรดิของหลากหลายเชื้อชาติ... ดังนั้น การ
เคลื่อนไหวของเซอร์เบียเป็น จึงภัยคุกคามต่อการคงอยู่ ของจักรวรรดิอย่างแท้จริง ซึงถ้าเซอร์เบียทำได้... แล้วชาวโปแลนด์, ชาวเช็ก, หรือชาวฮังการีในจักรวรรดิจะไม่ทำตามหรือ?
ดังนั้น... ความตึงเครียดในบอลข่านจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ ระหว่างเพื่อนบ้าน... แต่มันคือ จุดศูนย์กลางของอำนาจ ที่มีความเป็นไปได้ที่จะล่มสลายทั้งจักรวรรดิ
และนี่คือที่มาของชื่อ… เมล็ดพันธุ์แห่งหายนะ
การจุดชนวน: และเหตุการณ์ที่…ซาราเยโว
ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ปีคริสตศักราช 1914... ณ เมือง ซาราเยโว เมืองหลวงของบอสเนีย... ดินแดนที่ออสเตรีย-ฮังการีเพิ่งผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวสลาฟอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น...
อาร์ชดุ๊ก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ มกุฎราชกุมารของออสเตรีย-ฮังการี... กำลังเดินทางมาพร้อมกับพระชายา พระนางโซฟี... เพื่อตรวจสอบกองทหาร
ซึ่งการมาเยือนของพระองค์นี้ ก็ถูกมองว่าเป็นการยั่วยุ โดยกลุ่มชาตินิยมชาวเซิร์บหัวรุนแรง... และในวันนั้น... การกระทำที่บุ่มบ่ามและโง่เขลาของนักศึกษาชาวเซิร์บชื่อ กัฟริโล ปรินซิป... ก็ได้เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล
ปรินซิปได้ใช้ปืนพก... สังหารทั้งอาร์ชดุ๊กและพระชายาของพระองค์...
เสียงปืนดังขึ้น 2 นัดอย่างชัดเจนและเด็ดขาด
ความตึงเครียดเข้าครอบงำ การลอบปลงพระชนม์นี้เอง ได้ทำให้ ไม้ขีดไฟ ได้ถูกจุดขึ้น... ซึ่งประกายไฟที่เกิดขึ้นนี้ มันได้จุดไฟให้กับ กองเชื้อเพลิง ที่สะสมอยู่เต็มห้อง
ออสเตรีย-ฮังการีเห็นโอกาสที่จะทำลายเซอร์เบียได้อย่างเด็ดขาด... เยอรมนีให้ "เช็คเปล่า" (Blank Cheque) แก่ออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันคือการสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยไม่มีเงื่อนไข... รัสเซียตัดสินใจสนับสนุนพี่น้องชาวสลาฟ
อย่างเซอร์เบีย... และฝรั่งเศสก็พร้อมจะเข้าข้างรัสเซียอย่างเต็มที่...
และภายในสี่สัปดาห์... วงจรของระบบพันธมิตรที่ตึงเครียดก็ทำงานอย่างบ้าคลั่ง... คำขู่, คำขาด, การระดมพล, การประกาศสงคราม... ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับโดมิโนที่กำลังล้มลง
สงครามที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น... แต่ทุกคนกลับ เตรียมพร้อม รับมัน... ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
บทสรุป: ความโง่เขลาอันยิ่งใหญ่
ในเดือนสิงหาคมปีคริสตศักราช 1914 ชาวยุโรปออกมาต้อนรับข่าวการประกาศสงครามด้วย ความสุข และ ความตื่นเต้น
ในเบอร์ลิน ในลอนดอน ในปารีส... คนหนุ่มสาวเดินพาเหรดออกไปสู่สนามรบ โดยเชื่อว่าพวกเขาจะ กลับบ้านก่อนใบไม้ร่วง พวกเขาเชื่อว่านี่จะเป็น การรบสั้นๆ ที่มีเกียรติ
พวกเขาไม่รู้เลยว่า... ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา... พวกเขาได้พัฒนาวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม ไปจนถึงจุดที่สามารถสร้างเครื่องมือแห่งการสังหารหมู่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน... ปืนกล, ปืนใหญ่, ลวดหนาม, ก๊าซพิษ...
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จะไม่ใช่สงครามแบบเก่า ที่อัศวินขี่ม้าใช้ดาบฟาดฟันกัน... แต่มันคือการปะทะกันอย่างน่าสะพรึงกลัวของ มนุษย์ยุคก่อนอุตสาหกรรม กับ
อาวุธยุคอุตสาหกรรม... ซึ่งผลลัพธ์คือ ความตายมหาศาล...
และนี่คือบทสรุปของ "เมล็ดพันธุ์แห่งหายนะ" ในEP.ที่1...
เราได้เห็นรากเหง้าของความขัดแย้งที่ถูกฝังไว้ภายใต้ความรุ่งโรจน์ของยุคสมัย... และในตอนหน้า... เราจะดำดิ่งลงไปใน สนามเพลาะ ที่เปียกโชกไปด้วยเลือด... และพูดถึง แผนชลีฟเฟน (Schlieffen Plan) ของเยอรมนี... แผนการที่ตั้งใจจะให้สงครามจบลงอย่างรวดเร็ว... แต่กลับพาโลกเข้าสู่ ทางตันอันโหดร้าย (The Cruel Stalemate)
พัฒนาตัวเอง
ai
เรื่องเล่า
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย