Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
17 พ.ย. เวลา 09:26 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 46 รู้หน้าไม่รู้ใจ
ทางด้านเป่าวี่ตามสีเหยินกลับมาถึงห้อง เห็นยวนยาง 鸳鸯 เอนนอนบนเตียงชมงานฝีมือเย็บปักของสีเหยินอยู่ พอเห็นเป่าวี่มาถึงจึงว่า
“ท่านไปที่ไหนมา เหล่าไท่ไท่รอท่านอยู่ จะให้ข้ามไปเยี่ยมนายใหญ่ที่ฟากโน้น ยังไม่รีบเปลี่ยนชุดอีก”
สีเหยินเข้าห้องไปหยิบเสื้อผ้า เป่าวี่นั่งลงถอดรองเท้าที่ขอบเตียงผิง รอรองเท้าสูงคู่ใหม่มาใส่ หันไปเห็นยวนยางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมบางสีแดงหม่น เสื้อกั๊กผ้าต่วนสีเขียว สวมถุงเท้าไหมสีเขียวหยก รองเท้าปักสีแดงเข้ม ก้มหน้าพินิจงานเย็บปัก ปกเสื้อรอบคอเป็นผ้าไหมปักลายสีม่วง เป่าวี่เอาหน้าซุกลงตรงซอกคอสูดดมกลิ่นน้ำหอม และใช้มือลูบคลำสัมผัสไม่ต่างจากสีเหยิน โหนตัวขึ้นมาจ่อหน้ายิ้มว่า
“พี่คนดี ให้ข้าชิมชาดแต้มปากดูหน่อย”
แล้วเกาะติดเป็นตังเม
ยวนยางร้องว่า “สีเหยิน เจ้ามาดู เจ้าอยู่กับเขามาทั้งชาติ ไม่คอยเตือนสักหน่อย ปล่อยให้ทำแบบนี้”
สีเหยินหอบเสื้อผ้าออกมา พูดกับเป่าวี่ว่า
“ข้าเตือนแล้วเตือนอีกแก้ไม่หาย ถ้ายังทำตัวเช่นนี้ ข้าคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
พูดจบก็เร่งให้เป่าวี่เปลี่ยนชุด แล้วออกมาพร้อมกับยวนยาง
เป่าวี่เยี่ยมคารวะแม่เฒ่าเจี่ยแล้ว ออกมาข้างนอกจะขึ้นม้าที่เตรียมไว้ ก็พอดีเจี่ยเหลียนกลับจากไปเยี่ยมกำลังลงม้า จึงทักทายกัน ข้างเจี่ยเหลียนมีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินมาหาเป่าวี่ทักทายว่า
“ท่านอาเป่า สบายดี”
เป่าวี่มองดูชายผู้นั้น ใบหน้ายาว รูปร่างสูงผอม อายุราวสิบแปดสิบเก้า ท่าทางคงแก่เรียน แม้ดูคุ้นหน้า แต่นึกไม่ออกว่าชื่ออะไร อยู่เรือนไหน
เจี่ยเหลียนยิ้มว่า “ดูเจ้านิ่งอึ้งเช่นนี้ คงจำเขาไม่ได้ เขาอยู่พ้นระเบียงเป็นลูกชายซ้อห้าชื่อว่าหยุนเอ๋อ 芸儿”
เป่าวี่ว่า “จริงสิ ทำไมข้าลืมเสียได้”
แล้วถามต่อว่า “แม่เจ้าสบายดี พักนี้เจ้าทำอะไรอยู่”
เจี่ยหยุนชี้มาที่เจี่ยเหลียนว่า “มาหาท่านอารองของานทำ”
เป่าวี่ยิ้มว่า “เจ้าก้าวหน้าขึ้นมากจากที่เห็นเมื่อก่อน ดูจะเป็นลูกชายข้าได้”
เจี่ยเหลียนหัวเราะว่า “หน้าด้านจริง 害臊 เขาอายุมากกว่าเจ้าห้าหกปี จะให้เป็นลูกชายเจ้า”
(เป่าวี่อายุน้อยกว่า แต่นับตามรุ่นแล้วอาวุโสกว่า มีศักดิ์เป็นอา)
เป่าวี่ยิ้มว่า “ปีนี้เจ้าสิบเท่าไร”
เจี่ยหยุนว่า “สิบแปดแล้ว”
เจี่ยหยุนเป็นคนหลักแหลม พอฟังเป่าวี่ว่าตนเหมือนลูกชายจึงยิ้มว่า
“มีคำกล่าวว่า
摇车儿里的爷爷,拄拐棍儿的孙子
ท่านปู่นอนในเปลไกว ผู้หลานใช้ไม้เท้าพยุง
แม้อายุจะมาก ทว่า
เขาสูงมิอาจบดบังตะวัน 山高遮不住太阳
นับแต่ท่านพ่อถึงแก่กรรมแล้ว หลายปีมานี้ขาดคนดูแล หากท่านอาเป่าไม่เกี่ยงว่าผู้หลานโง่เขลา ยอมรับเป็นบุตร ก็นับเป็นวาสนาของผู้หลาน”
เจี่ยเหลียนยิ้มว่า “เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม เรื่องรับบุตร ไม่ใช่เรื่องจะมาล้อเล่น”
กล่าวจบก็เดินเข้าเรือนไป
เป่าวี่ยิ้มว่า “พรุ่งนี้เจ้าว่าง ก็มาหาข้า อย่าทำตัวลับลับล่อล่ออยู่กับเขา ตอนนี้ข้าไม่ว่าง พรุ่งนี้เจ้ามาหาข้าที่ห้องหนังสือ ข้ามีเวลาคุยกับเจ้าทั้งวัน ทั้งจะพาเจ้าเข้าไปเที่ยวในอุทยาน”
กล่าวจบก็ขึ้นม้า นำบ่าวไพร่ข้ามฟากไปเยี่ยมเจี่ยเส้อ 贾赦
เจี่ยเส้อเพียงเป็นหวัด เป่าวี่แจ้งให้ทราบก่อนว่าแม่เฒ่าเจี่ยฝากแสดงความเป็นห่วง จากนั้นจึงคารวะถามไถ่ในส่วนตน เจี่ยเส้อลุกขึ้นตอบคำแม่เฒ่าเจี่ย แล้วเรียกบ่าวมาบอกว่า
“พาคุณชายไปพบไท่ไท่ที่ด้านใน”
เป่าวี่ลาออกจากห้อง ไปยังเรือนด้านหลัง สิงฮูหยินพอเห็นเป่าวี่มาก็ลุกขึ้นกล่าวถามสารทุกข์สุกดิบของแม่เฒ่าเจี่ย แล้วจึงทักทายเป่าวี่ จากนั้นก็จูงมือเป่าวี่ให้นั่งลงบนเตียงผิง สอบถามถึงคนอื่นๆ แล้วสั่งให้รินน้ำชามา
ดื่มน้ำชายังไม่ทันเสร็จ เจี่ยฉง 贾琮 เข้ามาเยี่ยมทักทายเป่าวี่
สิงฮูหยินว่า “ลูกลิงมาจากไหน แม่นมของเจ้าตายแล้วหรือไร ไม่ดูแลให้เรียบร้อย ปล่อยจนดำมอมแมม ไม่เหมือนลูกบัณฑิตผู้ดี”
เจี่ยหวน เจี่ยหลานสองอาหลานมาถึง เข้ามาเยี่ยมคารวะ สิงฮูหยินบอกให้ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ เจี่ยหวนเห็นเป่าวี่นั่งร่วมเบาะกับสิงฮูหยิน อีกทั้งนางยังลูบคลำอย่างเอ็นดูรักใคร่ เห็นแล้วรำคาญใจ นั่งได้ไม่นานก็ส่งสายตาให้เจี่ยหลาน แล้วทั้งสองก็ลุกขึ้นขอลากลับ
เป่าวี่เห็นทั้งสองลุกขึ้น ก็ใคร่จะกลับพร้อมกัน สิงฮูหยินยิ้มว่า
“เจ้านั่งก่อน ข้ายังมีเรื่องจะคุยด้วย”
เป่าวี่จึงนั่งลง
สิงฮูหยินหันไปบอกสองอาหลานว่า
“พวกเจ้ากลับไปแล้ว ช่วยถามทุกข์สุขของแม่เจ้าแต่ละคนแทนข้าที พวกพี่และอาหญิงมาอยู่กันที่นี่ทำเอาข้าเวียนหัว วันนี้คงไม่รั้งพวกเจ้าไว้กินข้าว”
เจี่ยหวนรับคำแล้วกลับออกไป
เป่าวี่ยิ้มว่า “พวกพี่สาวน้องสาวมากันหมด ทำไมไม่เห็นสักคน”
สิงฮูหยินว่า “พวกเขานั่งสักพัก แล้วก็เดินไปข้างหลัง ไม่รู้ไปเรือนไหน”
เป่าวี่ว่า “ท่านป้าว่ามีเรื่องจะพูดกับข้า ไม่ทราบว่าเรื่องใด”
สิงฮูหยินยิ้มว่า “มีเรื่องอะไรที่ไหน แค่จะบอกให้เจ้าอยู่กินข้าวกับพวกพี่น้องสาว ยังมีของน่าเล่นจะให้เจ้านำกลับไป”
ป้าหลานคุยกัน ไม่ทันรู้ตัวก็ถึงเวลาอาหารเย็น จึงให้ไปเชิญพวกคุณหนูมาร่วมรับประทานอาหาร หลังอาหารเป่าวี่ไปอำลาเจี่ยเส้อแล้วกลับมาพร้อมกับเหล่าพี่น้องสาว ถึงบ้านเยี่ยมคารวะแม่เฒ่าเจี่ยแล้วแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน
กล่าวถึงเจี่ยหยุนมาหาเจี่ยเหลียนสอบถามว่า
“มีงานอะไรให้ทำไหม”
เจี่ยเหลียนบอกว่า “ก่อนหน้านี้มีอยู่งานหนึ่ง แต่อาสะใภ้ของเจ้าขอข้าแล้วขอข้าอีกให้มอบหมายงานนี้แก่ฉินเอ๋อ 芹儿 นางบอกว่า เร็วๆ นี้จะมีงานปลูกต้นไม้ดอกไม้ในสวน งานนี้อนุมัติมาเมื่อไร จะมอบให้เจ้าแน่นอน”
เจี่ยหยุนนิ่งไปครึ่งวันจึงว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องรอ ท่านอาก็ไม่จำเป็นต้องบอกท่านอาสะใภ้ว่าข้ามาสอบถาม รอให้ถึงเวลาค่อยบอกยังไม่สาย”
เจี่ยเหลียนว่า “จะให้บอกอะไร ข้าเองไม่ว่างพอ พรุ่งนี้ยังต้องไปซิงยี่ 兴邑 อีก แต่ไปเช้าเย็นกลับ เจ้ามาถามข้าอีกทีวันมะรืนก็แล้วกัน”
กล่าวจบก็เดินเข้าด้านในไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เจี่ยหยุนกลับออกมาจากจวนหยง ระหว่างทางตรองไปมาก็ฉุกคิดได้ว่าน่าจะเข้าหาผิดคน แต่ตอนนี้ควรจะไปหาท่านน้าปู่สื้อเหยิน 卜世仁 ที่บ้านก่อน
ปู่สื้อเหยินเปิดร้านขายเครื่องหอม เพิ่งกลับมาจากร้าน พอเห็นเจี่ยหยุนก็ทักว่า
“เจ้ามีธุระอะไรมาถึงนี่”
เจี่ยหยุนว่า “ข้ามีเรื่องจะรบกวนให้ท่านน้าช่วยเหลือ ข้าต้องการพิมเสน 冰片 และชะมดเช็ด 麝香 ท่านน้าช่วยขายเป็นเงินเชื่อให้ข้าอย่างละสี่ตำลึง ถึงวันเทศกาลเดือนแปดข้าจะชำระเงินให้”
ปู่สื้อเหยินยิ้มเยาะว่า “ไม่ต้องพูดเรื่องเงินเชื่อ วันก่อนมีคนในร้านเราเองขอซื้อของเงินเชื่อไปให้ญาติเป็นเงินไม่กี่ตำลึง จนป่านนี้ยังไม่จ่าย หุ้นส่วนที่ร้านจึงหารือกันแล้วว่าจะไม่ให้ใครติดเงินอีกไม่ว่าจะซื้อให้เพื่อนหรือญาติ ใครฝ่าฝืนจะถูกปรับยี่สิบตำลึง อย่าว่าแต่ของที่เจ้าต้องการทางเราก็ขาดอยู่ ต่อให้เอาเงินสดมาซื้อก็ไม่มีของ เจ้าไปหาที่อื่นเถิด นี่คือเรื่องแรก
อีกเรื่องคือ เจ้าคงไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรจริงจัง เชื่อของไปคงใช้ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เจ้าคงคิดว่าพอน้าชายเห็นหน้าเจ้าเป็นต้องต่อว่า นี่ก็เพราะเจ้ายังเด็กไม่รู้ดีชั่ว เจ้าควรวางแผนหาเงินทองเพื่อใช้จ่ายในการกินอยู่ ข้าเห็นแล้วค่อยสบายใจบ้าง”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “ที่ท่านน้ากล่าวก็มีเหตุผล ตอนที่ท่านพ่อถึงแก่กรรม ข้ายังเล็กนักยังไม่รู้ความ ต่อมาท่านแม่เล่าว่า โชคดีที่ได้ท่านน้าช่วยเป็นธุระจัดการงานศพให้ จึงน่าจะรู้ดีว่าพวกเราไม่มีที่สักหมู่ 亩 เรือนสักหลังไว้ทำทุน “สะใภ้เก่งเพียงไหนก็หุงข้าวไม่ได้หากไร้ข้าวสาร 巧媳妇做不出没米的饭来” จะให้ข้าทำเช่นไรได้ ยังดีที่เป็นข้า หากเป็นคนอื่นที่ไร้ยางอาย คงไปรบกวนท่านน้าขอข้าวสามเซิง 升 ถั่วสองเซิง วันเว้นวัน จนท่านน้าไม่เป็นอันทำอะไร”
ปู่สื้อเหยินว่า “เด็กเอ๋ย หากน้ามี ก็คงให้ ข้าพูดกับน้าหญิงของเจ้าทุกวันว่าน่าเสียใจที่เจ้าไม่มีแผนสำหรับอนาคต เจ้าควรจะเข้าไปในจวนใหญ่ของญาติเจ้า ต่อให้เข้าไม่ถึงพวกนายท่านทั้งหลาย ก็ลดตัวลงคลุกคลีตีโมงกับพวกพ่อบ้านผู้ดูแล หางานอะไรก็ได้ทำ
วันก่อนข้าออกนอกเมือง ยังพบเจ้าสี่จากเรือนสาม (เจี่ยฉิน) นั่งรถวางมาดนำสามเณรและนักพรตน้อยหลายสิบคนมุ่งไปยังศาลประจำตระกูล เขามีความสามารถจึงได้งานนี้”
เจี่ยหยุนฟังน้าพูดถากถางแล้วจำขออำลา
ปู่สื้อเหยินว่า “จะรีบไปไหน อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน”
ไม่ทันขาดคำ ได้ยินเสียงเมียดังมาว่า
“เจ้านี่ก็เลอะเลือน บอกว่าไม่มีข้าวสาร ข้าจึงไปซื้อหมี่มาครึ่งชั่งให้เจ้ากิน นี่ยังทำหน้าใหญ่จะให้หลานมาอดด้วยกัน”
ปู่สื้อเหยินว่า “เจ้าก็ไปซื้อมาเพิ่มอีกครึ่งชั่ง”
เมียจึงตะโกนบอกลูกสาวว่า “เจ๊อิ๋ง ไปหายายหวางบ้านตรงข้ามขอยืมเงินมาหน่อย พรุ่งนี้จะใช้คืนให้”
สองผัวเมียพูดรับกันไปมา เจี่ยหยุนจำบอกว่า
“ไม่รบกวน” แล้วรีบลามาโดยไว
เจี่ยหยุนเดินกลับบ้าน ก้มหน้าครุ่นคิดไปไม่ทันระวังชนคนเมาผู้หนึ่งเข้าอย่างจัง ขี้เมาคว้าตัวเจี่ยหยุนไว้ด่าว่า
“ตาบอดหรือไง มาชนข้า”
เจี่ยหยุนฟังเสียงคุ้นๆ พินิจดูหน้า ที่แท้คือหนีเอ้อ 倪二 ที่อยู่ข้างบ้าน หนีเอ้อเป็นอันธพาลปล่อยเงินกู้กินดอกสูง หากินอยู่ตามบ่อน ชอบดื่มเหล้าและต่อยตี เพิ่งไปทวงหนี้กลับมา กำลังเมาได้ที่อยากหาเรื่องคน
เจี่ยหยุนตะโกนบอกว่า “เจ้าสอง ช้าก่อน ข้าเองที่ชนเจ้า”
หนีเอ้อฟังเสียงคุ้น ลืมตาที่ปรือมองหน้าเจี่ยหยุนแล้วปล่อยมือ ยืนเซยิ้มว่า
“นายรองเจี่ย ไปไหนมา”
เจี่ยหยุนว่า “ไม่อยากบอกเจ้า อยู่อยู่ข้าก็หาเรื่องใส่ตัว”
หนีเอ้อว่า “ไม่เป็นไร มีเรื่องไม่เป็นธรรมบอกข้า ข้าช่วยได้ สามถนนหกซอยย่านนี้ ใครผิดใจวัชรเทพขี้เมาหนีเอ้อ 醉金刚倪二 เป็นบ้านแตกสาแหรกขาด”
เจี่ยหยุนว่า “เจ้าสอง อย่าเพิ่งโมโห ข้าจะเล่าให้ฟัง”
แล้วเล่าเรื่องที่ไปพบปู่สื้อเหยินให้ฟัง
หนีเอ้อฟังแล้วโมโหใหญ่ว่า “ถ้าไม่ใช่ญาติของนายรอง ข้าคงตามไปด่า มันน่าโมโหจริงจริง เอาเถอะ ไม่ต้องเสียใจ เงินแค่ไม่กี่ตำลึง ต้องใช้ก็เอาไป พวกเราเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ข้าไม่คิดดอกเบี้ย”
ว่าแล้วก็ล้วงเงินจากไถ้ตาเปาคาดเอว 搭包 ส่งให้
เจี่ยหยุนตรองว่า “หนีเอ้อแม้จะเป็นอันธพาล แต่จะทำอะไรยังดูหน้าคน นับว่ามีใจกว้างผ่าเผย หากไม่รับน้ำใจเที่ยวนี้ ไปทำเขาเสียหน้าคงไม่เหมาะ มิสู้รับไว้ วันหน้าค่อยใช้คืน”
จึงยิ้มว่า “เจ้าสอง ท่านเป็นคนดีมีคุณธรรมยิ่ง มิกล้าไม่รับไว้ กลับไปบ้านข้าจะเขียนหนังสือสัญญาให้”
หนีเอ้อยิ้มว่า “เงินแค่สิบห้าตำลึงสามเฉียน เจ้ายังจะเขียนสัญญา งั้นข้าไม่ให้ยืม”
เจี่ยหยุนรับเงินไว้แล้วว่า “ข้าน้อมรับบัญชา ไม่ต้องใจร้อน”
หนีเอ้อหัวเราะว่า “ต้องอย่างนี้สิ ฟ้ามืดแล้ว ข้าไม่ชวนเจ้าดื่มแล้ว ข้ายังมีธุระ เจ้ารีบกลับเถอะ ข้าวานเจ้าไปบอกที่บ้านว่า ให้พวกเขาปิดประตูเข้านอนได้ คืนนี้ข้าไม่กลับ มีเรื่องอะไรให้ลูกสาวข้าไปหาข้าพรุ่งนี้เช้าที่บ้านหวางขาสั้นคนขายม้า 马贩子王短腿”
พูดจบก็เดินโซเซจากไป
เจี่ยหยุนพบเรื่องโชคดีเข้าโดยบังเอิญ แต่ไม่รู้ว่าหนีเอ้อจะเอื้อเฟื้อตอนเมา แล้วมาทวงหนี้ทบต้นในวันพรุ่งหรือไม่ พลันคิดว่า
“ไม่เป็นไร ขอให้เรื่องนั้นสำเร็จ ก็ยังมีทบต้นจ่ายคืนเขา”
จึงตรงไปร้านค้าเงิน นำไปชั่งดู น้ำหนักตรงไม่มีขาดเกิน ยิ่งรู้สึกพอใจ
กลับมาถึงก่อนเข้าบ้านก็แวะบอกเรื่องที่หนีเอ้อสั่งแก่ภรรยาของหนีเอ้อ พอเข้าบ้านก็เห็นมารดากำลังคลึงด้ายอยู่ พอเห็นเจี่ยหยุนกลับมาก็ถามว่า
“หายไปไหนมาทั้งวัน”
เจี่ยหยุนกลัวมารดาจะโกรธ จึงไม่พูดถึงปู่สื้อเหยิน บอกเพียงว่า
“ไปรอพบท่านอารองเหลียนที่จวนตะวันตกมา”
แล้วถามมารดาว่า “กินข้าวหรือยัง”
มารดาว่า “กินแล้ว ยังมีเหลือให้เจ้าอยู่นั่น”
แล้วเรียกสาวใช้ให้ยกออกมาให้
ขณะนั้นเป็นเวลาตามตะเกียงแล้ว เจี่ยหยุนกินข้าวเสร็จก็เข้านอน
ตอนก่อนหน้า : วรรณกรรมประโลมโลก
https://www.blockdit.com/posts/6915a4c96ffc9964b0d3e8c3
ตอนถัดไป : เสี่ยวหง
https://www.blockdit.com/posts/691eda879e47837030466417
บันทึก
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย