20 พ.ย. เวลา 09:08 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 47 เสี่ยวหง

เช้าวันรุ่งขึ้น เจี่ยหยุนตื่นล้างหน้าเสร็จ ออกมายังร้านเครื่องหอมที่ถนนใหญ่ทางประตูใต้ ซื้อพิมเสน ชะมดเช็ดแล้วตรงมายังจวนหยง ถามดูรู้ว่าเจี่ยเหลียนออกจากบ้านไปแล้ว เจี่ยหยุนจึงมาทางด้านหลัง ถึงลานบ้านของเจี่ยเหลียนเห็นบ่าวไพร่หลายคนกำลังใช้ไม้กวาดดอกหญ้าอันสูงๆ กวาดลานอยู่ พลันเห็นภรรยาของโจวยุ่ย 周瑞家的 เดินออกมาบอกบ่าวไพร่ว่า
“อย่าเพิ่งกวาด คุณนายกำลังออกมา”
เจี่ยหยุนรีบเดินไปหายิ้มว่า
“ท่านอาหญิงรองกำลังจะไปที่ไหนหรือ”
ภรรยาโจวยุ่ยว่า “เหล่าไท่ไท่เรียกหา คิดว่าคงเป็นเรื่องงานตัดเย็บบางอย่าง”
คนกลุ่มหนึ่งเดินล้อมพี่เฟิ่งออกมา เจี่ยหยุนรู้ดีว่าพี่เฟิ่งชอบให้ประจบ จึงรีบประสานมือเดินเข้ามาทักทาย พี่เฟิ่งไม่แม้แต่ชายตามอง ยังคงเดินตรงไปข้างหน้า ปากถามว่ามารดาสบายดี
“ทำไมพักนี้ไม่เห็นเข้ามา”
เจี่ยหยุนว่า “สุขภาพท่านแม่ไม่ค่อยดี แต่ยังคิดถึงท่านอาหญิงอยู่เสมอ บอกอยากเข้ามาเยี่ยมแต่มาไม่ได้”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “เจ้านี่รู้จักโกหก ถ้าข้าไม่ถาม นางคงไม่คิดถึง”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “ผู้หลานกลัวฟ้าผ่า ไม่กล้าพูดปดต่อผู้หลักผู้ใหญ่หรอก เมื่อเย็นวานยังพูดถึงท่านอาหญิงอยู่ว่า “ท่าอาหญิงรูปร่างบอบบาง งานก็มาก ดีที่ท่านมีสติปัญญาดี จึงจัดการงานทุกอย่างได้เรียบร้อย หากผิดพลาดแม้เพียงน้อย ไม่รู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ”
พี่เฟิ่งฟังแล้วยิ้มไม่หุบ ยังคงไม่หยุดเดิน ถามว่า
“อยู่ดีดี พวกเจ้าแม่ลูกทำไมต้องพูดถึงข้าลับหลัง”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “ก็เพราะว่าข้ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ทางบ้านพอมีฐานะจึงเปิดร้านขายเครื่องหอม เขาบริจาคเงินจนได้ตำแหน่งทงพั่น 通判 (ผู้ช่วยเจ้าเมือง) ที่หัวเมืองหนึ่งในหยุนหนาน 云南 จะย้ายกันไปทั้งครอบครัว ร้านเครื่องหอมจำต้องปิด สินค้าในร้านขายถูกได้ก็ขายถูก แจกได้ก็แจก ของดีมีราคาก็มอบให้เพื่อนฝูงญาติพี่น้อง
ข้าได้พิมเสน ชะมดเช็ดมา จึงหารือท่านแม่ว่า จะขายถูกก็น่าเสียดาย จะกำนัลใครก็ไร้ผู้คู่ควร คิดถึงว่าเมื่อปีกลายท่านอาหญิงต้องใช้เงินห่อใหญ่ไปซื้อของพวกนี้ มิพักต้องพูดว่า เทศกาลตวนหยาง 端阳节 ปีนี้ เจ้าจอมในวังต้องใช้ของพวกนี้ คงต้องใช้ของมากกว่าปีกลายนับสิบเท่า จึงนำของเหล่านี้มากำนัลท่านอาหญิง”
ว่าแล้วก็ส่งกล่องแพรปักมาให้
พี่เฟิ่งเห็นเป็นของที่ต้องใช้ในเทศกาล จึงยิ้มแล้วสั่งเฟิงเอ๋อ 丰儿 ว่า
“รับของพี่หยุนแล้วกลับเข้าบ้านเอาไปให้ผิงเอ๋อ 平儿”
แล้วกล่าวกับเจี่ยหยุนว่า
“ดูเจ้าจะเป็นคนรู้จักสถานการณ์ มิน่าเล่าอาเจ้าจึงพูดถึงเจ้าให้ข้าฟังว่า เจ้าเป็นคนดี พูดจาชัดแจ้ง มีความสามารถเต็มตัว”
เจี่ยหยุนได้ฟัง รู้ว่ามาถูกทางจึงรุกคืบต่อถามว่า
“ที่แท้ท่านอาก็มักกล่าวชมข้า”
พี่เฟิ่งฟังถาม จึงคิดว่าจะบอกเรื่องงานที่จะมอบหมายให้ แต่มาคิดอีกทีเกรงว่าจะถูกมองว่าเห็นแก่เครื่องหอมเล็กน้อยก็หางานให้ จึงไม่พูดถึงงานเพาะปลูกไม้ต้นไม้ดอก เสพูดเรื่องอื่นไม่กี่คำก็เดินจากมายังเรือนแม่เฒ่าเจี่ย
เจี่ยหยุนก็ลำบากใจที่จะถาม จึงกลับออกมา แล้วนึกถึงเรื่องที่เมื่อวานนี้ เป่าวี่บอกให้ไปพบที่ห้องหนังสือ จึงออกไปกินข้าวแล้วกลับเข้าจวนใหม่ ตรงไปยังห้องหนังสือฉี่เสี้ยนไจ 绮霰斋 นอกประตูสองเรือนแม่เฒ่าเจี่ย เห็นหมิงเอียนกำลังแอบจับลูกนกกระจอกที่ชายคา จึงย่องไปข้างหลัง กระทืบเท้าว่า
“เจ้าลิงน้อยหมิงเอียน มาซุกซนอะไรอยู่”
หมิงเอียนหันกลับมาดูเห็นเจี่ยหยุน จึงยิ้มว่า
“นายรองทำข้าตกใจหมด”
แล้วกล่าวต่อว่า “ข้าไม่เรียกหมิงเอียน 茗烟 แล้ว นายรองเป่าว่า “เอียน 烟” ความหมายไม่ดี จึงเปลี่ยนชื่อเรียกว่า เป้ยหมิง 焙茗 ต่อไปนายรองก็เรียกข้าว่า เป้ยหมิง”
(เอียน 烟 คือควัน “หมิงเอียน 茗烟 ควันชา” แม้หอมแต่เดี๋ยวก็ลอยหายไป เปลี่ยนเป็น “เป้ยหมิง 焙茗 ชาคั่ว” อย่างไรก็หอมติดตัว)
เจี่ยหยุนยิ้มผงกหัวรับรู้ แล้วเดินเข้ามานั่งในห้องหนังสือถามว่า
“นายรองเป่าจะออกมาหรือยัง”
เป้ยหมิงว่า “วันนี้ยังไม่เห็น นายรองมีธุระอะไร เดี๋ยวข้าไปถามให้”
แล้วก็เดินออกไป
เจี่ยหยุนดูหนังสือภาพเขียนและโบราณวัตถุอยู่ชั่วมื้อข้าวก็ยังไม่เห็นเป่าวี่มา คิดว่าจะถามบ่าวคนอื่น ก็พากันไปเล่นที่อื่นเสียหมดแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร พลันได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียกมาจากหน้าประตูว่า
“พี่ชายคะ”
เจี่ยหยุนชะโงกมองด้านนอกเห็นสาวใช้อายุราวสิบห้าสิบหกท่าทางสุภาพเรียบร้อย สองตามีเสน่ห์เป็นประกาย พอเห็นเจี่ยหยุนก็จะหาที่หลบ พอดีเป้ยหมิงเดินมาเห็นสาวใช้ที่หน้าประตูจึงว่า
“มาก็ดีละ ข้าหาอย่างไรก็ไม่พบ”
เจี่ยหยุนเห็นเป้ยหมิง จึงออกมาถามว่า
“เป็นอย่างไรบ้าง”
เป้ยหมิงว่า “รออยู่ครึ่งวัน ก็ไม่เห็นใคร นี่เป็นสาวใช้ในเรือนนายรองเป่า”
แล้วหันมาบอกว่า
“แม่หญิง ช่วยไปบอกทีว่าท่านนายรองนอกระเบียงมาขอพบ”
สาวใช้ได้ฟัง รู้ว่าเป็นคุณชายบ้านนี้ จึงไม่คิดจะหลบอีกแต่จ้องเจี่ยหยุนสองตาเขม็งว่า
“อะไรนอกระเบียงในระเบียง เพียงบอกว่าหยุนเอ๋อ ก็รู้แล้ว”
นิ่งไปครึ่งวัน สาวใช้กึ่งยิ้มกึ่งบึ้งว่า
“ข้าว่า เชิญนายรองกลับไปก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ เย็นนี้มีเวลา ข้าจะเรียนท่านให้”
เป้ยหมิงว่า “หมายความว่าอย่างไร”
สาวใช้ว่า “วันนี้ ท่านไม่ได้นอนกลางวัน ดังนั้นหลังอาหารก็คงเข้านอนเลย เย็นนี้อาจไม่ลงมา หรือจะให้นายรองทนหิวรออยู่ที่นี่ มิสู้กลับไป พรุ่งนี้มาใหม่ดีกว่า อยู่รอไป เจอใครบอกให้ใครไปถาม เขาก็คงแค่รับปากส่งส่งไป”
เจี่ยหยุนฟังสาวใช้พูดจาฉะฉานน่าเอ็นดู คิดจะถามชื่อ แต่เห็นว่าเป็นสาวใช้ในเรือนของเป่าวี่จึงไม่ถาม ได้แต่ว่า
“ที่พูดก็ถูก พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
แล้วจะเดินกลับออกไป
เป้ยหมิงว่า “ข้าไปรินน้ำชาให้ นายรองดื่มชาแล้วค่อยกลับ”
เจี่ยหยุนเดินพลางหันกลับมาบอกว่า
“ไม่เป็นไร ข้ายังมีธุระ”
ตามองสาวใช้ ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
เจี่ยหยุนตรงกลับบ้าน เข้าวันรุ่งขึ้นกลับมาใหม่ พอถึงหน้าประตูใหญ่ เผอิญพี่เฟิ่งกำลังขึ้นรถเพื่อไปคารวะอวยพรช่วงเช้า พอเห็นเจี่ยหยุน จึงให้คนไปตามมา แล้วยิ้มทักข้ามหน้าต่างรถว่า
“หยุนเอ๋อ เจ้ากล้ามาเล่นตลกต่อหน้าข้า ที่เจ้าส่งของขวัญมาให้ข้าเมื่อวาน ที่แท้มีเรื่องจะไหว้วาน เมื่อวานอาเจ้าบอกข้าแล้วว่าเจ้าไปขอร้องเขา”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “เรื่องที่ข้าไปขอร้องท่านอา ท่านอาหญิงอย่าพูดถึงเลย ข้ายังนึกเสียใจอยู่ หากรู้แต่แรก มาขอร้องท่านอาหญิง คงเรียบร้อยไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าท่านอาช่วยไม่ได้”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “ออ เจ้าไปขอทางนั้นแล้วไม่ได้ เมื่อวานจึงมาหาข้า”
เจี่ยหยุนว่า “ท่านอาหญิงดูหมิ่นน้ำใจข้า ข้าหาได้มีเจตนาเช่นนั้น หากเป็นเช่นนั้น เมื่อวานมิเอ่ยปากขอท่านอาหญิงแล้วหรือ ในเมื่อตอนนี้ท่านอาหญิงรู้แล้ว ข้าก็จะไม่พูดถึงท่านอาละ จะขอรบกวนท่านอาหญิงได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด”
พี่เฟิ่งยิ้มเยาะว่า “เจ้าเลือกเดินทางอ้อม หากกล้าๆ บอกข้าแต่แรก คงไม่ต้องเสียเวลาถึงป่านนี้ ในอุทยานต้องการคนดูแลต้นไม้ดอกไม้ ข้ากำลังหาคนอยู่หากบอกก่อนคงจบเรื่องแล้ว”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้ท่านอาก็เรียกใช้ข้าเถิด”
พี่เฟิ่งนิ่งไปครึ่งวันจึงว่า “งานนี้ข้าว่าไม่ดีเท่าไร เอาไว้ปีใหม่ปีหน้าจะประดับโคมไฟเป็นงานใหญ่ค่อยเรียกเจ้าดีกว่า”
เจี่ยหยุนว่า “ท่านอาหญิงคนดี ให้ข้าทำงานนี้ก่อน หากทำได้ดี ค่อยให้ข้ารับงานนั้น”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “เจ้าก็รู้จักคิดการไกล เอาเถิด หากไม่ใช่อาเจ้าบอกเอาไว้ ข้าคงไม่ยุ่งเรื่องของเจ้า ข้าไปกินข้าวก่อน หลังเที่ยงเจ้าเข้ามาเอาเงิน มะรืนนี้เข้าไปปลูกดอกไม้ในอุทยาน”
ว่าแล้วก็บอกให้ออกรถ
เจี่ยหยุนดีใจยิ่งนัก แล้วมายังห้องหนังสือฉี่เสี้ยนไจเพื่อพบเป่าวี่ ทว่าเป่าวี่ไปจวนเป่ยจิ้งอ๋อง 北静王 แต่เช้า
เจี่ยหยุนได้แต่นั่งรอแล้วรอเล่ากระทั่งเที่ยงวัน พอฟังว่าพี่เฟิ่งกลับมาแล้ว ก็ไปพบเพื่อรับใบเบิกเงินและป้ายตุ้ยไผ แล้วออกมาเรือนนอก ไฉ่หมิง 彩明 ออกมาพบรับใบเบิกไปกรอกจำนวนเงิน วันที่ แล้วส่งคืนให้พร้อมป้ายตุ้ยไผ เจี่ยหยุนดูยอดเงินที่กรอกไว้ว่าสองร้อยตำลึง ก็ยินดียิ่งนัก รีบมายังการเงินเบิกเงินแล้วกลับบ้านไปบอกมารดา
ยามห้าเช้าวันรุ่งขึ้น เจี่ยหยุนไปหาวัชรเทพขี้เมาหนีเอ้อ 醉金刚倪二 คืนเงินที่ยืมไป แล้วนำเงินห้าสิบตำลึงมาซื้อไม้ดอกว่าจ้างคนสวนที่แปลงเพาะดอกไม้ “ฟางชุน 方椿” นอกประตูเมืองตะวันตก
กล่าวถึงเป่าวี่ วันที่บอกเจี่ยหยุนให้มาพบในวันรุ่งขึ้น ก็เป็นเพียงลมปากของคุณชาย พูดไปแล้วก็ลืมหาได้ใส่ใจ เย็นนี้กลับจากจวนเป่ยจิ้งอ๋อง เยี่ยมคารวะแม่เฒ่าเจี่ย กับหวางฮูหยินแล้วก็เข้ามาในอุทยาน ผัดผ้าแล้วจะอาบน้ำ สีเหยินก็ถูกเป่าไชตามไปช่วยงานผูกเงื่อน ชิวเหวิน 秋纹 ปี้เหิน 碧痕 สองคนไปขนน้ำ ถานหยุน 檀云 แม่ป่วยจึงรับตัวไปเยี่ยมข้างนอก เส้อเยว่ 麝月 ไม่สบายนอนซมอยู่ เหลือสาวใช้ไม่ค่อยรู้งานไม่กี่คน คิดว่าคงไม่ถูกเรียกใช้จึงออกไปหาเพื่อน ตอนนี้จึงไม่มีใคร เหลือเป่าวี่อยู่เพียงลำพัง
เป่าวี่อยากดื่มชา เรียกไปสองสามครั้ง เห็นแม่บ้านสามคนเดินเข้ามา เป่าวี่เห็นแล้วโบกมือว่า
“พอ พอ ไม่ต้องแล้ว”
พวกแม่บ้านจึงเดินกลับออกไป
เป่าวี่เห็นสาวใช้หายกันไปหมด จึงมาหยิบถ้วยเองจะไปรินชาที่กา ได้ยินเสียงคนที่ด้านหลังว่า
“นายรอง ระวังน้ำร้อนลวกมือ ให้ข้ารินให้”
แล้วรีบเดินมารับถ้วย
เป่าวี่สะดุ้งโหยง ถามว่า “เจ้ามาจากไหน จู่จู่โผล่มา ทำเอาข้าตกใจ”
สาวใช้ส่งน้ำชาให้แล้วยิ้มว่า “ข้าอยู่หลังเรือน เพิ่งเข้ามาทางประตูหลัง นายรองไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าข้าหรือ”
เป่าวี่ดื่มชาแล้วเพ่งพินิจดูสาวใช้ผู้นั้นสวมเสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่ ผมสลวยดำขลับมุ่นเป็นมวย ใบหน้ารูปไข่ยาว รูปร่างอ้อนแอ้นสมส่วน อ่อนโยนอ่อนหวาน
เป่าวี่ยิ้มแล้วถามว่า “เจ้าเป็นคนในเรือนข้าหรือ”
สาวใช้ผู้นั้นยิ้มตอบว่า “ใช่”
เป่าวี่ว่า “ถ้าอยู่ในเรือนนี้ ทำไมข้าไม่รู้จัก”
สาวใช้ยิ้มหยันว่า “นายท่านไม่รู้จักยังมีอีกเยอะ ใช่ว่ามีข้าคนเดียว ข้าไม่เคยยกน้ำชาหาของมาเสนอหน้า จะรู้จักได้อย่างไร”
เป่าวี่ว่า “แล้วทำไมเจ้าไม่เสนอหน้าบ้างเล่า”
สาวใช้ว่า “เรื่องนี้พูดยาก แต่มีเรื่องจะเรียนนายรอง เมื่อวานนี้มีคนชื่อหยุนเอ๋ออะไรนี่มาหานายรอง ข้าเห็นว่านายรองไม่ว่าง จึงให้เป้ยหมิงไปบอก วันนี้ก็มาอีกแต่นายรองไปยังจวนเป่ย…”
กล่าวถึงตรงนี้ ได้ยินเสียงชิวเหวิน ปี้เหินหัวเราะคิกคักหิ้วน้ำมาคนละถัง อีกมือถลกชุดกระโปรง เดินเซน้ำกระฉอกเข้ามา สาวใช้จึงรีบเข้าไปช่วย
ชิวเหวิน ปี้เหินโทษกันเองว่า
“เจ้าทำน้ำใส่ข้าเปียก”
อีกคนว่า “เจ้าเหยียบเท้าข้า”
แล้วก็เห็นคนเข้ามาช่วยหิ้วถังน้ำ ที่แท้คือ เสี่ยวหง 小红
ทั้งสองตะลึง วางถังน้ำแล้วรีบเข้ามาดูก็เห็นเป่าวี่ จึงไม่สบายใจ รีบเตรียมของใช้อาบน้ำให้ รอเป่าวี่ถอดเสื้อผ้าลงอาบน้ำแล้วก็ออกมาหาเสี่ยวหงที่ห้องด้านหลัง ถามเสี่ยวหงว่า
“เมื่อกี้เจ้าไปทำอะไรในห้อง”
เสี่ยวหงว่า “ข้าเข้าไปในห้องที่ไหนกัน ข้าทำผ้าเช็ดหน้าหาย จึงเดินหาไปด้านหลัง เห็นนายรองจะดื่มน้ำชา เรียกหาพวกพี่ไม่มีใคร ข้าจึงไปช่วยเทน้ำชาให้ พวกพี่ก็มาพอดี”
ชิวเหวินโพล่งใส่หน้าว่า “ชั้นต่ำไร้ยางอาย เรียกเจ้าไปหิ้วน้ำ ก็บอกว่ามีงานต้องทำ บอกให้พวกเราไป ที่แท้ก็คอยหาโอกาส คิดว่าพวกเรารู้ไม่ทันหรือ ไปส่องกระจกดูเงาว่าเจ้าเหมาะจะยกน้ำชาหาของไหม”
ปี้เหินว่า “พรุ่งนี้ข้าจะบอกคนอื่น จะยกน้ำชาหาของ พวกเราไม่ต้องทำ ให้นางทำคนเดียว”
ชิวเหวินว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็แยกย้าย ให้นางอยู่ในห้องคนเดียวพอ”
พูดเองตอบเองกันสองคน ก็มีเหล่าหม่อมอนำคำพี่เฟิ่งมาบอกว่า
“พรุ่งนี้จะมีคนสวนมาปลูกต้นไม้ พวกเจ้าระมัดระวังอย่ารุ่มร่ามตากเสื้อตากกระโปรงกลางแจ้ง เขาจำลองก็จะล้อมบังไว้ อย่าเที่ยวเดินเพ่นพ่าน”
ชิวเหวินถามว่า “พรุ่งนี้ใครจะพาคนสวนเข้ามาทำงาน”
แม่เฒ่าว่า “เห็นว่าคือนายหยุนเอ๋ออะไรที่นอกระเบียง”
ชิวเหวิน ปี้เหิน ไม่รู้จัก จึงชวนคุยเรื่องอื่น แต่เสี่ยวหงรู้ว่าคือคนที่พบที่ห้องหนังสือด้านนอกเมื่อวาน
เสี่ยวหงนี้เดิมแซ่หลิน 林 (เหมือนไต้วี่) มีชื่อว่า หงวี่ 红玉 (หยกแดง) แต่เนื่องจากอักษรหยก 玉 (วี่) ไปตรงกับ เป่าวี่ ไต้วี่ จึงเรียกกันเพียง “เสี่ยวหง 小红” เป็นเชื้อสายคนใช้ของจวน บิดามีหน้าที่ดูแลเรือกสวนไร่นาของตระกูล เสี่ยวหงพออายุได้สิบสี่ปีก็เข้ามารับใช้ในจวน และถูกส่งมาดูแล “ลานชื่นแดง 怡红院 (หยีหงย่วน)” ซึ่งเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ ต่อมาเป่าวี่และพวกพี่น้องสตรีย้ายเข้ามาอยู่ในอุทยาน เป่าวี่เลือกมาอยู่ที่นี่
เสี่ยวหงเป็นสาวใช้ใหม่ยังไม่ค่อยรู้งาน แต่อาศัยว่าหน้าตาดี จึงมีใจทะเยอทะยานใฝ่สูง พยายามหาทางเสนอหน้าให้เป่าวี่เห็น แต่ข้างกายเป่าวี่มีสาวใช้อุดมเขี้ยวเล็บ จึงยากจะหาโอกาส เพิ่งได้จังหวะวันนี้ ก็โดนพวกชิวเหวินสบประมาทเสียยกใหญ่ ทำเอาท้อใจไปกว่าครึ่ง พอมาได้ยินเหล่าหม่อมอพูดถึงเจี่ยหยุน เหมือนได้รับแรงกระตุ้นบางอย่าง จึงเดินกลับห้องอย่างหดหู่ ล้มตัวนอนบนเตียงครุ่นคิด
เสี่ยวหงพลิกตัวไปมา รู้สึกอับจนหนทาง พลันได้ยินเสียงเรียกค่อยๆ นอกหน้าต่าง
“หงเอ๋อ ข้าเก็บผ้าเช็ดหน้าของเจ้าได้ อยู่นี่”
เสี่ยวหงรีบออกมาดู พบว่าเป็นเจี่ยหยุน เสี่ยวหงรู้สึกเขินอายถามว่า
“นายรองเก็บได้ที่ไหน”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “เจ้ามานี่ ข้าจะบอกให้”
แล้วเอื้อมมือมายุดเสื้อนางไว้
เสี่ยวหงบิดตัวจะวิ่งหนี แต่สะดุดธรณีประตูหกล้ม
(จบบทที่ยี่สิบสี่)
ตอนก่อนหน้า : รู้หน้าไม่รู้ใจ
ตอนถัดไป : แม่หมอกับผีหน้าคราม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา