เมื่อวาน เวลา 06:33 • สิ่งแวดล้อม
เขื่อนภูมิพล

💙 EP2/6 — เมือง–Polder–คลองล่าง: พื้นที่ที่ถูกลืม แต่เป็นตัวชี้ขาดของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปี 2568

ใน EP1/6 เราเห็นแล้วว่า
ปีนี้ลุ่มน้ำเจ้าพระยาถูกพายุ 6 ลูกทดสอบพร้อมกันทั้งระบบ
และพบความจริงว่า เขื่อนช่วย—but ไม่พอ!
เพราะน้ำกว่า 75% ในช่วงท้ายฤดูมาจากฝนตอนล่าง ที่ไม่ผ่านเขื่อนบนเลย
EP2/6 นี้ ผมจะพาไปดู “ตัวละครตอนล่าง” ที่ถูกพูดถึงน้อยสุด
แต่จริง ๆ แล้ว “กำหนดผลลัพธ์สุดท้าย” ของการท่วมปีนี้มากที่สุด ได้แก่
✔ เมืองและโครงสร้างเมือง
✔ Polder (พื้นที่คุ้มครองเมือง)
✔ คลองล่างและโครงสร้างควบคุมระดับน้ำ
✔ Floodplain ที่หายไป
✔ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน 30 ปีหลังสุด
ทั้งหมดนี้คือ “คอขวดของระบบ” ที่ทำให้ปี 2568 หนักกว่าที่แบบจำลองคาดการณ์
🟦 1) เมือง = ตัวกำหนดว่า “น้ำเข้ามาแล้วจะไปทางไหน” ไม่ใช่เขื่อนบน
หลายคนคิดว่า
น้ำมาจากเขื่อน → จึงท่วมเมือง
แต่ตามกราฟทุกชุดและแผนที่ rainfall ปีนี้
น้ำที่ท่วมเมือง คือ น้ำตอนล่างที่ไม่มีโครงสร้างรองรับ
เมืองล่าง (นครสวรรค์–ชัยนาท–สิงห์บุรี–อ่างทอง–อยุธยา–ปทุม–นนท์–กทม.)
มีปัจจัยที่ทำให้น้ำค้างอยู่เร็วมาก:
● พื้นที่ impermeable เพิ่มขึ้นมาก
(หลังคา–ถนน–คอนกรีต–โลจิสติกส์–โรงงาน)
● Floodplain ที่เคยช่วยหน่วงน้ำหายไปอย่างน้อย 60–70% ใน 30 ปีหลังสุด
● คลองสาขาถูกตีบจากตลิ่ง–ตะกอน–การบุกรุก–สะพานเตี้ย
● น้ำเมืองระบายออกได้ “ช้าเมื่อแม่น้ำเจ้าพระยาสูง”
เพราะแรงดันกลับ (backwater effect)
➡️ ดังนั้นเมื่อพายุคัลแม๊กตกตอนล่าง
เมืองจึงรับผลกระทบทันทีในแบบที่เขื่อนบนช่วยไม่ได้เลย
🟩 2) Polder เมือง: โครงสร้างที่ทำให้ “พื้นที่หนึ่งปลอดภัย แต่พื้นที่ข้างเคียงหนักกว่า”
พื้นที่เมืองที่มีคันดิน–กำแพง–ประตูน้ำ–สถานีสูบ เช่น
อยุธยาโซนเกาะเมือง
นนทบุรี–ไทรม้า–ท่าน้ำนนท์
รังสิต–คลองสาม–คลองสี่
ปทุมธานีโดยรอบชุมชนหลัก
แนวกำแพงป้องกัน กทม. ตามแนวโครงการป้องกันเจ้าพระยา
ล้วนเป็นระบบแบบ polder คือ
“กันน้ำไม่ให้เข้า แต่ต้องจัดการน้ำในพื้นที่เอง”
ข้อดี
✔ ลดความเสียหายในย่านเศรษฐกิจสำคัญ
ข้อจำกัด
❗ ผลักน้ำไปทางอื่น
❗ น้ำภายนอกสูงขึ้นเร็ว
❗ คลองด้านนอกตลิ่งล้นไว
❗ ประตูน้ำเปิดออกไม่ได้เมื่อแม่น้ำสูง
❗ การสูบต้องพึ่งไฟ–ต้องพึ่งเครื่องเต็มกำลัง
❗ ฝนตกใน Polder เอง = ท่วมใน Polder เอง
ปี 2568 คือปีที่ ทุก polder ใช้งานพร้อมกัน
แต่ “น้ำด้านนอกสูงกว่าเวลาออกแบบ”
จึงเกิดภาวะ “น้ำกดน้ำ” ในหลายพื้นที่
➡️ นี่คือสัญญาณชัดว่า Polder ต้อง “เชื่อมกับระบบลุ่มน้ำ”
ไม่ใช่ออกแบบแยกส่วนเหมือนเดิม
🟧 3) คลองล่าง: ฟันเฟืองที่เล็กกว่าเขื่อน แต่เป็นตัวกำหนดว่าปีนี้ท่วมเร็วหรือช้า
คลองระบายตอนล่าง เช่น
คลองบางบาล
คลองบางไทร
คลองโผงเผง
คลอง 13–คลองระพีพัฒน์
คลองรังสิตระบบเดิม
มีพฤติกรรมที่สำคัญมากในปีนี้:
✔ เมื่อแม่น้ำเจ้าพระยาสูง + น้ำลงจากคลองสาขาสูง = อัตราการไหล “ตกฮวบแบบ non-linear”
เปิดประตู 100% ก็ไหลออกได้ไม่ถึง 40–60% ของ capacity
✔ ประตูน้ำหลายแห่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำเจ้าพระยาเมื่อ peak
ทำให้ “เปิดไม่ได้เลย” เพราะน้ำจะย้อนเข้า
✔ ส่วนที่ควรเป็นพื้นที่พักน้ำธรรมชาติ กลายเป็นบ้าน–โรงงาน–ถนน
จึงไม่สามารถชะลอน้ำไว้ก่อนเข้าระบบประตูน้ำได้
➡️ คลองล่างคือ “ตัวชี้ขาด”
ว่าเขื่อนบนตัด peak มาให้แล้ว เมืองจะรับมือได้หรือไม่
ปี 2568 บอกเราว่า “คลองล่างไม่พอแล้ว”
🟨 4) การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน 30 ปีหลังสุด = สาเหตุเชิงโครงสร้างที่ทำให้ปีนี้หนักกว่าที่ควร
ข้อมูลดาวเทียมย้อนหลังพบว่า
พื้นที่ลุ่มต่ำล่าง (Ayutthaya–Pathum–Nonthaburi–Bangkok North)
มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินดังนี้
● พื้นที่ทุ่งรับน้ำลดลง 6–8 แสนไร่
● พื้นที่คอนกรีต–โรงงานเพิ่มขึ้น 4–5 แสนไร่
● เส้นทางน้ำธรรมชาติถูกหั่นเป็นท่อน ๆ ด้วยถนน–ทางด่วน–รางรถไฟ
● คลองย่อยถูกตื้นเขินและถูกปิดมากกว่า 25%
นี่คือการเปลี่ยน “วิศวกรรมธรรมชาติ” ของลุ่มน้ำ
ทำให้ฝนตอนล่าง 75% กลายเป็นน้ำท่วมเมืองทันที
แม้เขื่อนบนจะทำงานดีที่สุดก็ตาม
🟥 5) เมือง = ระบบความเสี่ยงสูงสุดในลุ่มน้ำ เพราะรองรับทั้งฝนเอง และน้ำของทั้งลุ่มน้ำ
ปี 2568 แสดงความจริงอย่างหนึ่งที่ชัดมาก:
เมืองล่าง = พื้นที่รับน้ำจาก 3 ทิศ
ฝนตัวเอง
Overflow จากคลองสาขา
Backwater จากเจ้าพระยา
และมีโครงสร้างรองรับไม่มากพอ
จึงเกิด “คอขวด–ล้นเร็ว–ระบายช้า”
นี่คือเหตุผลที่
เขื่อนช่วยมาก แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาปลายน้ำได้ทั้งหมด
⭐ บทสรุป EP2/6 — เมืองคือจุดที่ลุ่มน้ำแพ้น้ำ ไม่ใช่เขื่อนบน
ปีนี้ทำให้เราเห็นว่า
อะไรที่ทำให้ปี 2568 หนักกว่าหลายปีที่ผ่านมา:
✔ ฝนตอนล่าง 75%
✔ Polder ใช้งานพร้อมกัน
✔ คลองล่างรับน้ำเกินกำลัง
✔ Floodplain หายไป
✔ เมืองขยายลงทุ่ง
✔ แผนที่พื้นที่รับน้ำไม่ชัดเจน
✔ โครงสร้างล่างไม่ทันพายุต่อเนื่อง 6 ลูก
✔ Backwater effect ในช่วงน้ำทะเลหนุน
ทั้งหมดนี้รวมกันคือ “ชุดความเสี่ยงปลายน้ำ”
ซึ่งเป็นจุดที่ต้องลงทุนแก้จริงใน 5–10 ปีหน้า
ไม่เช่นนั้น ปี 2570–2580 ที่ฝนแรงกว่าเดิม
เมืองล่างจะยิ่งเสียเปรียบขึ้นเรื่อย ๆ
EP2/6 จึงชี้ให้เห็นชัด—
ลุ่มน้ำจะแข็งแรงได้ ต้องเสริมโครงสร้างล่างให้เท่าทันพายุยุคใหม่
ไม่ใช่หวังให้เขื่อนบนแก้แทนทุกเรื่อง
โฆษณา