13 นาทีที่แล้ว • ดนตรี เพลง

เพลง "Wildfires" ของ SAULT

​เพลง "Wildfires" โดยวงดนตรีลึกลับสัญชาติอังกฤษ SAULT ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพลง แต่มันคือการประกาศ การประท้วง และบทเพลงแห่งความอดทนที่ถูกขับขานขึ้นในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดทางสังคม บทเพลงนี้เป็นหัวใจสำคัญของอัลบั้ม "Untitled (Black Is)" ในปี 2020 ซึ่งปล่อยออกมาในช่วงที่ขบวนการ Black Lives Matter กำลังเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นทั่วโลก
​● ประวัติผู้แต่งและที่มาของเพลง
​SAULT เป็นวงดนตรีที่มีความพิเศษตรงที่พวกเขาแทบไม่เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะเลย ไม่มีบทสัมภาษณ์ ไม่มีภาพถ่ายโปรโมต และไม่เคยทำการแสดงสด ทำให้ดนตรีของพวกเขาพูดแทนตัวตนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แกนหลักของวงที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ:
• ​Inflo (Dean Josiah Cover): โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงผู้มีความสามารถในการผสมผสานแนวดนตรีโซล ฟังก์ ดิสโก้ และแอฟโฟรบีทเข้าด้วยกัน เขาเป็นที่รู้จักในวงการดนตรีอังกฤษจากการโปรดิวซ์งานให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย
• ​Cleo Sol (Cleopatra Nikolic): นักร้องนำและนักแต่งเพลงผู้มีเสียงร้องที่อ่อนโยนแต่ทรงพลัง เธอเป็นผู้ถ่ายทอดอารมณ์ที่ลึกซึ้งในเพลง "Wildfires"
​เพลง "Wildfires" ถูกปล่อยออกมาในช่วงที่มีการประท้วงต่อต้านความรุนแรงของตำรวจและระบบการเหยียดเชื้อชาติอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหลังจากการเสียชีวิตของ George Floyd ชื่ออัลบั้ม "Untitled (Black Is)" และเนื้อหาของเพลง สะท้อนถึง "ความโกรธ" และ "ความเจ็บปวด" ของชุมชนคนผิวสีในบริบททั่วโลกที่ถูกกดขี่
​● วิเคราะห์ความหมายของเนื้อเพลง
​เนื้อเพลง "Wildfires" เป็นการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและรุนแรง โดยมุ่งเป้าไปที่ ความอยุติธรรม และ ความโหดร้ายของตำรวจ ที่เกิดขึ้นกับคนผิวสี
• ​"Thief in the night, Tell the truth, White lies": เปิดฉากด้วยการกล่าวหาถึงการโกหกและการกระทำที่ลับ ๆ ล่อ ๆ ซึ่งอาจหมายถึงการปิดบังความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เกิดจากเจ้าหน้าที่
• ​"The bloodshed on your hands, Another man, Take off your badge, We all know it was murder": นี่คือแกนหลักที่ชัดเจนที่สุดของเพลง เป็นการ ประณาม การกระทำของเจ้าหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยใช้คำว่า "Murder" (ฆาตกรรม) ซ้ำ ๆ เพื่อเน้นย้ำถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น
• ​"We are dying, it's the reason we are crying": สะท้อนถึงความเจ็บปวดและความสูญเสียในชุมชน
• ​"But we will never show fear, Even in my eyes, I will always rise, In wildfires": ส่วนนี้คือหัวใจสำคัญของการ ยืนหยัด คำว่า "Wildfires" (ไฟป่า) ไม่ได้หมายถึงการถูกเผาไหม้ แต่หมายถึง พลังของการลุกฮือและการต่อสู้ ของผู้คน แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย รุนแรง และ "เผาผลาญ" ชีวิต (Wildfires) แต่พวกเขาก็จะไม่ยอมแสดงความกลัว และจะ "Always rise" (ลุกขึ้นเสมอ)
​● วิเคราะห์คุณค่าและผลกระทบ
​1. คุณค่าทางดนตรี
​เพลงนี้มีโครงสร้างทางดนตรีที่ เรียบง่าย แต่ ทรงพลัง ดนตรีแนวนีโอ-โซลผสมกอสเปลและฟังก์ที่หนักแน่น สร้างบรรยากาศที่โศกเศร้าและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เสียงร้องของ Cleo Sol มีความรู้สึกถึงความเศร้าและความเด็ดเดี่ยว ทำให้เพลงมีความ จริงใจ และ เข้าถึงอารมณ์ ของผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง
​2. คุณค่าทางสังคมและการเมือง
​"Wildfires" ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน เพลงประท้วงที่สำคัญที่สุดแห่งยุค คุณค่าของเพลงนี้คือการเป็น กระบอกเสียง ให้กับผู้ที่ถูกกดขี่ มันทำหน้าที่เป็นเพลงปลุกใจที่เน้นย้ำถึง ความอดทน และ ความกล้าหาญ ในการเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม เพลงนี้ช่วยตอกย้ำถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงระบบและเป็นการ บันทึกประวัติศาสตร์ ความรู้สึกของขบวนการ Black Lives Matter ในปี 2020 ไว้ในรูปแบบของงานศิลปะ
​​เพลง "Wildfires" ของ SAULT เป็นมากกว่าเพลงที่ฟังแล้วติดหู แต่มันคือ บทกวีแห่งความโกรธ ความเศร้า และความหวัง ที่สะท้อนถึงบาดแผลทางสังคมที่ลึกที่สุด การผสมผสานระหว่างดนตรีที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง กับเนื้อเพลงที่เด็ดขาดและโจมตีปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เพลงนี้เป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างคุณค่าทั้งทางศิลปะและทางสังคม เป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ใน "ไฟป่า" แห่งความอยุติธรรม มนุษย์ก็สามารถ ลุกขึ้นสู้ และไม่ยอมจำนนต่อความกลัวได้
โฆษณา