25 พ.ย. เวลา 04:55 • ไลฟ์สไตล์

#เก็บมาฝากถาม: อะไรคือที่สุดแห่งความหลง!

"ที่สุดแห่งความหลง" คำกล่าวนี้สามารถตีความได้หลายมิติ ทั้งในทางพุทธศาสนา(ปรัชญาความจริง) และในทางโลก(พฤติกรรมมนุษย์) ดังนี้ค่ะ!
1. ในทางพุทธศาสนา(สัจธรรม)
ที่สุดแห่งความหลง คือ "อวิชชา"(ความไม่รู้ตามความเป็นจริง) นี่คือรากเหง้าของความทุกข์ทั้งปวง โดยมีจุดสูงสุดอยู่ที่:
1) การหลงผิดว่ามี "ตัวกู ของกู"(อัตตา): การหลงคิดว่าร่างกาย จิตใจ และสรรพสิ่งเป็นตัวตนที่ถาวร เป็นของเราจริงๆ ทั้งที่ความจริงทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
2) การเห็นผิดเป็นชอบ(มิจฉาทิฏฐิ): เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข เห็นสิ่งที่ไม่งามว่างาม
สรุปในทางธรรม: ที่สุดของความหลง คือ การไม่รู้ว่าตนเองกำลังหลง และยึดมั่นถือมั่นในสิ่งสมมติว่าเป็นเรื่องจริง
2. ในทางจิตวิทยาและทางโลก
ที่สุดแห่งความหลงมักแสดงออกในรูปแบบของ "การขาดสติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิง" เช่นว่า
1) หลงตัวเอง (Narcissism/Delusion of Grandeur): การหลงคิดว่าตนเองวิเศษกว่าผู้อื่น ถูกต้องเสมอ หรือเป็นศูนย์กลางของจักรวาล จนไม่รับฟังความจริงหรือเหตุผลใดๆ
2) หลงอำนาจ (Intoxication with Power): การคิดว่าอำนาจและวาสนาจะอยู่ค้ำฟ้า ทำให้ทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมได้โดยไม่เกรงกลัว
3) หลงในกาม/ความรัก (Infatuation): ภาวะที่ "ความรักทำให้คนตาบอด" คือมองไม่เห็นข้อเสีย มองไม่เห็นความจริง และยอมทำลายตัวเองหรือผู้อื่นเพื่อรักษาสิ่งนั้นไว้
3. ในมุมมองเชิงปรัชญาชีวิต
มีคำกล่าวที่น่าสนใจว่า ที่สุดแห่งความหลง คือ "การคิดว่าเรายังมีเวลา"
เราใช้ชีวิตอย่างประมาท ผัดวันประกันพรุ่ง โกรธเกลียดกัน หรือสะสมทรัพย์สินราวกับว่า เราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป ทั้งที่ความตายอาจมาถึงในวินาทีถัดไปก็ได้..
บทสรุป:
ถ้าหากจะให้ฟันธงเพียงข้อเดียว ที่สุดแห่งความหลง คือ "การหลงยึดติดใน 'ตัวตน'(Ego)" เพราะเมื่อมี "ตัวตน" จึงมีความเห็นแก่ตัว จึงมีความอยากได้ อยากมี อยากเป็น และเมื่อไม่ได้ดั่งใจ "ตัวตน" นั้นก็เจ็บปวดและเป็นทุกข์ที่สุดค่ะ.
น้ำมนต์ มงคลชีวิน
25 พฤศจิกายน 2568
#ชีวิตสำคัญที่เป้าหมาย วิธีคิด และการกระทำ
โฆษณา