1 ธ.ค. เวลา 09:34 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 50 กิ่วเอวผึ้งสานใยรัก

เป่าวี่พักฟื้นครบสามสิบสามวัน ไม่เพียงแข็งแรงดังเดิม แม้แผลพุพองบนใบหน้าก็หายสนิท จึงย้ายกลับเข้าไปพำนักในอุทยาน
ช่วงเวลาที่เป่าวี่ป่วยอยู่นั้น เจี่ยหยุนพาบ่าวในบ้านมาเปลี่ยนเวรเฝ้าดูแลเป่าวี่ตลอดทั้งวันและคืน เสี่ยวหงก็อยู่ในหมู่สาวใช้ที่มาเฝ้าดูแลเป่าวี่ด้วย ทั้งสองมีโอกาสพบหน้ากันหลายวัน เริ่มสนิทสนม เสี่ยวหงเห็นเจี่ยหยุนใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งคล้ายกับของที่ตนทำหาย ครั้นจะถามก็ไม่กล้า พอสงฆ์พรตมาแก้ไขเป่าวี่กลับไปแล้ว ไม่ต้องเข้าเวรอีก เจี่ยหยุนกลับไปปลูกต้นไม้เหมือนเดิม แต่เสี่ยวหงยังคงคาใจเรื่องผ้าเช็ดหน้า จะไปถามก็เกรงคนสงสัย ยังลังเลอยู่ พลันมีเสียงเรียกจากนอกหน้าต่าง
“พี่สาวอยู่ในบ้านไหม”
เสี่ยวหงมองลอดช่องหน้าต่างออกไปเห็นว่าเป็นสาวใช้รุ่นเล็กในเรือนนี้ชื่อ จยาหุ้ย 佳蕙 จึงตอบว่า
“ข้าอยู่บ้าน เจ้าเข้ามาสิ”
จยาหุ้ยวิ่งเข้ามา นั่งลงบนเตียงยิ้มว่า
“ข้าโชคดี กำลังล้างของอยู่ที่ลานบ้าน เป่าวี่ใช้ให้ข้าเอาใบชาไปให้คุณหนูหลิน พี่ฮวา(สีเหยิน)จัดของให้ข้า เผอิญเหล่าไท่ไท่ส่งเงินมาให้คุณหนูแจกพวกสาวใช้อยู่ ข้าไปถึงพอดี คุณหนูหลินเห็นข้าจึงคว้าเงินส่งมาให้ข้าสองกำ ข้าก็ไม่รู้ว่าเท่าไร ท่านช่วยเก็บให้ข้าที”
แล้วคลี่ผ้าเช็ดหน้าออก ส่งเงินมาให้เสี่ยวหง เสี่ยวหงช่วยนางนับทีละห้าทีละสิบ แล้วเก็บขึ้น
จยาหุ้ยว่า “สองวันมานี้ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าว่ากลับไปบ้านสักสองวัน หาหมอจัดยากินสักสองเทียบ คงหายดี”
เสี่ยวหงว่า “พูดอะไรกัน อยู่ดีดี ทำไมต้องกลับบ้าน”
จยาหุ้ยว่า “ข้ามาคิดดู คุณหนูหลินก็ไม่ค่อยแข็งแรง ต้องคอยกินยา ท่านไปขอแบ่งนางมาสักหน่อย คงเหมือนกัน”
เสี่ยวหงว่า “เหลวไหล ยาจะมาเที่ยวกินเล่นได้หรือ”
จยาหุ้ยว่า “ท่านเป็นอย่างนี้ไม่เป็นผลดีในระยะยาว กินดื่มน้อย สุดท้ายจะเป็นอย่างไร”
เสี่ยวหงว่า “กลัวอะไร ตายไวก็สิ้นเรื่องสิ้นราว”
จยาหุ้ยว่า “อยู่ดีดี ทำไมพูดจาแบบนี้”
เสี่ยวหงว่า “เจ้าจะมารู้ใจข้าได้อย่างไร”
จยาหุ้ยพยักหน้า ตรองดูสักพักแล้วว่า
“จะว่าท่านก็ไม่ได้ ที่แบบนี้ก็หาที่ยืนยาก อย่างเช่นเมื่อวาน เหล่าไท่ไท่เห็นเป่าวี่ป่วยอยู่หลายวัน บอกว่าคนที่คอยรับใช้คงต้องเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้หายดีแล้วเที่ยวจูดธูปแก้บน แล้วเรียกคนรับใช้ไปให้รางวัลตามลำดับชั้น พวกเรารุ่นเล็กอายุไม่ถึง ข้าก็ไม่ว่ากระไรหรอก แต่อย่างท่าน ทำไมไม่นับเป็นหัวแถว ข้ารับไม่ได้
สีเหยินนั่นสมควรได้เต็มสิบ นางทั้งขยันและใส่ใจ ไม่มีใครเทียบได้ แต่ที่น่าโมโหคืออย่าง ฉิงเหวิน 睛雯 ฉี่เสีย 绮霞 ก็นับเป็นหัวแถว เพราะเป่าวี่ชอบพวกนาง คนอื่นเลยพลอยประจบพวกนาง ท่านว่าน่าโมโหไหม”
เสี่ยวหงว่า “โมโหพวกนางไปก็ไร้ค่า ภาษิตว่า
“千里搭长棚,没有个不散的筵席。
ตั้งพลับพลายาวพันลี้ งานเลี้ยงยังมีเลิกรา”
ใครจะจมปลักอยู่ที่นี่ตลอดทั้งชาติ เพียงสามปีห้าปี ต่างคนต่างแยกย้าย ถึงตอนนั้น ก็ไม่มีใครสนใจใคร”
คำกล่าวนี้ทำให้จยาหุ้ยฉุกใจได้คิด ขอบตาแดงน้ำตาไหลไม่รู้ตัว ฝืนยิ้มว่า
“ท่านพูดมาก็ถูก เมื่อวานเป่าวี่ยังว่า พรุ่งนี้ให้จัดห้องแบบนี้ จัดเสื้อผ้าแบบนี้ ราวกับว่าจะทนอยู่ไปอีกร้อยปี”
เสี่ยวหงแค่นหัวเราะสองครั้งแล้วจะพูดต่อ ก็พอดีมีสาวใช้เด็กยังไม่ไว้ผมยาวเดินเข้ามา ในมือถือแบบลวดลายจำนวนหนึ่งและกระดาษสองแผ่น บอกว่า
“ลวดลายสองแบบนี้ให้ท่านช่วยลอกออกมา”
ว่าแล้วก็ทิ้งของให้เสี่ยวหงแล้วหันหลังวิ่ง
(สาวใช้เด็ก กร้อนผมสั้น บางทีก็แต่งตัวเป็นเด็กผู้ชาย เพราะยังเล็กดูไม่ออกว่าเด็กชายหรือเด็กหญิง)
เสี่ยวหงตะโกนถามว่า “ของใครกัน ไม่พูดให้จบก็วิ่งหนี ใครนึ่งหมั่นโถวรอเจ้า กลัวเย็นหรืออย่างไร”
สาวใช้เด็กตอบมาจากนอกหน้าต่าง “ของพี่ใหญ่ฉี่” (ฉี่เสีย) แล้วสาวเท้าวิ่งปุเลงปุเลงหายไป
เสี่ยวหงงอนโยนแบบไว้ข้างๆ แล้วหาดินสอในลิ้นชัก หาอยู่ครึ่งวัน มีแต่ดินสอหัวทู่ จึงว่า
“วันก่อนมีดินสอใหม่อยู่แท่งหนึ่ง เอาไว้ไหนทำไมนึกไม่ออก”
พูดไปงงไป แล้วพลันนึกขึ้นได้ ยิ้มว่า
“ใช่แล้ว เย็นวันก่อน อิงเอ๋อ 莺儿 มาเอาไป”
แล้วหันมาหาจยาหุ้ยว่า
“เจ้าช่วยไปเอามาให้ข้าที”
จยาหุ้ยว่า “พี่ฮวา (สีเหยิน) รอข้าเอากล่องไปให้ ท่านไปเอาเองก็แล้วกัน”
เสี่ยวหงว่า “นางรอเจ้าอยู่ เจ้ายังนั่งเอ้อระเหยอยู่นี่ ข้าไม่บอกเจ้าไปเอาของ นางคงไม่รอเจ้าแล้ว ยายม้าดีดกะโหลก 小蹄子”
กล่าวจบก็ออกมาเอาของเอง เดินออกจากลานชื่นแดงมายังเรือนของเป่าไช ผ่านข้างศาลาหอมซาบซ่าน 沁芳亭 เห็นหลี่หม่อมอ 李嬷嬷 แม่นมของเป่าวี่เดินสวนทางมา เสี่ยวหงหยุดยืนยิ้มทักว่า
“แม่นมหลี่ แม่เฒ่าจะไปไหน ทำไมมาทางนี้”
หลี่หม่อมอหยุดยืน ตบมือว่า “เจ้าบอกที อยู่ดีดีเกิดถูกใจคนปลูกต้นไม้พี่เมฆพี่ฝนอะไรนี่แหละ (เจี่ยหยุน 芸 พ้องเสียง 云 เมฆ) ใช้ให้ข้ามาตาม บอกว่าให้มาพบที่ห้อง คงไม่ใช่เรื่องดี” (แม่เฒ่าเข้าใจไปว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสียไม่ดีงาม)
เสี่ยวหงยิ้มว่า “แม่เฒ่าก็เชื่อแล้วจะไปตาม”
หลี่หม่อมอว่า “แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า”
เสี่ยวหงยิ้มว่า “คนผู้นั้นถ้ารู้ดีชั่ว คงบอกว่าไม่มา”
หลี่หม่อมอว่า “เขาก็ไม่ได้โง่ ทำไมจะไม่เข้ามา”
เสี่ยวหงว่า “ถ้าจะมา แม่เฒ่าควรกลับมาพร้อมเขา ปล่อยให้เขาทะเล่อทะล่าเข้าไปเอง คงไม่เหมาะ”
หลี่หม่อมอว่า “ข้าก็ไม่ว่างขนาดนั้น บอกเขารู้แล้ว คงให้เด็กรับใช้หรือแม่บ้านพามา”
กล่าวจบก็ใช้ไม้เท้าโขยกเขยกไปต่อ
เสี่ยวหงฟังคำแม่เฒ่าแล้วยืนงง ยังไม่ไปเอาดินสอ สักพักหนึ่ง มีสาวใช้เด็กวิ่งมา เห็นเสี่ยวหงยืนอยู่จึงถามว่า
“พี่หง มายืนทำอะไรที่นี่”
เสี่ยวหงเงยหน้ามองเห็นเด็กรับใช้ชื่อจุ้ยเอ๋อ 坠儿 จึงถามว่า “เจ้าจะไปไหน”
จุ้ยเอ๋อว่า “ให้ข้าไปตามนายรองหยุนเข้ามา”
พูดจบ ก็วิ่งไปต่อ
เสี่ยวหงออกเดินต่อ พอมาถึงประตูหน้าสะพานกิ่วเอวผึ้ง 蜂腰桥 (เฟิงเยาเฉียว) ก็เห็นจุ้ยเอ๋อเดินนำเจี่ยหยุนสวนทางมา เจี่ยหยุนเหลือบตามองเสี่ยวหง เสี่ยวหงเสคุยกับจุ้ยเอ๋อ เหลือบมองเจี่ยหยุน ตาสบตา เสี่ยวหงหน้าแดงไม่รู้ตัว บิดตัวเดินต่อไปยังลานขิงหอม 蘅芜院
เจี่ยหยุนเดินตามจุ้ยเอ๋อลัดเลาะมาถึงลานชื่นแดง จุ้ยเอ๋อเดินเข้าไปแจ้งก่อน แล้วจึงกลับออกมาพาเจี่ยหยุนเข้าไป เจี่ยหยุนมองสำรวจดูในลานมีเขาจำลองหลายจุด ปลูกต้นกล้วย กระเรียนสองตัวไซ้ปีกอยู่ใต้ต้นสน ระเบียงแขวนกรงนกหลายรูปแบบ มีนกแปลกสวยงามแปลกตา ด้านบนมีห้องเฉลียงห้าห้องสลักลวดลายเดียวกัน ด้านบนมีแผ่นป้ายเขียนอักษรขนาดใหญ่ “ชื่นแดงชมเขียว 怡红快绿 (หยีหงไคว่ลวี่)”
เจี่ยหยุนตรองว่า “มิน่าเล่าเรียกว่า “ลานชื่นแดง 怡红院” ก็เพราะสี่อักษรบนแผ่นป้ายนี่เอง”
หลังหน้าต่างมีเสียงหัวเราะเรียกมาว่า
“รีบเข้ามาสิ ข้าลืมเจ้าไปได้อย่างไรถึงสองสามเดือน”
เจี่ยหยุนฟังดูรู้ว่าคือเสียงเป่าวี่ จึงรีบเข้าไปในห้อง เงยหน้ามองเห็นห้องตกแต่งละลานตาด้วยประกายทองและหยก แต่ไม่เห็นเป่าวี่ หันมองทางด้านซ้ายมีกระจกเงาแต่งตัวขนาดยาว สาวใช้อายุสิบห้าสิบหกสองนางเดินอ้อมหลังออกมาว่า
“เชิญนายรองที่ห้องด้านใน”
เจี่ยหยุนไม่กล้ามองพวกนางตรงๆ รีบเดินเข้าด้านใน
ด้านในเป็นห้องปี้ซาฉู 碧纱厨 (ห้องเล็กกั้นส่วนในห้องโถงใหญ่) มีเตียงสลักลายลงรักขนาดเล็กด้านบนมีมุ้งลายดอกไม้เดินทอง เป่าวี่สวมชุดอยู่บ้านและรองเท้าเอนนอนอ่านหนังสืออยู่ พอเจี่ยหยุนเข้ามา ก็โยนหนังสือ แล้วลุกขึ้นยืนยิ้ม เจี่ยหยุนก้าวเข้ามาคารวะทักทาย เป่าวี่บอกให้นั่งลงบนเก้าอี้ด้านล่าง
เป่าวี่ว่า “ตั้งแต่พบเจ้าแล้วบอกให้มาพบที่ห้องหนังสือเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ข้าก็ติดงานมาตลอดจนลืมเจ้าไป”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “ข้าไม่มีโชคเอง แล้วท่านอายังมาป่วย ตอนนี้ท่านอาสบายดีแล้วกระมัง”
เป่าวี่ว่า “สบายดี ข้ารู้มาว่า เจ้าต้องลำบากมาเฝ้าข้าอยู่หลายวัน”
เจี่ยหยุนว่า “ถึงลำบากก็เป็นเรื่องสมควรอยู่ ท่านอาหายดี เป็นโชคดีของพวกเราทั้งบ้าน”
กล่าวจบ มีสาวใช้ยกน้ำชามาให้
เจี่ยหยุนปากพูดกับเป่าวี่ ตามองดูสาวใช้นางนั้น รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้ารูปยาว สวมเสื้อคลุมสีแดงและเงิน เสื้อกั๊กผ้าต่วนสีเขียว กระโปรงผ้าไหมบางสีขาว เมื่อตอนเป่าวี่ป่วย เจี่ยหยุนเข้ามาคลุกคลีอยู่หลายวัน จำชื่อสาวใช้ได้กว่าครึ่ง จึงรู้ว่านางคือสีเหยิน นางมีสถานะเหนือกว่าสาวใช้ต้นห้องนางอื่นของเป่าวี่ พอนางยกน้ำชามาให้ ขณะที่เป่าวี่ก็นั่งอยู่ด้วย เจี่ยหยุนรีบลุกขึ้นยิ้มว่า
“พี่สาวไยต้องเทน้ำชามาให้ข้า ข้ามาหาท่านอาไม่ใช่แขก ข้าเทเองได้”
เป่าวี่ว่า “เจ้านั่งลงเถิด กับสาวใช้เจ้าไยต้องปฏิบัติเช่นนี้”
เจี่ยหยุนยิ้มว่า “ถึงอย่างนั้น กับพวกพี่พี่ต้นห้องของท่านอา ข้ามิบังอาจล่วงเกิน”
กล่าวจบ ก็นั่งลงดื่มชา
เป่าวี่คุยกับเจี่ยหยุนในเรื่องที่ไม่ค่อยมีสาระอะไร เช่น งิ้วบ้านไหนดี สวนบ้านไหนสวย สาวใช้บ้านไหนเรียบร้อย โต๊ะอาหารบ้านไหนจัดได้อุดม บ้านไหนมีของแปลก เจี่ยหยุนก็เออออคุยตามไปด้วย จนกระทั่งเห็นเป่าวี่เพลียแล้วจึงบอกลา เป่าวี่ก็ไม่รั้งไว้ เพียงบอกว่า
“พรุ่งนี้ เจ้าว่างก็เข้ามาใหม่”
แล้วสั่งให้จุ้ยเอ๋อไปส่งกลับ
เจี่ยหยุนออกจากลานชื่นแดง มองไปโดยรอบไม่เห็นใคร จึงเดินให้ช้าลงแล้วชวนจุ้ยเอ๋อคุย เลียบเคียงถามว่า
“อายุกี่ขวบแล้ว ชื่อว่าอะไร พ่อแม่ทำงานอะไร อยู่กับอาเป่ามากี่ปี เดือนหนึ่งได้เงินเท่าไร ในเรือนท่านอามีสาวใช้ทั้งหมดกี่นาง”
จุ้ยเอ๋อตอบกลับไปทุกข้อ
เจี่ยหยุนถามอีกว่า “เมื่อกี้ คนที่คุยกับเจ้า ใช่ชื่อเสี่ยวหงไหม”
จุ้ยเอ๋อยิ้มว่า “นางชื่อเสี่ยวหง ท่านถามทำไม”
เจี่ยหยุนว่า “เจ้าบอกว่านางถามเรื่องผ้าเช็ดหน้า ข้าเก็บได้ผืนหนึ่ง”
จุ้ยเอ๋อฟังแล้วหัวเราะว่า “นางถามข้าหลายครั้งแล้วว่าเห็นผ้าเช็ดหน้าของนางไหม ข้าไม่ว่างพอจะไปสนใจเรื่องนี้ วันนี้ก็ถามอีก บอกให้ช่วยนางหาจะให้รางวัลเมื่อกี้ที่หน้าลานขิงหอม นายรองท่านก็ได้ยินว่าข้าไม่ได้โกหก นายรองเก็บได้ก็ขอข้า ข้าจะดูว่านางจะให้รางวัลอะไรข้า”
ที่แท้ เจี่ยหยุนมาปลูกต้นไม้เมื่อเดือนก่อน เก็บผ้าเช็ดหน้าได้ผืนหนึ่ง รู้ว่าต้องเป็นของคนในอุทยาน แต่ไม่รู้ว่าใคร มารู้จากจุ้ยเอ๋อว่าเป็นของนาง จึงแอบดีใจ พอเห็นจุ้ยเอ๋อเอ่ยขอ จึงวางแผนในใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าจากแขนเสื้อส่งให้จุ้ยเอ๋อแล้วยิ้มว่า
“ข้าให้เจ้า เจ้าได้รางวัลจากนางแล้ว อย่าปิดบังข้า”
จุ้ยเอ๋อรับปาก รับผ้าเช็ดหน้า ส่งเจี่ยหยุนแล้วรีบไปหาเสี่ยวหง
หลังจากเจี่ยหยุนกลับไปแล้ว เป่าวี่ก็นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงตั้งท่าจะหลับอีก สีเหยินจึงมานั่งข้างเตียงผลักเป่าวี่ว่า
“จะหลับอีกแล้วหรือ ถ้าเบื่อก็ออกไปเดินเล่นดีไหม”
เป่าวี่กุมมือนางแล้วว่า “ข้าว่าจะไปอยู่ แต่ไม่อยากทิ้งเจ้าไว้ให้เหงา”
สีเหยินยิ้มว่า “ไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ”
พูดแล้วก็ฉุดเป่าวี่ลุกขึ้น
เป่าวี่ว่า “จะให้ไปที่ไหน น่าเบื่อจะตายไป”
สีเหยินว่า “ท่านออกไปข้างนอกก็พอ มัวอุดอู้อยู่ในนี้จะยิ่งน่าเบื่อ”
เป่าวี่เซื่องซึมไม่สดใส นางว่าอย่างไรก็ว่าตามนาง เดินออกจากห้อง มาแหย่นกรอบระเบียง และออกมากลางลาน เดินเลียบคลองหอมซาบซ่านชมปลาทอง พลันมีกวางน้อยสองตัวพุ่งดังธนูมาจากทางลาดเขา เป่าวี่ยืนงงไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แล้วก็เห็นเจี่ยหลานถือธนูคันเล็กวิ่งไล่กวดกวางมา พอเห็นเป่าวี่ก็หยุดยืนยิ้มถามว่า
“ท่านอารองอยู่บ้านหรือ ข้าคิดว่าออกไปข้างนอก”
เป่าวี่ว่า “เจ้าซุกซนอีกแล้ว อยู่ดีดีไปยิงพวกมันทำไม”
เจี่ยหลานยิ้มว่า “วันนี้ไม่มีเรียน อยู่ว่างว่าง จึงมาหัดขี่ม้ายิงธนู”
เป่าวี่ว่า “ล้มฟันร่วงเมื่อไร เป็นได้เลิกเล่น”
ว่าแล้วก็เดินทอดน่องตามทางต่อมาจนถึงหน้าลานบ้านแห่งหนึ่ง
凤尾森森,龙吟细细
หางหงส์ดงไผ่ครึ้มให้ร่มเงา
มังกรครวญเครื่องลมเป่าแว่วกังวาน
คือเรือนเซียวเซียง 潇湘馆 ของไต้วี่
ตอนก่อนหน้า : คุณไสยของแม่หมอหม่า
ตอนถัดไป : ไต้วี่ระทม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา