Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
4 ธ.ค. เวลา 10:14 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 51 ไต้วี่ระทม
เป่าวี่เดินลอยชายเข้าไปในเรือนเซียวเซียง เห็นม่านไม้ไผ่ห้อยเรี่ยพื้น ไม่ได้ยินเสียงผู้คน จึงเดินมายังริมหน้าต่าง ได้กลิ่นหอมจางๆ จากในห้อง จึงเอาหน้าแนบมุ้งหน้าต่างมองเข้าไปด้านใน ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวแล้วว่า
“每日家情思睡昏昏
แต่ละวันรำพันรักหลับเซื่องซึม”
(เป็นวรรคหนึ่งจากบทร้องในเรื่อง “บันทึกหอตะวันตก 西厢记”)
เป่าวี่ได้ยินแล้วจั๊กจี้ใจ เพ่งมองดูเห็นไต้วี่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง จึงยิ้มถามข้ามหน้าต่างว่า
“เหตุใดกัน แต่ละวันรำพันรักหลับเซื่องซึม”
ว่าแล้วก็แหวกม่านเดินเข้ามาในห้อง
ไต้วี่รู้ตัวว่าไม่ได้สงวนท่าทีจึงรู้สึกหน้าแดง เอาแขนเสื้อปิดหน้าแล้วพลิกตัวแกล้งหลับ เป่าวี่เดินมาถึงจะพลิกตัวนาง แม่นมของไต้วี่กับแม่บ้านอีกสองคนเดินเข้ามาบอกว่า
“น้องหลับไป รอตื่นแล้วค่อยมาใหม่เถิด”
ไต้วี่พลิกตัวลุกขึ้นนั่งหัวเราะว่า “ใครว่าข้าหลับ”
แม่นมกับแม่บ้านทั้งสามยิ้มว่า “พวกเราคิดว่า คุณหนูหลับ”
แล้วตะโกนเรียกจื่อเจวียนว่า “คุณหนูตื่นแล้ว เข้ามาคอยรับใช้”
แล้วพากันเดินออกไป
ไต้วี่นั่งอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นจัดทรงผม ยิ้มถามเป่าวี่ว่า
“คนเขาหลับอยู่ เจ้าเข้ามาทำไม”
เป่าวี่เห็นดวงตาสุกสกาวของนางหรี่ปรือ แก้มหอมระเรื่อแดง สติตนวอกแวกหวั่นไหวไม่รู้ตัว เอียงตัวนั่งลงบนเก้าอี้ยิ้มว่า
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไร”
ไต้วี่ว่า “ข้าไม่ได้พูดอะไร”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ดีดมะกอกสิ 给你个榧子吃 ข้าได้ยินหมดแล้ว”
(给你个榧子吃 แจกลูกเฝ่ยให้กิน เป็นสำนวนชาวหนานจิง เอานิ้วดีดหัว เหมือนดีดมะกอก)
ทั้งสองคุยกันอยู่นั้น จื่อเจวียนเดินเข้ามา เป่าวี่ว่า
“จื่อเจวียน เอาชาชั้นดีของพวกเจ้าชงมาให้ข้าที”
จื่อเจวียนว่า “ชาชั้นดี พวกเรามีเสียที่ไหน อยากได้อย่างดีคงต้องรอสีเหยินมา”
ไต้วี่ว่า “อย่าไปสนใจเขา เจ้าไปตักน้ำมาให้ข้าที”
จื่อเจวียนว่า “เขาเป็นแขก ดังนั้นข้าต้องไปชงชาก่อนแล้วค่อยไปตักน้ำ”
ว่าแล้ว ก็ไปเทน้ำชา
เป่าวี่ยิ้มว่า “เป็นสาวใช้ที่ดี
若共你多情小姐同鸳帐,怎舍得叫你叠被铺床?
หากเคียงหมอนนวลน้องดังยวนยาง
มิยอมร้างเพรียกหาเจ้าเก็บที่นอน”
(บทร้องสองวรรคจาก “บันทึกหอตะวันตก” จางเซิงกล่าวกับสาวใช้หงเหนียง เป่าวี่เปรียบตัวเองเป็นจางเซิง ไต้วี่เป็นชุยอิงอิง จื่อเจวียนเป็นสาวใช้หงเหนียง)
ไต้วี่พลันหน้าเปลี่ยนสีว่า “เจ้าว่าอะไร”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ข้าไม่ได้ว่าอะไร”
ไต้วี่จึงร้องไห้ว่า “เดี๋ยวนี้เจ้ามีสิ่งสนใจใหม่ พอไปฟังภาษาพื้นบ้านมา ก็มาพูดให้ข้าฟัง อ่านหนังสือต้องห้ามมา ก็เอามาล้อข้าเล่น ข้ากลายเป็นที่ขบขันของพวกบุรุษไปแล้ว”
ร้องไห้แล้วลุกลงจากเตียงเดินหนีไปข้างนอก
เป่าวี่พะวักพะวนรีบตามมาว่า “น้องคนดี ข้าสมควรตาย เจ้าอย่าเอาไปบอกใคร ถ้าข้าพูดอีกขอให้ลิ้นเน่าปากเป็นฝี”
ตามง้ออยู่นั้น สีเหยินเดินมาตาม บอกว่า
“รีบกลับไปเปลี่ยนชุดเถิด นายท่านตามหา”
เป่าวี่ได้ฟังเหมือนสายฟ้าฟาด ไม่สนใจอะไรอื่น รีบกลับมาเปลี่ยนชุดออกจากอุทยาน เห็นเป้ยหมิงรออยู่ที่หน้าประตูสอง เป่าวี่ถามว่า
“เจ้ารู้ไหม นายท่านหาข้าเรื่องอะไร”
เป้ยหมิงว่า “เจ้านายรีบออกมาเถิด อย่างไรก็ต้องไปพบ ไปถึงก็รู้เอง”
เป้ยหมิงเร่งเป่าวี่ให้รีบมา พาอ้อมผ่านห้องโถงใหญ่ เป่าวี่ยังระแวงวงสัย ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮาลั่นมาจากมุมกำแพง หันมามองเห็นเซวียผานตบมือโดดผลุงออกมาหัวเราะว่า
“หากไม่บอกว่าน้าเขยตามหาเจ้า คงไม่ยอมออกมาไวปานนี้”
เป้ยหมิงก็หัวเราะคุกเข่าลง
เป่าวี่งงอยู่พักใหญ่จึงเข้าใจว่าที่แท้เซวียผานหลอกตนออกมา
เซวียผานประสานมือคารวะขออภัยว่า
“อย่าได้โทษเด็กเลย ข้าเป็นคนขอให้เขาไปทำ”
เป่าวี่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ได้แต่หัวเราะแล้วว่า
“เจ้าหลอกข้าออกมาพอทำเนา ทำไมต้องอ้างท่านพ่อด้วย ข้าจะฟ้องท่านน้าหญิงขอให้พิจารณาเรื่องนี้ คงสมควร”
เซวียผานรีบบอกว่า “น้องชาย ข้าแค่อยากให้เจ้ามาไวหน่อย จึงเล่นเกินเลยไปบ้าง วันหน้าเจ้าเอาพ่อข้ามาล้อบ้างถือว่าหายกัน”
เป่าวี่ว่า “ไอ้หยา ยิ่งเล่นยิ่งสมควรตาย”
แล้วหันมาทางเป้ยหมิงว่า
“ไอ้หำทรยศ 反叛肏的 ยังคุกเข่าอยู่ทำไม”
เป้ยหมิงรีบโขกคำนับแล้วลุกขึ้น
เซวียผานว่า “ไม่มีเรื่อง ข้าคงไม่กล้ารบกวนเจ้า แต่อีกไม่ช้า วันที่สามเดือนห้าเป็นวันเกิดข้า พวกเจ้าหู 胡 กับเจ้าเฉิง 程 ไม่รู้ไปหามาจากไหน รากบัวสดกรอบทั้งหนาทั้งยาว แตงโมลูกยักษ์ หมูและปลารมควันทั้งยาวทั้งใหญ่บรรณาการจากสยาม 暹罗 เจ้าว่าของดีสี่อย่างนี้หายากไหม หมูกับปลาไม่แค่แพงยังหายาก รากบัวกับแตงโมปลูกอย่างไรถึงได้ขนาดนี้
ข้าส่งให้ท่านแม่ก่อน แล้วแบ่งไปให้เหล่าไท่ไท่กับน้าหญิง ที่เหลือจะไว้กินเองหมดก็เกรงจะขัดลาภ คิดไปคิดมา มีแต่เจ้าที่คู่ควร จึงเชิญมาชิม พอดีพวกนักร้องก็มาด้วย วันนี้มาร่วมสนุกกันสักวัน”
พอเข้ามาในห้องหนังสือ ก็เห็นพวก จานกวง 詹光 เฉิงยื่อซิง 程日兴 หูซือไหล 胡斯来 ซ่านพิ่นเหยิน 单聘仁 และเหล่านักร้องมาอยู่กันพร้อมหน้า ต่างคารวะทักทายกัน ดื่มน้ำชาแล้วเซวียผานก็สั่งว่า
“จัดโต๊ะได้”
บ่าวไพร่จัดโต๊ะวุ่นวายอยู่พักใหญ่ให้ทุกคนนั่งประจำที่ แล้วยกอาหารมา เป่าวี่เห็นแตงและรากบัวทั้งสดแปลกจึงยิ้มว่า
“ของขวัญวันเกิด ข้ายังไม่ได้ส่งมา มากินของเจ้าก่อนแล้ว”
เซวียผานว่า “จริงสิ ถึงเวลาเจ้ามางานวันเกิด จะส่งของอะไรแปลกใหม่มาให้ข้า”
เป่าวี่ว่า “ข้าไม่มีอะไรจะให้ เสื้อผ้าเงินทองของใช้ล้วนไม่ใช่ของข้า มีเพียงเขียนอักษรหนึ่งแผ่น หรือวาดภาพหนึ่งภาพ จึงนับเป็นของข้า”
เซวียผานยิ้มว่า “พูดถึงภาพวาด ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อวานข้าเห็นหนังสือวาบหวิว 春宫 เล่มหนึ่ง วาดได้ดีทีเดียว บนปกยังเขียนอะไรไว้เยอะแยะ ข้าก็ไม่ได้ดูละเอียด ดูแค่ข้างท้ายลงชื่ออะไร “庚黄 เกิงหวง” นี่แหละ”
(เซวียผานมักหนีเรียน จึงไม่ค่อยรู้หนังสือ)
เป่าวี่นึกสงสัย คิดในใจว่า “ภาพวาดอักษรเขียนเก่าใหม่ ข้าผ่านตามาก็มาก ไม่เคยเห็นมี เกิงหวง 庚黄”
นึกอยู่ครึ่งวันพลันยิ้มออก บอกคนเอาพู่กันมาเขียนอักษรสองตัวบนฝ่ามือ แล้วถามเซวียผานว่า
“เจ้าดูแน่แล้วหรือคือ เกิงหวง”
เซวียผานว่า “ทำไมว่าไม่แน่”
เป่าวี่แบมือให้ดูว่า “อักษรสองตัวนี้ ใกล้เคียงกับ เกิงหวง 庚黄”
คนอื่นมาดูบ้าง เห็นอักษร “ถังหยิน 唐寅” สองตัว จึงพากันหัวเราะแล้วว่า
“คงเป็นอักษรสองตัวนี้ นายใหญ่ท่านตาลายละกระมัง”
เซวียผานชักไม่สนุก ยิ้มว่า “ใครจะไปสนใจว่าเป็นถังหยิน กว่อหยิน”
ระหว่างสนทนา บ่าวมาแจ้งว่า “นายใหญ่เฝิง 冯大爷 มา”
เป่าวี่รู้ว่าเป็นบุตรชายของขุนพลเทพยุทธเฝิงถัง 神武将军冯唐 ชื่อว่า เฝิงจื่ออิง 冯紫英 พวกเซวียผานบอกพร้อมกันว่า “รีบเชิญ”
ไม่ทันขาดคำ เฝิงจื่ออิงเดินยิ้มเข้ามา ทุกคนพากันลุกขึ้นเชิญให้นั่ง เฝิงจื่ออิงยิ้มว่า
“ดี ไม่ออกไปไหน สนุกกันอยู่กับบ้าน”
เป่าวี่ เซวียผานต่างยิ้มว่า “ไม่ค่อยได้พบกัน ท่านลุงสุขภาพแข็งแรงดีหรือ”
เฝิงจื่ออิงว่า “ท่านพ่อแข็งแรงดี แต่พักนี้ท่านแม่ถูกลมไม่สบายมาสองวัน”
เซวียผานเห็นบนใบหน้าเฝิงจื่ออิงมีรอยเขียวช้ำจึงหัวเราะว่า
“หน้าเจ้าแขวนป้ายบอก ไปชกกับใครมา”
เฝิงจื่ออิงหัวเราะว่า “ตั้งแต่วันที่อัดลูกชายผู้กำกับฉิว 仇都尉 บาดเจ็บ ข้าก็จำเป็นบทเรียน ไม่มีปากเสียงกับใคร จะไปชกกับใครกัน รอยใหม่บนหน้านี่ถูกเหยี่ยวตีปีกใส่ตอนไปล่าสัตว์บนเขาเถียหว่าง 铁网山 เมื่อวันก่อน”
เป่าวี่ถามว่า “เมื่อไรกัน”
จื่ออิงว่า “ไปตั้งแต่วันที่ยี่สิบแปดเดือนสาม เพิ่งกลับมาวันก่อน”
เป่าวี่ว่า “มิน่าเล่า เมื่อวันที่สามหรือสี่ ข้าไปงานบ้านพี่เสิ่น 沈 ถึงไม่เห็นเจ้า ว่าจะถามก็ลืม เจ้าไปคนเดียวหรือว่าท่านพ่อไปด้วย”
จื่ออิงว่า “ท่านพ่อไป ข้าจึงต้องไปด้วย ไม่ว่างบ้าไปเองหรอก อยู่กินดื่มกับพวกเราไม่สนุกกว่าหรือ ไปลำบากแท้ๆ แต่เที่ยวนี้มีโชคดีในคราวเคราะห์”
เซวียผานเห็นจื่ออิงดื่มชาเสร็จแล้ว จึงว่า
“นั่งโต๊ะกันเถิด มีอะไรค่อยคุยกัน”
เฝิงจื่ออิงลุกขึ้นแล้วว่า “โดยหลัก ข้าควรจะร่วมดื่มสักหลายจอก แต่วันนี้ข้ามีธุระสำคัญต้องไปทำให้ท่านพ่อ จึงมิอาจอยู่ร่วม”
พวกเซวียผาน เป่าวี่มีหรือจะยอม เป็นตายต้องลากตัวไว้ เฝิงจื่ออิงหัวเราะว่า
“อย่างนี้ได้ที่ไหนกัน คบกันมานานป่านนี้ ไม่อาจอยู่ได้จริงๆ แต่หากจะให้ดื่ม เอาจอกใหญ่มา ข้าดื่มสองจอกก็พอ”
พรรคพวกได้ฟัง จำต้องยอม เซวียผานถือกา เป่าวี่ถือถ้วย รินไปสองทะเลใหญ่ เฝิงจื่ออิงลุกขึ้น ดื่มรวดเดียวหมด
เป่าวี่ว่า “เจ้าเล่าเรื่องโชคในเคราะห์ให้ฟังจบก่อนค่อยไป”
เฝิงจื่ออิงหัวเราะว่า “เล่าเสียวันนี้ก็หมดสนุก เรื่องนี้ข้าจะจัดอีกงานเชิญพวกเจ้าไปร่วมสนทนา ทั้งยังมีเรื่องขอร้องด้วย”
กล่าวจบก็รีบไป
เซวียผานว่า “มาพูดแหย่ไว้แล้วก็ไป เมื่อไรจะมาเชิญ บอกมาอย่าปล่อยให้งง”
เฝิงจื่ออิงว่า “อย่างมากสิบวัน อย่างน้อยแปดวัน”
พูดจบก็ขึ้นม้าไป ทุกคนกลับมาดื่มต่ออีกพักก็เลิกรา
เป่าวี่กลับมาถึงอุทยาน สีเหยินเป็นห่วงอยู่ว่าไปพบเจี่ยเจิ้งไม่รู้ดีหรือร้าย พอเห็นเป่าวี่เมากลับมา จึงถามสาเหตุ เป่าวี่เล่าให้ฟังอย่างละเอียด
สีเหยินว่า “คนเขารอจนอกสั่นขวัญแขวน ท่านกลับไปรื่นเริงอยู่ น่าจะส่งคนมาบอกข่าว”
เป่าวี่ว่า “ใช่ว่าข้าไม่คิดจะส่งข่าว พอพี่เฝิงมา ข้าเลยลืม”
เป่าไชเดินเข้ามายิ้มว่า “ชิมของสดจากบ้านข้ามาแล้วสิ”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ของสดบ้านพี่ คงได้ชิมก่อนพวกเรา”
เป่าไชส่ายหัวยิ้มว่า “เมื่อวานพี่ชายจะให้ข้ากิน ข้าไม่กิน บอกให้เอาไปมอบให้ผู้อื่น ข้ารู้ตัวว่าด้อยวาสนา ไม่ควรชิม”
กล่าวจบ สาวใช้รินน้ำชามา นั่งสนทนาเล่นกันไป
ทางด้านไต้วี่เห็นเจี่ยเจิ้งมาตามเป่าวี่ไปทั้งวันยังไม่กลับ รู้สึกกังวลแทน หลังอาหารเย็น ฟังว่าเป่าวี่กลับมาแล้ว คิดว่าจะไปถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร จึงค่อยค่อยเดินมา เห็นเป่าไชเข้าไปในสวนบ้านเป่าวี่ จึงเดินตามมา
มาถึงสะพานหอมซาบซ่าน เห็นนกน้ำหลายชนิดเล่นน้ำอยู่ในสระ ไต้วี่รู้จักไม่ทั้งหมด แต่ละตัวสีสรรสดใส ยืนดูอยู่พักหนึ่งจึงเดินต่อมายังลานชื่นแดง แต่พอมาถึงประตูปิดแล้ว ไต้วี่จึงเคาะประตู
ฉิงเหวินกับปี้เหินกำลังเถียงกันอยู่ อารมณ์ไม่ดี พอดีเป่าไชมาจึงระบายอารมณ์ใส่เป่าไชกันอยู่ในลานบ้านว่า
“มีเรื่องไม่มีเรื่องก็มา ทำให้พวกเราดึกดื่นค่อนคืนยังไม่ได้นอน”
แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ฉิงเหวินอารมณ์เสีย ไม่ถามว่าใคร ตะโกนไปว่า
“หลับกันหมดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
ไต้วี่รู้นิสัยพวกสาวใช้ พวกนางเล่นจนเคยตัว คงฟังไม่ชัดว่าเป็นเสียงนาง คิดว่าเป็นพวกสาวใช้จึงไม่เปิดประตู จึงตะโกนเสียงดังขึ้นว่า
“ข้าเอง ยังไม่เปิดประตูอีก”
ฉิงเหวินฟังไม่ถนัด ใส่อารมณ์มาว่า
“ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร นายรองสั่งไว้ ไม่ให้ใครเข้ามาทั้งนั้น”
ไต้วี่ฟังแล้ว ยืนนิ่งอึ้งอยู่นอกประตู จะตะโกนเรียกอีกให้ดังขึ้นเพื่อต่อว่า พลันตรองว่า
“ถึงแม้บ้านน้าจะเหมือนบ้านตัวเอง แต่ก็ยังนับว่าเป็นแขก บัดนี้ท่านพ่อท่านแม่สิ้นบุญแล้วทั้งคู่ ไร้ที่พึ่งพิงต้องมาอาศัยเขา หากมาเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง คงไม่เป็นผลดี”
คิดแล้วพานน้ำตาไหล ไม่รู้จะกลับหรือยืนรอ พะวักพะวนอยู่นั้น ได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกแว่วมา ตั้งใจฟังดูเป็นเสียงเป่าวี่กับเป่าไช ไต้วี่จึงยิ่งโมโห คิดไปคิดมา คิดถึงเรื่องเมื่อเช้า
“เป่าวี่คงโกรธที่ข้าต่อว่าไปเมื่อเช้า ถึงข้าจะไม่ได้บอกเหตุผล แต่เจ้าทำไมไม่ถาม มาทำกับข้าเช่นนี้ เจ้าไม่ให้ข้าเข้าไปก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก”
ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ไม่สนใจน้ำค้างพรมสายลมหนาว ยืนสะอึกสะอื้นโศกเศร้าอยู่ใต้ร่มไม้ดอกริมกำแพง ฝูงนกพลันตื่นบินหนีไป
花魂默默无情绪,鸟梦痴痴何处惊。
มาลีค่อยอับเฉาเศร้าหมองศรี
สกุณีฝันตื่นคืนหนไหน
ยังอีกว่า
颦儿才貌世应稀,独抱幽芳出绣闺。
呜咽一声犹未了,落花满地鸟惊飞。
ผินเอ๋อโฉมสะคราญยากพานพบ
ลำพังสบโศกศัลย์ห่างหอห้อง
สะอื้นไห้ไม่ทันสิ้นเสียงร้อง
มาลีหมองโรยราสกุณาหลีกลี้ไกล
พลันมีเสียงเอียดอาด ประตูลานบ้านเปิด
(จบบทที่ยี่สิบหก)
ตอนก่อนหน้า : กิ่วเอวผึ้งสานใยรัก
https://www.blockdit.com/posts/692d613a7d8ea4845f7fc6fc
ตอนถัดไป : เป่าไชไล่จับผีเสื้อ
https://www.blockdit.com/posts/6936982b983bc535c952a1ab
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย