4 ธ.ค. เวลา 15:04 • ปรัชญา
อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"ปัญ ปัญสิกรณ์ ใบไม้สีส้ม ที่พลิ้วไหวไปกับสายลม"

เวลาที่ได้ reunion
กลับมาเจอใครสักคนที่เรารัก
เคยผูกพันและเคยมีโมเมนต์ดีๆ
เป็นความทรงจำร่วมกัน
มันจะให้ความรู้สึกยังไงบ้างนะ?
สำหรับผมแล้วสิ่งที่ชอบที่สุด
ก็คงเป็นการได้กลับมาเจอ
คนคนเดิมที่เติบโตจากเดิม
ไม่มากก็น้อยแตกต่างกันไป
ตามเรื่องราวของแต่ละคน
มันเป็นความยินดีที่เอ่อล้น
จนยากจะบรรยายเหมือนกัน
เมื่อได้เห็นว่าการแยกย้ายไปเติบโต
ได้พาเรากลับมาเจอกัน
อย่างมีความหมายมากมายจริงๆ
อย่างล่าสุดที่ได้พักและ
ทิ้งภาระทางใจใดๆ ออกไปชั่วคราว
และพาตัวเองออกไปสัมผัสกับเรื่องราว
พร้อมแรงบันดาลใจใหม่ๆ
ในงาน "MIND DAY 2"
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา
ท่ามกลางความอ่อนล้าโรยแรง
จากงานนับร้อยพันที่สะสมมานาน
พอได้ก้าวเท้าเข้ามาในงาน
ไม่รู้เพราะบรรยากาศหรือผู้คน
ที่ทำให้ความรู้สึกค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ก่อนจะเดินต๊อกแต๊กสำรวจบูธสินค้าทำมือ
และกิมมิคกิจกรรมน่ารักๆ จากแต่ละหน่วยงาน
เดินวนได้ไม่นานก็สะดุดกับ “จุดที่ไม่มีคน”
แต่มี “ความรู้สึกดีๆ” มากล้น
ร้อยเรียงอยู่บนผนังกำแพง
กับภาพของประโยคฮีลใจ
จากบรรดาคนดังมากมาย
และพอผมกวาดตาไปได้ไม่ทันไร
ก็เจอโปสเตอร์ที่ชวนให้
สะดุดหยุดมองอยู่นาน
เพียงอ่านข้อความก็เหมือนได้เจอ
คนรู้จักที่คุ้นเคย กำลังส่งยิ้มหวาน
สื่อความรักความอบอุ่นผ่านถ้อยคำออกมา
คล้ายกับเขากำลังทักว่า "หวัดดีพี่...นี่หนูเอง 😛"
พริบตานั้นไม่รู้ทำไม
ผมถึงยืนยิ้มกลับไปยังโปสเตอร์
เหมือนยิ้มกลับไปหาเธอ
แม้จะรู้อยู่ว่าวันนี้ตั้งใจมาเจอ
มาเก็บแรงบันดาลใจใหม่ๆ จากเธอคนนี้
และวิทยากรอีกหลายท่านกลับไป
ก็แอบรู้สึกสุขเล็กๆ ยิ้มเบาๆ ข้างใน
คล้ายความคิดถึงกำลังทำงาน
ราวกับฤดูกาลที่เคยพ้นผ่านระหว่างกัน
กำลังจะผลิบานหวนกลับมา
ซึ่งในทุกห้วงเวลาที่กำลัง
เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จนถึง 1 ใน Sessions ที่รอคอย
พริบตานั้นผมที่นั่งหน้าเวทีก็ค่อยๆ
ชำเลืองมองจุดเตรียมตัวของวิทยากร
และแล้วก็ได้เจอ "ปัญ ปัญสิกรณ์"
ต้าวฉลามคนดี คนเดิม ที่ครั้งนี้
กลับให้ความรู้สึกถึงบางอย่างที่ต่างออกไป
จากออร่าของอดีตไอดอลสาวที่สนุก สดใส
มาครั้งนี้เธอเต็มไปด้วยความสุขุม นุ่มลึก
ที่ส่งออกมาจากข้างใน
ให้ความรู้สึกคล้ายกับมี
สายลมเย็นโชยและใบไม้โรย
พัดผ่านอยู่รอบตัว
ไม่ใช่แค่ลุคและการแต่งตัว
ที่ใส่สูท match กับชุดแฟนชัน
จนดูภูมิฐานอย่างเดียว
แต่เป็นอินเนอร์ข้างในที่ส่งออกมา
ทำเอาผมรับรู้ได้จริงๆ เมื่อกลับมาเจอกัน
"โตขึ้นแล้วนะปัญ"
ประโยคนี้พลันผุดขึ้นในใจ
พร้อมความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็น
การเติบโตครั้งใหม่ของเธอแบบเต็มๆ
กับช่วง "Session 5 : In Between Seasons"
เพียงเมื่อบทสนทนาเริ่มต้นขึ้น
ก็ได้เห็นถึงแง่มุมความคิดที่ตกผลึกผ่านกาลเวลา
สะท้อนออกมาเป็นใบไม้สีส้มทั้ง 3 เฉดบนผืนดิน
ชวนให้เรากลับมาได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
พร้อมกลับมาทบทวนชีวิตในอีกแง่มุม 🍁🍂🦈
.
.
.
1. Now & Then : จากปัญสิกรณ์ ถึง Pun BNK48
- อ่านไม่ผิดหรอกครับ เพราะเป็นช่วงที่ปัญในวันนี้ (Now) กำลังหมุนเข็มนาฬิกาย้อนกลับไปพูดคุยกับเจ้าเด็กปัญ BNK48 ในวันนั้น (Then) มองเด็กสาวไอดอล ผมยาว ขาวสูง มั่นใจ ผ่านสายตาของเธอที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม
ในห้วงเวลาที่ทั้งปัญและวงกำลังรุ่งโรจน์สุดๆ ทุกสายตาต่างหยุดและติดตาม พูดถึงกันอยู่ตลอด จนอาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ประสบความสำเร็จ ผลิบานมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ แต่ปัญมองว่ายังไม่ได้ว่ารู้สึกสำเร็จขนาดนั้น แค่ใช้ชีวิต ตื่น ทำงาน กลับบ้านนอน ใช้ชีวิตและสนุกกับมันไป ทั้งในบทบาทไอดอล นักแสดง ฯลฯ
ไม่ได้มีทั้งพื้นที่และเวลามากพอจะมานั่งคิดด้วยซ้ำว่า จริงๆ แล้วนิยามความสำเร็จคืออะไรกันนะ? เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่ใช่คนที่จะคุยกับตัวเองเยอะ แม้จะรู้จักตัวเอง ก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสเรียบเรียงชุดความคิดในใจมากพอ
ยิ่งนึกภาพตามว่า 1 ในเมมเบอร์ระดับท็อปสุดของวง เขาต้องทำงานและซ้อมหนัก ตารางแน่นไปหมด ไหนจะแบ่งเวลาเรียนอีก ให้ความรู้สึกเหมือนนักวิ่งเทรลที่ฝ่าเส้นทางหฤโหด ขึ้นเขา ลงห้วย เจออุปสรรคทั้งสภาพอากาศ บาดเจ็บ ลุกใหม่ สู้วนไปมาเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี บนเส้นทางวิ่งที่เรียกว่า 48 Group TH ความหนักหน่วงทางกายและใจ เขาคงเจอมามากมายเกินกว่าที่เรารู้กันมากทีเดียว อย่าว่าแต่คุยกับตัวเองเลย แค่เวลาพักก็ “อาจจะยัง” ไม่พอ
กลายเป็นรู้จักตัวเอง แต่ก็ยังไม่ได้รู้จักดี ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่นี้ เธอเป็นใครกันแน่? ชอบหรืออยากทำอะไร? ได้แต่ใช้ชีวิตไปตามกรอบสังคมหล่อหลอมที่ใครเขาบอกกันว่าดี ซึ่งชุดคำถามนี้ เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายเอาเสียเลย เพราะปัญก็ขยายความเพิ่ม แค่การค้นหาให้เจอว่า “แล้วฉันคือใคร?” คืออยากเป็นตัวเอง แต่ไม่รู้ว่านิยามเราคือใคร แล้วสิ่งที่เราชอบ มันคือสิ่งที่ใช่มั้ยนะ? พอสารตั้งต้นตรงนี้ไม่ชัด การจะทำอะไรย่อมไม่ชัดตาม เกิดคำถามระหว่างทางว่าสิ่งนี้ใช่หรือไม่ใช่ตัวเธอ
ชวนให้ผมที่กำลังตั้งใจแอบคิดตามอีกว่าเออแฮะ บางครั้งชีวิตเราก็วิ่งเต้นไปตามจังหวะสังคม พยายามจะ Productive ต้องเก่งขึ้น หลากหลายขึ้น ต้องก้าวให้ทันชาวบ้าน แต่กลับลืมตัวเองที่หล่นหายระหว่างทาง ทำสิ่งต่างๆ ไปโดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นใช่สิ่งที่ต้นไม้ ดอกไม้ในใจเราต้องการจริงๆ หรือยัง?
แม้แต่ไอดอลชื่อดังอย่างปัญ ก็ยังยอมรับว่าเธอที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ต้องการอะไร เลยได้แต่ฟังสิ่งที่คนอื่นบอกว่าใช่และทำไปเรื่อยๆ บางทีมองย้อนดูก็แอบขำตัวเองที่เป็น “สุดหล่อ” ของบรรดาแฟนคลับและพี่น้องในวง ในใจก็หรอๆๆ ทำไปทำมาก็ติดแอ๊คเฉยเลย คลิปเก่าๆ นี่คือแหม่ ดิจิทัลฟุตลองชีสนี่มันช่างน่ากลัว55+
“ถ้าย้อนกลับไปบอกอะไรตัวเองในวันนั้นได้ ก็คงบอกว่า ‘ไม่ต้องคิดมาก’ ไม่ต้องพยายามเค้นหาคำตอบให้ได้ว่าตัวเองเป็นใคร อยากทำอะไร ยิ่งคิดไปมันจะยิ่งแย่ เพราะตั้งต้นคิด นั่นก็ไม่ใช่เราแล้ว ฉะนั้นจอยๆ กับชีวิตไป จะติดแอ๊คหรืออะไร มองให้เป็นเรื่องตลกได้ ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นไปให้เต็มที่เถอะ” -
ปัญ
หรือต่อให้กด Replay ชีวิตช่วงนั้นใหม่ ปัญก็มองว่าตัวเองอาจเป็นในแบบนั้นอยู่ดี เพราะถ้าไม่มีปัญคนนั้น ก็จะไม่มีปัญในวันนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตคือฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่านไปเรื่อยๆ ให้เราเองเติบโต ผลิบานครั้งใหม่ ในแบบที่เข้าใจอะไรๆ มากขึ้น
สื่อให้เห็นว่าเธอเลือกที่จะโอบกอดอดีตเอาไว้ ด้วยความเข้าใจว่านั่นคือกระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็น แม้แต่การที่เคยหลงทางไปตามเสียงคนมากมาย ก็ทำให้เธอได้ตระหนักรู้ชัดเจนว่าเสียงที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เสียงปรบมือจากใครๆ แต่เป็นเสียงกระซิบเบาๆ จากหัวใจของตัวเอง
และต่อให้ทุกคนไม่ว่าใคร อายุเท่าใด ถ้าวันนี้อาจจะยังหาตัวเองไม่เจอ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ตราบใดที่เราโอเคกับตัวเองในตอนนี้ นั่นก็ดีที่สุดแล้ว เพราะสิ่งที่โลกมองว่าถูกต้อง ถูกใจ มันอาจไม่ใช่สำหรับเรา ยิ่งไปกดดันจะยิ่งทุกข์เปล่าๆ เราอยู่กับปัจจุบันที่คิดว่าโอเคจริงๆ และไปกับมันให้สุด ที่เหลือค่อยๆ ปล่อยไปตามจังหวะชีวิตไป เพราะทุกคนต่างมีฤดูกาลผลิบาน (Timing) ในแบบของตัวเอง
2. การเติบโตแบบ "Grow with the Flow"
- ท่ามกลางธีมงานที่รายล้อมด้วยนิยามแห่งดอกไม้ ปัญกลับเลือกนิยามตัวเองเป็นเพียง "ใบไม้สีส้ม" ที่กำลังพลิ้วไหวไปกับสายลม “ส่วนตัวเป็นคนชอบฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) จังหวะใบไม้เปลี่ยนสี เราเลยเห็นตัวเองเป็นใบไม้สีส้มในฤดูนั้น ซึ่งโดยทั่วไปหลายคนอาจมองว่ามันคือฤดูกาลแห่งความร่วงโรย ร่วงหล่น ใบไม้กำลังจะตายลง แต่ก็มีความงดงามในแบบของมัน เหมือนชีวิตคนเราที่ต้อง ‘เปลี่ยนผ่าน’ มีการทิ้งบางอย่างเพื่อเริ่มใหม่ พอรู้สึก Connect กับสิ่งนี้ จึงเปรียบตัวเองเป็นใบไม้สีส้ม”
นี่ไม่ใช่ถ้อยคำที่ปรุงแต่งให้ดูเท่ดูดี แต่คือสภาวะที่เธอกำลัง "เต้นรำ" ไปกับท่วงทำนองของชีวิตอย่างปล่อยวางกว่าเดิม เปรียบเสมือนดนตรีอะคูสติกเบาๆ ที่ไม่มีโน้ตตายตัว ไม่ต้องเกร็งนิ้วเพื่อจับคอร์ดให้เป๊ะทุกห้องเสียง แต่พร้อมที่จะ "ด้นสด" และลื่นไหลไปตามจังหวะที่เข้ามา
แม้จะเป็นช่วงที่เงียบหายไป จากการพักงาน พักใจ เป็นอะไรที่ใหม่จริงๆ สำหรับชีวิตปัญ จากที่ก่อนนี้เป็นคนที่ไม่มีจังหวะให้เลือกสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองมากนัก จะเรียนที่ไหนก็จับพลัดจับผลูได้ หรืออย่างตอนอยู่ใน BNK48 ก็ทำตามงานที่ได้รับมอบหมายไปอย่างเต็มที่ คือมีความสุขกับชีวิตตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้มีเป้าหมาย (Goal) ที่ชัดเป็นรูปธรรมมากนัก
กระทั่งจบการศึกษา หมดสัญญาก็ได้มาทบทวนเส้นทางชีวิต ต้องตัดสินใจว่าจะทำอะไรดี จะอยู่หรือไม่อยู่ในวงการต่อ และถ้าอยู่จะไปต่อแบบไหน มีค่ายหรือไม่มี ครั้นจะทำสิ่งใดก็ยังแอบตั้งคำถามว่ามันใช่-ไม่ใช่ เพราะในเส้นทางใหม่นี้ การก้าวให้ดี ก้าวให้ตรงนั้นสำคัญมากจริงๆ บวกกับทักษะและประสบการณ์ที่สั่งสมมา ถ้าพลาดทีอาจตุ้บดังกว่าเดิม ต้าวฉลามจึงอยากคิดให้แน่ใจจริงๆ ว่าก้าวนี้มันถูกต้องและใช่สำหรับเธอ อยากลองให้ถูก มากกว่าจะเสี่ยงลองผิด-ลองถูก หรือให้คุกกี้ทำนายกัน
อย่างตอนจัดแฟนมีตของตัวเอง และต้องทำทุกอย่างแทบจะคนเดียว ยิ่งทำให้ปัญรู้ว่าลำพังเธอคนเดียวย่อมไม่พอ ทั้งความเหนื่อยที่เจอ ทั้งการยอมรับว่าตัวเองไม่มั่นใจ ไม่เด็ดขาดพอจะฟันธงทุกไอเดีย ยังต้องการทีมซัพพอร์ตประมาณหนึ่ง จึงมาคิดอีกว่าเอ…หรือเราควรอยู่ค่าย จะได้มั่นคงด้วย แต่ก็ยังไม่มั่นใจพออยู่ดี ตีกันไปมาอยู่ข้างใน ความกลัวที่จะกล้าลอง กลายเป็น “หลุมใหญ่” ที่ทำให้ปัญติดอยู่นานพอสมควร เลยต้องมาขุดตัวเองต่อว่าต้องการอะไรจริงๆ?
คำตอบของสมการนี้จึงผ่านกระบวนการคิดอยู่นาน ก่อนจะได้คำตอบว่า “ใช่ไม่ใช่ ก็ต้องลองดู!” บวกลบคูณหารว่าในตอนที่ชีวิตยังไม่มีเงื่อนไข ปัจจัย หรือภาระใดๆ มาก ยิ่งลองได้ง่ายขึ้น แต่มันต้องไม่ได้มาจากความชอบส่วนตัวทั้งหมด การเลือกให้ตรงกับบริบทก็สำคัญมาก
หรือใครที่ยังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน แนะนำให้ลองคิดวิเคราะห์ดู ให้รู้ในหลายแง่มุม (Possible Scenario) ว่าถ้าเลือกทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้ามันใช่ หรือถ้ามันไม่ได้อย่างที่คาด จะมีความเป็นไปได้อะไรเกิดขึ้นบ้าง? แล้วก็เลือกตามเสียงหัวใจ ไม่ต้องกดดันตัวเองเสมอไปว่ามันจะถูกต้อง มันจะต้องดีแน่ เพราะสุดท้ายเราไม่มีทางรู้คำตอบในอนาคตอยู่แล้ว ถ้าทำแล้วไม่ใช่ ก็ไม่ต้องอะไรมาก ซึ่งปัญก็ยอมรับว่าข้อนี้ เธอพยายามบอกตัวเองเช่นกัน
“สมมติ วันหนึ่งข่มใจตัดตัวเลือก A ที่เราชอบ แล้วมาเลือก B ที่ไม่ได้ชอบเท่า แต่ B นั้นมันอาจพาเราไปสู่สิ่งที่ชอบมากกว่า A ก็ได้ในอนาคต”
ปัญ
เปรียบดั่งใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีส้ม เมื่อยามที่ลดทอนตัวตนเดิม (คลอโรฟิลล์) ลง แล้วเพื่อเผยสีสันแท้จริงที่ซ่อนอยู่ข้างใน ปัญในวันนี้ก็เช่นกัน เธอกำลังเรียนรู้ที่จะ "Let it go" ปล่อยวางความสมบูรณ์แบบ และ "Grow with the Flow" เติบโตไปตามกระแสธารของชีวิต ยอมรับความเปลี่ยนแปลงอย่างเข้าใจ ใช่ไม่ใช่ก็ลองให้มันรู้ไป ถ้าไม่ได้ก็แค่ร่วงหล่นแล้วรอวันผลิบานใหม่ แค่นั้นเลย เพราะทุกการร่วงโรยของชีวิตคน มันไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นที่จะพาไปค้นพบความงดงามในรูปแบบใหม่
3. "ระหว่างทางแห่งการเปลี่ยนผ่าน" (In Between Seasons)
- ในวิกฤตช่วงวัย 25 ปี (Quarter-Life Crisis) ปัญเปรียบเปรยไว้อย่างน่าสนใจว่า มันคือช่วงเวลาที่ "เด็กเกินกว่าจะแก่ แต่ก็แก่เกินกว่าจะเด็ก" ทั้งกรอบสังคมที่เทความกดดันให้ต้องรีบสำเร็จ ต้องมั่นคง หรือต้องเลือกเส้นทางชีวิตให้ถูกต้องแม่นยำ เคยทำให้เธอหยุดชะงักและไม่กล้าก้าวเดินต่อ
รู้ตัวอีกที พอมองไปรอบๆ หรือหันไปเจอคนใกล้ตัวอย่างพี่ ผจก. ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ่งที่ปัญเจอ ใครหลายๆ คนก็ยังคงเผชิญ ไม่ว่าช่วงวัยใด นี่คือ “Pain Point” ที่คนยุคใหม่ โดยเฉพาะ Gen Y-Z ต่างแบกรับกันมานาน อย่างเมื่อก่อนตอนเด็กๆ เคยมองว่าพี่ ม.6 ดูโตมากเลย แต่พอมาอยู่ ม.6 จริงๆ ทำไมเรารู้สึกไม่โตเลย อย่างวัยทำงาน ก็เคยมองว่าถ้าอายุ 25 ปีจะแต่งงาน 30 มีลูก จริงๆ มันกลับไม่ใช่เลย โลกมันก็เปลี่ยนไป
นิยามแห่งคำว่า “ผู้ใหญ่” หรือพร้อมเมื่อไหร่ มันอาจไม่มีจุดตาEตัวจริงๆ บรรทัดฐานสังคมสมัยก่อนกับตอนนี้ ไม่เหมือนกันอีกต่อไป โดยเฉพาะประสบการณ์ 6 ปี++ ในฐานะไอดอล ก็ยิ่งทำให้ปัญตระหนักว่ามันหล่อหลอมให้เธอเติบโตพอสมควร (แม้อายุจะยังเป็นหลัก First Jobber ก็ตาม) อยากจะเป็นผู้ใหญ่จริงๆ สักที
อย่างเวลาไปกินข้าวกับที่บ้าน ก็อยากเป็นฝ่ายเลี้ยงครอบครัวบ้าง แต่เขาก็บอกว่าไม่ต้อง ยังมองเราเป็นเด็กคนนั้นเหมือนเดิม เลยแก้ลำด้วยการที่จ่ายก่อนเลย เช่นอยากพาเขาไปเมืองนอกก็ส่งข้อความบอกว่าจัดแจงให้หมดแล้ว แสดงให้เห็นว่าเราเองก็ทำได้ เป็นอีกวิธีที่ทำให้เราได้ทำแบบที่อยากทำ ถ้าไม่มีโอกาส จังหวะจะให้ทำ ก็แค่สร้างจังหวะนั้นขึ้นมา
ส่วนเรื่องความชัดเจนในตัวเอง ตอนนี้ปัญมองว่าเธอชัดขึ้นพอควร อาจไม่ถึงกับมั่นใจมาก แต่ก็ไม่ได้อยู่ในเฟสเศร้า แค่เปิดใจ “ยอมรับ” ความเป็นไปในชีวิตมากขึ้น จากที่เคยกลัวจนติดหล่ม บล็อกตัวเอง ไม่กล้าลองอะไร เพราะยังไม่พอใจกับตัวเอง มองว่ายังทำได้ไม่ดี ส่วนหลักเพราะคิด(มาก)ก่อนจะทำ เวลาเจอบางอย่างมากระทบก็จะยังมูฟออนจากความรู้สึกนั้นไม่ได้ นั่นคือช่วงที่ยังหาตัวเองไม่เจอ ตอบไม่ได้ว่าจะทำอะไร
มาวันนี้ที่ปล่อยวางได้มากขึ้น แม้ว่ายังไม่ได้เต็ม 100% ก็นับเป็นสเตจที่เธอใช้คำว่า “ช่างมัน (Let it go)” และ “ลองดู” ได้เต็มหัวใจกว่าเดิม ถ้าไม่ได้ก็แค่เริ่มลองทางใหม่อีกที ถ้าข้างในเรามีความสั่นไหว เจออุปสรรคเบาบางยังไง มันก็สั่นอยู่ดี
แต่ตราบใดที่เราไม่สั่นไหว การจะทำสิ่งใดย่อมออกมาได้ดีกว่า ต่อให้เจอสิ่งใดมากระทบความรู้สึก ความเข้าใจชีวิตตรงนี้จะทำให้เรามั่นคงและรับมือสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม เปรียบได้กับต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงดิน เจอลมพายุฝนซัดแรงเพียงใดก็ยังมั่นคง ซึ่งปัญเองก็ยอมรับว่าเธอยัง “on process” หรืออยู่ “ระหว่างทาง” แห่งฤดูกาล เป็นต้นไม้ที่กำลังสะสมวงปี กำลังเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปตามจังหวะชีวิตที่เข้ามา
บทเรียนสำคัญที่เธอค้นพบคือ "ความไม่รู้" ไม่เก่ง ไม่มั่นใจ มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย เมื่อเราสามารถเรียนรู้อะไรบางอย่างได้จากตรงนั้น และการอยู่ในพื้นที่ "ระหว่างทาง" (In Between) ก็มีความหมายในตัวมันเอง เราไม่จำเป็นต้องรีบเร่งหาคำตอบว่าฉันคือใคร หรือความสำเร็จของตัวเองจะหน้าตาเป็นแบบไหน ตราบใดที่ยัง "โอเค" กับตัวเองในปัจจุบัน ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ยังแข็งแรงพอ เราสามารถมีฤดูใบไม้ร่วงต่อได้ในทุกวัน แค่ร่วงหล่นและลองผลิบานใหม่ต่อไป
“ใบไม้สีส้ม” ที่กำลังร่วงหล่นในที่นี้ จึงไม่ใช่สัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ แต่มันคือเสียงกังวานแห่ง "การเปลี่ยนผ่าน" สู่ชัยชนะ ระหว่างที่กำลังสะสมพลังงานกลับสู่ราก เตรียมพร้อมสำหรับการผลิบานครั้งใหม่ที่งดงาม แข็งแรง และเป็นตัวเองยิ่งกว่าเดิม นั่นแหละคือฤดูกาลที่งดงามและคุ้มแก่การรอคอยอย่างแท้จริง
สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ผมแอบยิ้มไปถึงหัวใจ ปลื้มและยินดีกับปัญมากเหลือเกิน เหมือนได้เห็นเด็กสาวชาวร็อคมาดเท่ ผู้เคยเป็นไอดอลแถวหน้า สร้างแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครมามากมาย ภายใต้เกราะกำบังที่ดูเข้มแข็ง เนื้อแท้ข้างในนั้นเธอต้องแบกรับความกดดัน และความไม่เป็นตัวเองมาตลอด
แต่วันนี้... ฤดูกาลแห่งชีวิตกำลังพาเธอไปสู่จุดที่ “พอดี” กว่าเดิม
"เปลี่ยนผ่าน" จากที่เคยทำตามเสียงของใคร... มาฟังเสียงของใจ และ "เปลี่ยนผ่าน" จากฤดูใบไม้ร่วง... สู่ฤดูใบไม้ผลิครั้งใหม่ ที่รักและเข้าใจตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ
“อยากบอกว่าทุกคนไม่ได้กำลังเผชิญสิ่งนี้คนเดียวนะคะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมัน และสิ่งเหล่านั้นจะพาเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอไม่ว่ายังไง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ อย่างหนูในตอนนี้ก็กำลังเติบโตไปตามสายลม Let it go และปล่อยตาม Flow ของมัน”
-ปัญ
ขณะที่รากเดิมของตัวเองก็ยังคงแข็งแรงดี ตอนจบงานก็แวะมาพูดคุยเล่นกับแฟนคลับอย่างเป็นกันเองเช่นเคย หันซ้ายทีก็หยอดมุขไป หันตรงกลางก็สาดดาเมจใส่ หันขวาก็ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ ยังคงเป็นปัญคนเดิมที่แสนดี มีลูกเล่นแพรวพราว สักพักอาจจะยัง สักพักไอร่ารู้ไหม? ยืนคุยได้เรื่อยๆ จนแทบไม่มีเดดแอร์ ยังคงเป็นต้าวเด็กแสบซนของทุกคนเหมือนเดิม
ช่วงท้ายก็ให้แฟนคลับต่อคิวเข้ามาพูดคุยรายคน ใครเอาของขวัญวันเกิดมาให้ย้อนหลังก็ยินดีรับจากใจ ใครไม่มีก็เข้ามาคุยเล่นกันได้ หลายคน(รวมถึงผมเอง) ก็ได้ถ่ายคลิป 1-shot คุยกับเธอ เก็บไว้เป็นความทรงจำ ต่างแค่ครั้งนี้ไม่ได้มีกรอบ 8 วินาทีเหมือนเดิม
ซึ่งก็ต้องขอบคุณกรอบนั้น ที่คัดสรรแฟนคลับน่ารักๆ ให้มาเจอกัน ทุกคนต่างน่ารัก วางตัวดีต่อปัญไม่ต่างจากวันวาน เดินเข้าไปเม้ามอย อัดคลิป คุยเล่น ก็เข้ากันไปแบบรู้เวลา ประมาณนี้กำลังหอมปากหอมคอ ก่อนจะให้คนข้างหลังได้คุยต่อ การบริหารจัดการในแถวจึงค่อนข้าง Flow เลยทีเดียว เติมบรรยากาศในสวนอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ที่เคล้าไปด้วยลมหนาวเบาๆ ให้เต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ เหมือนมีไมโครเวฟมาอยู่ข้างๆ ก็มิปาน
ขอบคุณมากๆ นะปัญที่จำเพจพี่ได้เสมอเลย
คุยกันครั้งแรก อ๋ออออ เพจที่เขียนยาวๆ ปะคะ55+
ครั้งนี้อ๋อออ ก็ว่าทำไมดูตั้งใจฟังมากเลย
ขอบคุณนะคะ (ยกมือไหว้) ><
และขอบคุณที่เข้ามาสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหม่
ให้พี่และทุกคนที่ฟังได้กลับมา
ทบทวนนิยามแห่งฤดูในแบบของตัวเอง
บทความนี้มอบแด่... “ใบไม้สีส้ม”
ที่กำลังพลิ้วไหวตามสายลมได้อย่างงดงาม
“ปัญ ปัญสิกรณ์” 🍂🧡
ขอบคุณภาพจาก: MOODY และ PSKheart
โฆษณา