7 ธ.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

ใครเดินน้อยระวังไว้ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์อาจกำลังเตือนคุณเรื่อง โรคพาร์กินสัน

วันนี้เราจะมาคุยเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม นั่นคือการเดินครับ
เชื่อว่าหลายคนตอนนี้มีนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) หรือสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพใส่ติดตัวกันอยู่ใช่ไหมครับ? บางคนใส่ไว้ดูเวลาเท่ๆ บางคนใส่ไว้นับก้าวเดินเล่นๆ
แต่รู้ไหมครับว่า เจ้าตัวเลขจำนวนก้าวเดินในแต่ละวันที่โชว์บนหน้าปัดนั้น อาจจะเป็น "หมอดู" ที่แม่นยำที่สุด ในการทำนายว่าคุณจะเสี่ยงเป็นโรคพาร์กินสันในอนาคตหรือไม่
ข้อมูลนี้ไม่ได้มาจากการนั่งเทียนนะครับ แต่มาจากงานวิจัยระดับโลกจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University) ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2025 นี้เอง
วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับว่า จำนวนก้าวของคุณบอกอะไรได้บ้าง และต้องเดินแค่ไหนถึงจะรอดพ้นจากโรคร้ายนี้
พาร์กินสัน: ภัยเงียบที่มาเร็วกว่าที่คิด
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนครับว่า โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease) คือโรคความเสื่อมของระบบประสาทที่กำลังระบาดเงียบๆ ทั่วโลก
ในปี 2004 มีคนป่วย 5 ล้านคน แต่พอมาปี 2020 ตัวเลขพุ่งไปเกือบ 10 ล้านคนแล้วครับ เยอะมาก
ความน่ากลัวของโรคนี้คือ อาการสั่นหรือเดินลำบากที่เราเห็นชัดๆ นั้น มักจะโผล่มาตอนที่สมองเราเสียหายไปเยอะแล้ว (เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่โผล่มาแค่ยอด)
แต่ความจริงคือ ร่างกายเราเริ่มส่งสัญญาณเตือนมาเป็น 10 ปี ก่อนหน้านั้นแล้วครับ เพียงแต่เราไม่รู้ตัว
"จำนวนก้าว" บอกอนาคตได้แม่นกว่าหมอ?
ทีมนักวิจัยเขาไปดึงข้อมูลจาก UK Biobank ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสุขภาพขนาดยักษ์ของอังกฤษ มาวิเคราะห์ข้อมูลของคนเกือบ 1 แสนคน ที่ใส่นาฬิกาวัดกิจกรรม (Accelerometer) ติดตัวตลอด 7 วัน
แล้วตามดูชีวิตพวกเขาไปยาวๆ อีกเกือบ 8 ปี เพื่อดูว่าใครบ้างที่ป่วยเป็นพาร์กินสัน
ผลลัพธ์ที่เจอน่าตกใจมากครับ
1. คนเดินน้อย = ความเสี่ยงสูง
คนที่เดินน้อยกว่า 6,276 ก้าวต่อวัน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคพาร์กินสันสูงที่สุด อันนี้น่าตกใจเลย
2. คนเดินเยอะ = รอด
คนที่เดินมากกว่า 12,369 ก้าวต่อวัน มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้น้อยกว่ากลุ่มแรกถึง 59% (ลดลงไปเกินครึ่ง)
3. ยิ่งเดิน ยิ่งดี
ทุกๆ 1,000 ก้าว ที่คุณเดินเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน จะช่วยลดความเสี่ยงโรคพาร์กินสันลงได้อีก 8%
ไก่กับไข่: เดินน้อยทำให้ป่วย หรือ ป่วยเลยเดินน้อย?
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า "เภสัชครับ ที่เขาเดินน้อย เพราะเขาเริ่มป่วยเริ่มเดินไม่ไหวแล้วหรือเปล่า?"
คำถามนี้คมมากครับ และงานวิจัยนี้ก็หาคำตอบมาให้แล้ว
นักวิจัยพบว่า สัญญาณการเดินน้อยลงนี้ มักจะปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีแรก ก่อนที่หมอจะวินิจฉัยโรคได้
นั่นหมายความว่า การที่อยู่ดีๆ เราขี้เกียจเดิน เดินน้อยลง หรือรู้สึกไม่อยากขยับตัว อาจไม่ใช่เพราะเราแก่นะครับ แต่มันคือสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าที่สมองกำลังบอกว่า "ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วนะ"
ดังนั้น การเดินน้อยลง จึงเป็นเหมือน "ธงแดง" ที่บอกให้เรารีบไปตรวจเช็กสมอง ไม่ใช่แค่สาเหตุที่ทำให้ป่วยเพียงอย่างเดียวครับ
คำแนะนำจากเภสัชกร: ต้องเดินแค่ไหนถึงจะดี?
ในฐานะเภสัชกร ผมไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนกจนต้องรีบไปซื้อนาฬิกาแพงๆ มาใส่นะครับ
แต่สิ่งที่อยากให้ทำคือเริ่มขยับตั้งแต่วันนี้ครับ
✍️ ตั้งเป้าหมายง่ายๆ: ใครที่เดินวันละ 2-3 พันก้าว ลองขยับมาให้ถึง 6,000 ก้าว ก่อนครับ (ให้พ้นโซนอันตราย)
✍️ ขยับไปสู่โซนปลอดภัย: ถ้าทำได้ ให้ลองดันไปให้ถึง 12,000 ก้าว ครับ (โซนนี้ลดความเสี่ยงได้สูงสุด)
✍️ สังเกตตัวเองและคนใกล้ชิด: ถ้าอยู่ดีๆ คุณพ่อคุณแม่ หรือตัวเราเอง ที่เคยเดินเก่งๆ กลับกลายเป็นคนเฉื่อยชา ไม่อยากลุก ไม่อยากเดิน โดยไม่มีสาเหตุเจ็บปวด... อย่ามองข้ามครับ พาไปปรึกษาแพทย์ระบบประสาทเพื่อตรวจเช็กแต่เนิ่นๆ ดีที่สุด
งานวิจัยนี้เปลี่ยนมุมมองของวงการแพทย์ไปเลยครับ จากเดิมที่รอให้มือสั่นก่อนค่อยรักษา ตอนนี้แค่เราก้มดูนาฬิกาข้อมือ เราก็อาจจะรู้ทันโรคได้ก่อนเป็นสิบปี
การเดินไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่มันคือยาวิเศษที่ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง
อย่ารอให้ถึงวันที่เดินไม่ไหวครับ ลุกขึ้นมาสะสมก้าวเดินกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อสมองที่สดใสในวันหน้าครับ
ด้วยความปรารถนาดี
เอกสารอ้างอิง (References):
1. Acquah, A., et al. (2025). Daily steps are a predictor of, but perhaps not a risk factor for Parkinson's disease: findings from the UK Biobank. npj Parkinson's Disease. DOI: 10.1038/s41531-025-01214-6
2. Medical Xpress. "Early Parkinson's predictor found in daily step count" (December 5, 2025).
โฆษณา