Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
10 ธ.ค. เวลา 10:36 • ข่าวรอบโลก
ย้ายค่ายไม่ง่ายจริงๆนะเออ…
เมื่อนักบิน F-16 ไทย เขี้ยวกว่านักบินยูเครน…
สื่อด้านสงครามต่างประเทศแทบทุกสำนัก
เล่นข่าวกรณีไทยใช้เครื่องบินถล่มเขมร
นอกจากเรื่องประเด็นทางการเมือง ที่เขาสนใจกัน
ก็น่าจะเพราะ F-16 ไทย มันเป็นรุ่น A/B ซึ่งค่อนข้างเก่า
แต่ไทยยังใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด
แน่นอนเลย กองทัพอากาศไทยต้องได้เครดิตส่วนหนึ่ง
กับงานซ่อมบำรุงที่ดี
แต่อีกส่วน ผู้ผลิตเองก็ต้องได้รับเครดิตไปเต็มๆ เหมือนกัน
ในฐานะที่ยังสามารถซัพพอร์ตเครื่องที่ตัวเองผลิตได้อย่างยาวนานขนาดนี้
…และดูเหมือน F-16 ไทยนั้น ซ่อนอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับ
การปรับปรุงเพื่อระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ในยุคใหม่
ภายใต้บอดี้เดิมๆ ของสหรัฐอีกด้วย….
…ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่บังเอิญมาก กับการเริ่มใช้ F-16 รุ่นเดียวกันในยูเครน อย่างได้ผล หลังซุ่มฝึกนักบินกว่าสองปี….
…ก็เลยมีการเปรียบเทียบกันเป็นธรรมดา…
จะว่านักบินยูเครนอ่อนก็คงไม่ใช่
ในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาก็ทำงานได้ดี ภายใต้ข้อจำกัด
กับเครื่องบินยุคโซเวียต และของค่ายรัสเซีย ที่ตกค้างอยู่
ในประเทศตัวเอง และยุโรปตะวันออก ที่บริจาคมาให้
แล้วมาดัดแปลงใส่อาวุธอเมริกัน นาโต้
ความไม่ถนัดกับเครื่องบินค่ายนาโต้มากกว่า
ที่ทำให้นักบินยูเครน ไม่ชอบที่จะใช้เครื่องนาโต้
ไม่ว่าจะเป็น F-16 หรือ Mirage จากฝรั่งเศส
มากกว่าที่จะบอกว่ามันไม่ดี
นักบินยูเครน มีความสุขกว่า เมื่ออยู่บน SU-27
หรือ MIC-29 ในช่วงที่ผ่านมาพวกเขามักทำได้แย่
เมื่ออยู่กับเครื่องบินค่ายนาโต้ ทำตกเองก็มีให้เห็น
แต่ตอนนี้ดีขึ้นละ เพราะพวกที่ส่งไปฝึกตั้งแต่ต้นสงคราม
จบหลักสูตรกลับมากันเกือบหมดแล้ว และกำลังสร้างผลงาน
แต่กับไทย แม้ว่าจะไม่เจอกับการต่อต้านโหดๆ
แบบที่ยูเครนเจอกับรัสเซีย
แต่ผู้เชี่ยวชาญเขามองที่ยุทธวิธีการใช้
ความชำนาญ ความแม่นยำ ที่มีต่ออุปกรณ์
แล้วสรุปออกมาได้ประมาณว่า นักบิน F-16 ไทย
รวมถึงฝ่ายกำหนดยุทธวิธีการใช้ มีความชำนาญ
กว่าทางยูเครนมาก
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรนัก เพราะไทยอยู่กับเครื่องบิน
สหรัฐมาตั้งแต่ยุคของ F-5 โน่นแล้ว กลยุทธ์ แนวคิด
ของกองทัพอากาศไทย จึงเคยชินกับเครื่องบินสหรัฐ
หรือกระทั่งแนวคิดแบบ NATO ก็สามารถเห็นได้ชัด
เมื่อเราใช้กริพเพน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีรายงานจากกองทัพอากาศเราเอง ต่อสื่อต่างชาติ
ว่าทางเขมร ไม่ใช่ไม่มีการต่อต้านเลย
มีความพยายามล็อกเป้าหลายครั้ง โดยเฉพาะจากอาวุธ
ต่อต้านอากาศยานระยะสั้น แบบประทับบ่า แต่ก็ไม่สำเร็จ
นั่นน่าจะแสดงให้เห็นว่า F-16 A/B ของไทยนั้น ยังพอที่จะมี
ความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่
ได้ “ในระดับหนึ่ง”
เนื่องจากระบบของเขมรทั้งหมดในปัจจุบัน
คือ ระบบต่อต้านจากจีน แม้จะไม่ใช่ตัวท็อป
แบบที่จีนมี มันก็พอจะพูดได้แบบนั้น ว่า ในระดับหนึ่ง
เนื่องจาก จะอย่างไร อาวุธในมือเขมร ก็ถือว่าเป็นรุ่นใหม่
จากจีน ที่มีการพัฒนามากกว่า ทันสมัยกว่าตัวเครื่องบินไทย
ซึ่งแน่นอน ว่าระดับนี้ ย่อมหมายรวมถึงขีดความสามารถ
ที่ไทยจะมีต่อเพื่อนบ้านอื่นอีกหลายชาติ ที่อยู่รอบๆ
ว่าไทยยังเป็นเจ้าแห่งน่านฟ้าอินโดจีน เนื่องจากที่
รอบๆบ้านเรามี ก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่กัมพูชานี้นัก
…ในมือมาเลเซีย และพม่า อาจมี SU-30 แต่นั่นก็ไม่ใช่
ว่าพวกเขาจะได้เปรียบไทยนัก เนื่องจากเราเองก็มีกริพเพน
ที่ถูกออกแบบมาให้จะต่อกรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และมีจำนวนอะไรที่ค่อนข้างเหนือกว่า โดยไม่ต้องนับว่า SU30 ปัจจุบัน มีปัญหาขาดอะไหล่ซ่อมบำรุงอย่างรุนแรง เมื่อประเทศผู้ผลิตติดหล่มสงคราม…
…ยิ่งต่อไป ถ้าได้ Gripen E/F มา ก็จะยิ่งไปกันใหญ่
เพราะมันถูกออกแบบมาให้เป็นนักฆ่า SU -35 โดยเฉพาะ
หากแถวนี้ซื้อมา ก็จะไมใช่ปัญหา และรัสเซียก็คงไม่ทำ 47
ขายใครในอนาคตอันสั้นนี้ได้แน่ๆ จากปัญหาของพวกเขาเอง
…และ F-16 น่าจะอยู่กับกองทัพอากาศไทย เป็นกำลังหลัก
ไปจนถึงกำหนดการเปลี่ยนผ่าน ในปี 2580 ค่อนข้างแน่…
ปรัชญาการออกแบบที่แตกต่างของอาวุธค่ายโซเวียต
และสหรัฐ ทำให้นักบินมีปัญหาเมื่อต้องย้ายค่าย
ถือเป็นโชคดีของไทย ที่ในช่วงปี 46-47 รัฐบาลทักษิณ
รัสเซียไม่ยอมรับการจ่ายค่าตัว SU-30 ด้วยวิธีแลกเปลี่ยน
สินค้า โดยกรณีของไทย คือเราจะจ่ายเป็นไก่แช่แข็ง
ครับ นี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องตลก
ไทยเคยจะซื้อ SU-30 อยู่แล้ว แต่ติดว่าจะจ่ายเป็นไก่
แล้วรัสเซียไม่เอา จนมาเปลี่ยนเป็นกริพเพนในตอนหลัง
และเมื่อเราไม่ได้มา การอัพเกรด F-16 เพื่อใช้ให้ต่อเนื่อง
จึงต้องทำต่อไป เท่าที่ทำได้ตามงบประมาณจนถึงปัจจุบัน
ไม่ใช่ว่าเครื่องบินค่ายโซเวียต รัสเซีย ไม่ดี
ปัญหาจริงๆ คือนักบินที่ไม่เคยบินจะไม่คุ้นเคย
และฝ่ายยุทธการเอง ก็เข้าใจพวกมันน้อย
ตอนนั้นกองทัพอากาศเอง ก็ไม่ได้อยากได้นัก
นักบิน เขาก็บินได้แหละ แต่ประสิทธิภาพมันตก
เหมือนเอาคนเชี่ยวชาญการขับรถทางเรียบ
ไปลงถนนออฟโรด เขาก็ย่อมขับได้ไม่ดี
ฝ่ายยุทธการ ก็วางแผนได้ยาก เพราะธรรมชาติที่ต่างกัน
มันอาจทำให้ต้องรื้อระบบ วิธีคิด วิเคราะห์วางแผนภาพรวม
ของสมรภูมิทั้งหมดได้
ซึ่งทั้งหมด มีผลมาจากการออกแบบ ที่สนองความต้องการ
ใช้งานที่ต่างกันออกไป ของอาวุธต่างค่าย
เครื่องบินนาโต้ เน้นการรบแบบฉาบฉวย เป็นฝูง
ไม่เน้นความเถื่อนดิบ เน้นเสถียร เครื่องเดียวทำได้
หลากหลายภารกิจ เช่น F-16 นี่คืออะไรที่ชัดเจน
ส่วนเครื่องบินรัสเซีย ออกแบบมาเพื่อการครองน่านฟ้า
เน้นการต่อตี และใช้พลังดิบเครื่องยนต์ในการเน้น
ความเร็ว แรง มากกว่าความคล่องตัว เพื่อให้เหมาะกับ
การเข้าถึงอย่างรวดเร็วในภูมิประเทศขนาดใหญ่มาก
ของพวกเขาเองเป็นหลัก
เมื่อปรัชญาการออกแบบแตกต่าง คุณสมบัติ
จุดเด่นจุดด้อยมันก็ต่างกันไปด้วย
ซึ่งการปรับตัวของนักบิน และทีมงานฝ่ายยุทธการ
ก็จะต้องปรับกันใหม่ทั้งหมด แม้จะมีเพียงฝูงเดียว
ที่แตกต่างออกมาก็ตาม
ความไม่ต่อเนื่อง ผสมปนเปกันมากเกินไป
มีแนวโน้มให้ผลไม่พึงประสงค์ มากกว่าที่จะกลมกลืน
และทัพฟ้าอินเดียนั่นเอง ที่สะท้อนปัญหานี้อย่างชัดเจน
เมื่อที่พวกเขามีมันจับฉ่ายหลายค่าย จนมั่วไปหมด
ดังนั้น การที่เราใช้เครื่องนาโต้ต่อเนื่องมายาวนาน
แม้ดูล้าสมัย ไม่มีทางเลือก และถูกผูกติดทางการเมือง
…แต่ผลอีกทาง คือความเชี่ยวชาญ และประสิทธิภาพสูงสุด
ที่เราได้มา มันก็มาจากการทำซ้ำๆ คุ้นเคยนั่นเอง…
ด้วยหลักนิยมของกองทัพไทย ค่อนข้างจะเป็นนาโต้
อย่างมากจริงๆ เมื่อเราดูวิธีการรบที่ผ่านมาในทั้งสองรอบ
ตีแล้วชิ่ง แบบนี้วนๆไป
ลักษณะนี้ SU และตระกูล J จากจีน
ไม่เหมาะกับยุทธวิธี หลักนิยมของไทยแน่นอน
SU ออกแบบมาใช้ใช้ในลักษณะทะลุทะลวงมากกว่า
ตามหลักนิยมแบบโซเวียต พวกเขานิยมจรวด
แบบอากาศสู่พื้น จากที่สูง ไม่เน้นแม่นยำ เน้นพลังทำลาย
เป็นวงกว้างมากกว่า เป็นภารกิจทำลาย มากกว่าสนับสนุน
ซึ่งในพื้นที่ป่าเขาแบบที่เราเจออยู่ ถ้าเป็น SU เราจะไม่เห็น
ความแม่นยำในระดับนี้ ของระเบิดร่อน เนื่องจากมันทำไม่ได้
จากเพดานบินที่สูง แบบที่ SU ต้องการ
ตามปกติแล้ว รัสเซียมีจุดเด่นที่ทัพบก พวกเขาไม่ต้องการ
การสนับสนุนทางอากาศนัก ในลักษณะการรบแบบของไทย
สมมุติถ้ารัสเซียต้องรบในที่ป่าดิบชื้นแบบนี้ พวกเขาคงเลือกใช้จรวดหลายลำกล้อง หรือปืนใหญ่ ในการสนับสนุนมากกว่า
การกำหนดยุทธการตามหลักนิยมแบบรัสเซีย
ค่อนข้างมีความสุ่มเสี่ยง ต่อการพลาดเป้าหมาย
และไม่เซฟชีวิตทหารมากนัก แม้จะมีประสิทธิภาพก็ตาม
แต่กลักของนาโต้ เนื่องจากกองทัพเล็ก คนน้อย
จึงต้องออกมาในลักษณะแบบที่เราเห็น
คือ เสี่ยงน้อยที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
ไม่มีแบบไหนถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับลักษณะของกองทัพ
ผมเชื่อว่า ด้วยโครงสร้างของกองทัพ ยากมาก
ที่ไทยจะหนีอาวุธของนาโต้พ้น เพราะหลักนิยมมันฝังหัวไปแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวล เราอาจบอกได้ว่า นี่คือผลจากการเลือก
อยู่ฝ่ายสหรัฐ ในช่วงสงครามเย็น
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลง จะเป็นสิ่งที่ยากมาก…
…ใครที่เชียร์เครื่องบินจีน ก็คงต้องผิดหวังต่อไป
เนื่องจากธรรมชาติของมัน ไม่แตกต่างจากหลักนิยม
ของพวกโซเวียตในอดีตเลย ซึ่งแน่นอนว่าไม่เหมาะกับไทย
…ซึ่งนั่น ก็ทำให้เราต้องผูกติดกับค่ายตะวันตก
ในทางการเมือง เศรษฐกิจต่อไป อีกยาวนานด้วยนั่นเอง…
…ไอ้ที่ว่า ไม่แคร์เขา มันจึงไม่ได้ จะพูดทำไม…
ก็เนี่ย ถล่มเขมรอยู่ อาวุธอเมริกันทั้งนั้น
ใช้แล้วก็ต้องซื้อมาแทน ทั้งอาวุธและอะไหล่
…ไม่ฟังเขา เขาไม่ขายให้ จะซ่าออกไหมล่ะ…
…น่ารำคาญ ไม่รู้จะปากดีไปเพื่ออะไร…
1
ผมว่าอนุทิน คือนายกที่เล่นการเมืองอย่างเดียวจริงๆ…
1
…ยิ่งกว่าใครที่เคยผ่านมาเลยด้วยซ้ำ…
…ผลงานไม่เน้น เน้นเกาะกระแสให้อยู่ในอำนาจ แค่นั้นจริงๆ….
…จะคอยดู ทรัมป์มันมาแล้ว จะปากดีต่อไหม…
…เอาเข้าจริงๆ ผมว่าก็มือกุมเป้าเหมือนเดิมแหละน่า….
1
ความคิดเห็น
การเมือง
2 บันทึก
20
2
1
2
20
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย