Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุดโปรด
•
ติดตาม
11 ธ.ค. เวลา 02:14 • อาหาร
เนยถั่ว คุณค่าที่มากกว่าแค่ทาหน้าขนมปัง
แยม เนย นูเทลลา หรือแม้แต่นมข้นหวานก็ล้วนแต่นับว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรียกว่า “สเปรด” ที่คนเรามักจะนำมาใช้ในการทาหน้าขนมปังบ่อยครั้ง สำหรับเนยกับแยมนี้นับว่าเป็นอะไรที่สุดแสนจะธรรมดาและพบเห็นกันบ่อยทั่วโลก สำหรับนมข้นหวานนี่อาจจะพบได้มากในคนไทย นูเทลลาเองก็พบมากเหมือนกันในหลาย ๆ ประเทศ
แต่นอกเหนือจากสเปรดเหล่านี้แล้ว มันก็ยังมีสเปรดอยู่อีกอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในต่างประเทศ แต่สำหรับในไทยนี้นาน ๆ ที่จะเห็นมีคนนำไปทาขนมปังอย่าง “เนยถั่ว”
“เนยถั่ว” นับว่าเป็นอีกหนึ่งสเปรดยอดนิยมในโลกตะวันตก ที่นิยมที่สุดเป็นถั่วลิสง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีเนยถั่วที่ใช้เป็นวัตถุดิยอื่น ๆ เหมือนกันเช่นอัลมอนด์ไปจนถึงมะม่วงหิมพานต์ เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงมาก และนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่างนอกเหนือจากการทาหน้าขนมปัง อาจจะใส่กินกับกราโนล่า เครป หรือคุกกี้ก็มี
ประวัติศาสตร์ของเนยถั่วอาจจะย้อนกลับไปได้ไกลถึงอารยธรรมแอซเท็กและอินคาซึ่งมีการทำถั่วบดเหมือนเครื่องจิ้มอย่างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดี กว่าที่เนยถั่วจะมีหน้าตาแบบในปัจจุบันนี้นั้น ก็นับว่าเกิดขึ้นมาในสมัยใหม่ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคคล 3 คน ซึ่งหนึ่งใน 3 บุคคลนั้น มีคนหนึ่งเป็นคนดังที่หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นหูในฐานะของชายผู้ให้กำเนิดแบรนด์ “เคลล็อกก์” นั่นเอง
สิทธิบัตรกลวิธีการทำเนยถั่วฉบับแรกจดขึ้นมาโดยเอ็ดสัน (Marcellus Edson) ชาวรัฐเกแบ็ก ซึ่งระบุเป็นวิธีการทำเนยถั่วยุคใหม่ชิ้นแรก ๆ ในปี 1884 ก่อนที่ต่อมาในปี 1894 ยอร์ช เบล (George Bayle) ได้มีการวางขายเนยถั่วเป็นขนมกินเล่น ตลอดจนนำไปขายในงานนิทรรศกาลโลกที่เซนต์หลุยส์ด้วย
ก่อนที่ต่อมา จอห์น เคลล็อกก์ (John Kellogg) เจ้าพ่อธุรกิจอาหารเช้าประเภทซีเรียลธัญพืชจะได้นำเอาเนยถั่วเข้าสู่ธุรกิจของเขา โดยวิธีการทำเนยถั่วของเคลล็อกก์จะต่างไปจากวิธีการของเอ็ดสัน คือเอ็ดสันทำเนยถั่วด้วยการคั่วถั่ว ในขณะที่เคลล็อกก์ทำเนยถั่วด้วยวิธีการต้มถั่วแทน
ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 สารพัดกรรมวิธีการทำเนยถั่วได้ถูกจดสิทธิบัตรโดยเหล่าแพทย์หรือนักเคมีและนักวิทยาศาสตร์อาหารต่าง ๆ ไปทั่วทั้งอเมริกา สะท้อนให้เห็นถึงความนิยม ตลอดจนมุมมองของบุคคลต่าง ๆ ที่เห็นความสำคัญของเนยถั่วในฐานะของอาหารให้พลังงานสูงและอาหารเพื่อสุขภาพในสายตาของแพทย์ด้วย
ซึ่งในเนยถั่ว 100 กรัม ให้พลังงานเกือบ 600 แคลอรี่ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์ วิตามินอี กรดแพนโทเทนิก วิตามินบี 9 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 และอื่น ๆ เนยถั่วจึงเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าแค่ใช้ทาขนมปังเพิ่มรสชาติเพียงอย่างเดิม
ในปัจจุบันนี้ชาวอเมริกันรับประทานเนยถั่วกันในปริมาณกว่า 1.5 กิโลกรัมต่อคนต่อปี อีกทั้งเนยถั่วก็ยังคงมีพัฒนาการอยู่เรื่อย ๆ มีสูตรใหม่ ส่วนผสมใหม่ รสชาติใหม่ ผู้ผลิตใหม่พากันนำออกมาขายแข่งขันกัน
#จานโปรด #เนยถั่ว #อเมริกา #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
อาหาร
อาหารสุขภาพ
อาหารการกิน
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย