6 ชั่วโมงที่แล้ว • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

เรื่องจริงแรงบันดาลใจเบื้องหลังบัลลังก์เหล็ก

ความรัก การล้างแค้น และสงคราม
เรื่องเล่าขานแห่ง ‘ไฟและน้ำแข็ง‘
จากตำนานของส่วนหนึ่งจากนวนิยายแฟนตาซีชุด “ลำนำแห่งน้ำแข็งและไฟ” (A song of Ice and Fire) สู่ซีรีส์ยอดนิยมตลอดกาลอย่าง ‘Game of Thrones’ โดยนักประพันธ์และนักเขียนบทภาพยนตร์ชาวอเมริกัน George R. R. Martin
ความเข้มข้นและความน่าติดตามของโลกบัลลังก์เหล็กนี้มันไม่ได้แฟนตาซีไปซะทั้งหมดทีเดียว เพราะตัวนักเขียนและผู้จัดซีรีส์นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงทางประวัติศาตร์ที่ทั้งโหดร้ายและพลิกผันไม่ต่างจากพล็อตเรื่องในซีรีส์ชุดนี้เลย
หลายคนที่เป็นคอประวัติศาสตร์อาจรู้สึกคุ้นเคยกับบางฉากในซีรีส์ศึกบัลลังก์เหล็กและรู้สึกว่ามันมีความคล้ายกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในโลกจริง ซึ่งก็เหมือนกับนักเขียนและศิลปินชื่อดังอีกหลายคนที่ได้สร้างสรรค์ผลงานมาสเตอร์พีซขึ้นมาประดับวงการ George R. R. Martin ได้นำเรื่องราวที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์มาผสมผสานเป็นโครงเรื่องและใส่ความแฟนตาซีเข้าไปบนเส้นเรื่องที่เข้มข้น น่าติดตาม และคาดเดาได้ยาก
**************************
เหตุการณ์แรก ’War of the Roses‘
อาณาจักรอันกว้างใหญ่ถูกสั่นคลอนด้วยการแก่งแย่งอำนาจจากเหล่าขุนนางจากสองตระกูลยาวนานหลายปี มันเกี่ยวข้องกับบุคคลมากมายหลากหลายที่มีความต้องการที่ซับซ้อนและความภักดีที่ผันแปร
เรื่องราวที่ฟังดูคุ้นหูเหล่านี้รู้จักกันในชื่อ “สงครามกุหลาบ” (War of the Roses) หรือสงครามกลางเมืองในยุคกลางตอนปลายของอังกฤษ ที่เกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 สิ้นพระชนม์ในช่วงศตวรรษที่ 15 จนทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์กันระหว่างตระกูล York และตระกูล Lancasters ที่ต่างก็สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ด้วยกัน
สงครามนี้กินระยะเวลายาวนานประมาณ 30 ปี ราว ๆ ปี 1455-1487 และเรื่องราวการเชือดเฉือนนองเลื-อดนี้ก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจเบื้องหลังเรื่องราวในลำนำแห่งน้ำแข็งและไฟซึ่งเป็นรากฐานของเรื่องราวส่วนใหญ่ใน Game of Thrones ให้เราได้อินกันนั่นเอง
**************************
’Black Dinner/ Glencoe Massacre’
เสียงดนตรีของบทเพลงแห่งคาวเลือด "The Rains of Castamere" ดังขึ้นหลังจากที่ลูกชายคนหนึ่งของลอร์ดวอลเดอร์ เฟรย์เดินไปปิดประตูโถง แคทเธอรีน สตาร์ครับรู้ได้ทันทีว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากล และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ไม่นานหลังจากนั้น โศกนาฏกรรมนองเลื-อดที่ตระกูลสตาร์คที่หลงเหลืออยู่จะไม่มีวันลืมก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กับเหตุการณ์ ‘Red Wedding’ หรือ ‘วิวาห์สีเลือด’ อันลือลั่น
ความจริงแล้ววิวาห์สีเลือดเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่ชื่อ ‘Black Dinner’ ในปี 1440 และ ‘การสังหารหมู่เกล็นโค’ ในปี 1691
Black Dinner เป็นเหตุการณ์การลวงสังหารสองขุนนางหนุ่มวิลเลียม ดักลาสและเดวิด-น้องชายของเขา หลังจากที่ทั้งคู่ร่วมมื้อค่ำสุดท้ายกับพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่จึงต้องมีผู้สำเร็จราชการแทน สองพี่น้องผู้โชคร้ายอยู่ในตระกูลที่มีอำนาจและโดดเด่นมาก มากซะจนถูกหมายหัวว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อตระกูลคู่แข่งหรือแม้แต่ต่อตัวบัลลังก์เอง ท้ายที่สุดทั้งคู่จึงถูกลวงสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยการตั*ดหัวที่ปราสาทเอดินบะระ ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏ
ส่วนเหตุการณ์สังหารหมู่เกล็นโคเกิดขึ้นราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1692 เป็นการลอบสังหารคนในตระกูลแม็กโดนัลด์ หลังจากอเล็กซานเดอร์ แม็กโดนัลด์-หัวหน้าตระกูลไม่สามารถเดินทางไปให้สัตย์สัญญาสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 ได้ทันการ ทางการจงส่งกลุ่มทหารหลายนายไปที่เกล็นโคที่พำนักของตระกูลแม็กโดนัลด์เพื่อทำทีเป็นขอที่พักพิง จากนั้นในคืนหนึ่งตระกูลเเม็กโดนัลด์ก็ถูกสังหารอย่างไร้ความปราณีขณะที่ยังหลับใหล
**************************
’จักรวรรดิโรมัน, ปอมเปอี และตำนานแอตแลนติส’
ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรทั้งในทางอำนาจและในทางกายภาพหรือโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาและแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันนั้น เป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับการกำเนิดจักรวรรดิวาลิเรียนใน Game of Thrones
ในขณะที่จักรวรรดิโรมันล่มสลายลงเนื่องจากปัจจัยหลายอย่างรวมถึงสงครามและความตึงเครียดทางการเมือง จักรวรรดิวาลิเรียนก็ถูกทำลายด้วยระเบิดและพังทลายลงเป็นความหายนะครั้งใหญ่โดยเหล่า Valyrian Freehold สิ่งเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์มหาภัยพิบัติของปอมเปอีและตำนานของแอตแลนติสด้วย
ปอมเปอีเป็นที่รู้จักในฐานะของเมืองที่ถูกทำลายจากการปะทุของภูเขาไฟวิสุเวียส ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายคลึงกับ Doom of Valyria ในซีรีส์ ในขณะที่ตำนานของแอตแลนติสถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องราวประวัติศาสตร์โดยตรง แต่อิทธิพลทางวัฒนธรรมของตำนานนี้สามารถเห็นได้ในอารยธรรมขั้นสูงของวาลิเรียที่ถูกทำลายโดยมหันตภัยร้ายแรง
**************************
Vikings, Greek Fire, Hadrian's Wall และอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวรายละเอียดยิบย่อยต่าง ๆ ในซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจอย่างชัดเจนจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของโลก
ไม่ว่าจะเป็นประเด็น Iron Born ชาวเกาะเหล็กในซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชาว Vikings ที่มีชื่อเสียงในด้านการปล้นสะดมและความสามารถในการเดินเรือ
Wild Fire หรือเพลิงโลกันตร์สีเขียวที่มาจากของเหลวติดไฟง่ายจากกล่มนักเล่นแร่แปรธาตุในซีรีส์ตอน "Blackwater" ในซีซั่น 2 ส่วนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากไฟกรีก (Greek Fire) อาวุธพิฆาตของชาวยุโรปโบราณที่มีพลังทำลายล้างสูง สามารถเผาไหม้ในน้ำได้ และยังมีความลึกลับเหมือนในซีรีส์เพราะไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าส่วนประกอบของอาวุธนี้จริง ๆ แล้วมีอะไรบ้าง
การรุกรานของชาว Andal ที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรเวสเทอรอส สิ่งนี้คล้ายกับการรุกรานอังกฤษโดยชาวโรมัน ชาวโรมันสร้างป้อมปราการของตนเองบนเกาะอังกฤษและค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของอังกฤษ รวมทั้งเผยแผ่ศาสนาของพวกเขาเองด้วยเช่นเดียวกับในซีรีส์
The Wall แนวปราการน้ำแข็งยาวหลายร้อยกิโลเมตรที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางตอนเหนือของเวสเทอรอสเพื่อป้องกันกองทัพ White Walkers และคนเถื่อนมากว่า 8,000 ปี ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Hadrian's Wall ในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรอย่างชัดเจน เมื่อจักรพรรดิเฮเดรียนสั่งให้สร้างกำแพงทางตอนเหนือของอังกฤษเพื่อแยกจักรวรรดิออกจากสกอต
เอกอนผู้พิชิตในซีรีส์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิลเลียมผู้พิชิต หรือพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ในประวัติศาสตร์ แม้ว่าลักษณะการรุกรานของผู้พิชิตทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่เอกอนผู้พิชิตมีความคล้ายคลึงกับพระเจ้าวิลเลียมอย่างชัดเจนในเรื่องของนิสัยการเป็นผู้นำ พระเจ้าวิลเลียมเป็นผู้รุกรานอังกฤษในปี 1066 และนำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่มาสู่อาณาจักรเช่นเดียวกับเอกอนนั่นเอง
อรรถรสที่เข้มข้นของซีรีส์และหนังสือ เมื่อได้รับการปรุงอย่างกลมกล่อมด้วยวัตถุดิบที่มีส่วนหนึ่งมาจากประวัติศาสตร์โลกแล้ว มันสามารถช่วยเพิ่มดีกรีความอินและความตื่นตาตื่นใจแก่คนดูและผู้อ่านได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งการได้อ่านหรือดูอะไรที่มีคุณภาพแล้วนั้นมันก็สามารถให้อะไรกับคนดูได้มากกว่าแค่ความบันเทิงเปล่า ๆ อย่างแน่นอน
- Josman -
โฆษณา