15 ธ.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

Prediabetes สัญญาณเตือนภัยเงียบที่ต้องระวัง

ใครเคยไปตรวจสุขภาพประจำปี แล้วคุณหมอทักว่า "น้ำตาลเริ่มปริ่มๆ แล้วนะ เกือบจะเป็นเบาหวานแล้ว" หรือเห็นตัวเลขน้ำตาลในเลือด อยู่แถวๆ 100-125 mg/dL บ้างไหมครับ? ยกมือขึ้นหน่อยครับ
ภาวะนี้เราเรียกว่า "ภาวะก่อนเบาหวาน" (Prediabetes) ครับ หลายคนมักชะล่าใจ คิดว่า โธ่... ก็ยังไม่เป็นเบาหวานนี่นา อีกตั้งนานกว่าจะต้องกินยา แล้วก็กลับไปกินชานมไข่มุกต่ออย่างสบายใจ อิอิ
แต่เดี๋ยวก่อนครับ ข้อมูลงานวิจัยล่าสุดจาก The Lancet Diabetes & Endocrinology กำลังบอกเราว่า ช่วงเวลานี้แหละคือนาทีทองที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณ เพราะถ้าคุณจัดการมันได้ ผลลัพธ์มันมหาศาลกว่าที่เราเคยคิดไว้มากครับ
Prediabetes คือสัญญาณไฟเหลือง 🟡
เปรียบเทียบง่ายๆ ครับ ร่างกายเราเหมือนการขับรถ ถ้าปกติดีคือไฟเขียว แต่ถ้าเป็นเบาหวานคือไฟแดงที่ต้องเหยียบเบรก รักษา กินยาตลอดชีวิต
ส่วน Prediabetes คือ ไฟเหลืองครับ... มันเตือนว่าระบบเผาผลาญเริ่มรวน ภาวะดื้อต่ออินซูลินเริ่มมาเยือน ถ้าเรายังเหยียบคันเร่งกินตามใจปาก ก็จะฝ่าไฟแดงไปเป็นเบาหวานแน่นอน ฟันธง
แต่คำถามคือ... ถ้าเราเบรกทันล่ะ? ถ้าเราทำให้ค่าเลือดกลับมาเป็นปกติได้ จะเกิดอะไรขึ้น
งานวิจัยยักษ์ใหญ่บอกอะไรเรา
งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจาก 2 การศึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเกี่ยวกับการป้องกันเบาหวาน คือ DPPOS (จากสหรัฐอเมริกา) และ DaQingDPOS (จากจีน)
ความเจ๋งคือเขาติดตามดูคนไข้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้นานมาก... นานถึง 20-30 ปี (อย่างนาน) เรียกว่าดูตั้งแต่หนุ่มสาวยันแก่เฒ่าเลยทีเดียว
สิ่งที่เขาค้นพบคือ
คนที่อยู่ในภาวะก่อนเบาหวาน แล้วสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจนน้ำตาลกลับมาปกติได้ (แม้จะทำได้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่ต้องตลอดไปก็ได้) คนกลุ่มนี้จะมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าคนที่ปล่อยปละละเลยอย่างชัดเจน
แค่หายครั้งเดียว กำไรชีวิตมหาศาลแล้ว
นี่คือไฮไลท์ที่ผมอยากจะเน้นตัวโตๆ เลยครับ ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า
คนที่สามารถทำให้ภาวะก่อนเบาหวานสงบลงได้ (คือน้ำตาลตอนเช้าต่ำกว่า 100 mg/dL หรือ HbA1c ต่ำกว่า 5.7% โดยไม่ต้องพึ่งยา) ภายใน 1 ปีแรกที่เริ่มดูแลตัวเอง
จะลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ หรือ อาการหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ลงได้ถึง 50% (เมื่อเทียบกับคนที่น้ำตาลยังสูงอยู่)
ท่านอ่านไม่ผิดครับ ลดลงครึ่งต่อครึ่ง
กลไกนี้ทางเรารียกว่า Legacy Effect หรือผลบุญเก่าหนุนนำครับ เปรียบเหมือนเราซ่อมบ้านตั้งแต่รอยร้าวยังเล็กๆ แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปี โครงสร้างบ้านเราก็ยังแข็งแรงกว่าบ้านที่ปล่อยให้ร้าวลึกแล้วค่อยมาซ่อมทีหลัง
แม้ว่าในอนาคต บางคนอาจจะกลับมาเป็นเบาหวานจริงๆ (เพราะอายุมากขึ้น ร่างกายเสื่อมลง) แต่ช่วงเวลาที่เราเคยทำให้น้ำตาลกลับมาปกติได้นั้น มันได้ช่วยเซฟหลอดเลือดและหัวใจของเราไว้ล่วงหน้าแล้วครับ
ทำยังไงถึงจะไปถึงจุดนั้น?
ในงานวิจัยนี้ เขาใช้วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นหลักครับ ไม่ใช่ยาวิเศษที่ไหนเลย
1. คุมอาหาร ง่ายๆแต่ทำยาก ลดแป้ง ลดหวาน เน้นผักและโปรตีน
2. ออกกำลังกาย ให้สม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ (อันนี้ไม่ยาก)
3. ลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักลงประมาณ 7% ของน้ำหนักตัว ช่วยให้ภาวะดื้ออินซูลินดีขึ้นมาก
เภสัชกรอย่างผมเข้าใจครับว่า "พูดง่ายแต่ทำยาก" แต่เมื่อเห็นตัวเลขความเสี่ยงโรคหัวใจที่ลดลงได้ถึง 50% แล้ว ผมว่ามันคุ้มค่าที่จะกัดฟันสู้นะครับ
อย่ารอให้ไฟแดงเตือน
ความรู้จากงานวิจัยนี้เปลี่ยนมุมมองวงการแพทย์ไปเลยครับ จากเดิมที่เราตั้งเป้าแค่ ชะลอไม่ให้เป็นเบาหวาน ตอนนี้เป้าหมายใหม่ของเราต้องดุดันขึ้นครับ คือต้องตั้งเป้าให้หายจากภาวะก่อนเบาหวานไปเลย
ถ้าวันนี้ท่านไปตรวจเลือด แล้วพบว่าตัวเอง หรือคนในครอบครัว กำลังยืนอยู่ตรงทางแยกไฟเหลือง (Prediabetes) ขอให้ดีใจครับ... ดีใจที่รู้ทัน
เพราะนี่คือโอกาสทองที่คุณจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเอง ปรับพฤติกรรมวันนี้ ไม่ใช่แค่หนีเบาหวาน แต่คือการปกป้องหัวใจให้อยู่กับคุณและคนที่คุณรักไปอีกนานเท่านาน
เริ่มวันนี้เลยนะครับ ลดหวานลงนิด ขยับตัวเพิ่มอีกหน่อย หัวใจคุณจะขอบคุณคุณในอีก 20 ปีข้างหน้าแน่นอนครับ
เอกสารอ้างอิง:
1. Arreola, E. V., Gong, Q., Hanson, R. L., Wang, J., et al. (2025). Prediabetes remission and cardiovascular morbidity and mortality: post-hoc analyses from the Diabetes Prevention Program Outcome study and the DaQing Diabetes Prevention Outcome study. The Lancet Diabetes & Endocrinology. Published online December 12, 2025. DOI: https://doi.org/10.1016/S2213-8587(25)00295-5
โฆษณา