16 ธ.ค. เวลา 14:04 • บันเทิง
โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ

#อ่านคอนเสิร์ตวันพุธ Wednesday Song Vol. 8 Playlist คุณจิรนันท์ พิตรปรีชา Artist มาลีฮวนน่า

หากกวีขยับไหวหัวใจคน
เพลงกวีดังมีมนต์ดลไป
#เบ็นโน้ต ชวนอ่าน
“คีตา-กวีคอนเสิร์ต”
Wednesday Song Concert Vol.8
Main Show มาลีฮวนน่า
เพลย์ลิสต์ คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา
ที่ผู้ถ่ายทอดบทเพลงคือ ...
Hope, Hammer และคีตาญชลี
คอนเสิร์ตที่ทั้งอิ่มเต็มและเอมใจ
------------------------
#คีตา_กวีคอนเสิร์ต
Wednesday Song Volume นี้แค่เริ่มก็น้ำตาจะไหลแล้วค่ะพี่น้อง ปกติคอนเสิร์ตวันพุธของเราจะเริ่มด้วยเพลง “วันพุธ” ที่พี่ตุ้มไปใช้บริการให้น้องเอไอแต่งให้ บางคาบครา (ขอเหิมเกริมใช้คำสวยหน่อย เพราะนี่เป็นว้อล-ลุ่มคีตกวีเชียวนะ 555 ล้อเล่นค่ะ ที่จริงคือแค่อยากใช้คำสวย ๆ บ้าง)
บางคาบคราพี่ตุ้มก็ชวนนักร้อง The Voice มาร้อง บางครั้งก็เป็นเพลงบรรเลงให้เราฟังชิล ๆ ... 7 ครั้งผ่านไป คนที่มาทุกครั้งอย่างเบ็นก็ถูกฝึกให้ชินว่าพอไฟดิมลง เดี๊ยวโน้ตตัวแรกของเพลงวันพุธก็จะเริ่มขึ้น แต่ ...
แต่มันไม่ใช่กับครั้งนี้ค่ะทุกคน คอนนี้มีอะไรให้เราเซ่อร์---พร้ายยยซ์ เสมอเลย โน้ตแรกขึ้นมาน้ามตาจะไหล เฮ้ยยยย ไม่ใช่เพลงนั้น ๆ ๆ วันนี้เราได้ฟังเพลงนี้ ๆ ๆ ค่ะ
“ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง
จะคิดถึงและคอยห่วงใย
ในยามที่ชีวิต หม่นหมองร้องให้
ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน
ในวันที่โลกร้าง ความหวังให้วาด
มันขาดมันหาย ใครจะช่วยเติม
เพิ่มพลังใจ ให้ฉันได้เริ่ม
ต่อสู้อีกครั้งบนหนทางไกล
กำลังใจ จากใครหนอ
ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิตได้มีแรงใจ
ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง
กำลังใจจากใครหนอ
ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล
ที่หยาดรินสู่ผืน ดินแห้งผาก ...”
เพลงกำลังใจ ของพี่ ๆ Hope Family ที่คราวนี้พี่ตุ้มพี่เอกเล่นใหญ่ x คีตาญชลี ด้วย ... โหววววว นึกภาพตามนะคะ ดนตรีมา เสียงพี่แดงขึ้น (ขนลุกเลยค่า) แสงอุ่น ๆ มา บนเวทีเห็น Hope Family บวกด้วยคีตาญชลีเต็มวง
เพลงแรกนี้มันทำให้เราอิ่มเต็มในหัวใจ มันฟูใจมาก ๆ ที่เหนื่อย ๆ อยู่ หายเป็นปลิดทิ้ง นี่แหละ ๆ คอนเสิร์ตกลางสัปดาห์ที่โลกต้องการ โคตรรรรรเพราะ โคตรรรดี ... ตอนนั้นคิดว่า เออ คอนเสิร์ตนี้จบแค่นี้ก็ได้แระนะ แค่ได้ฟังเพลงนี้สด ๆ จากพี่ ๆ ชั้นหลับฝันดีได้แล้วคืนนี้ 555
#เปิดคอนยังไงให้เหมือนฟินาเล่ 😍
แต่ไม่ได้สิเนาะ เราจะทิ้งทั้งกวีซีไรต์และกวีในเสียงเพลงให้รอเก้อไม่ได้เนอะ อ่ะงั้นมาท่องไปในจักรวาลกวี กับพี่จี๊ด จิระนันท์ และอาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่ากันค่ะทุกคน
==================
Playlist พี่จี๊ด จิรนันท์
Playlist กวีซีไรต์ 🤣
==================
ขอสารภาพตามตรงว่าเบ็นอยากมาคอนเสิร์ตวอลลุ่มนี้มาก ๆ เพราะพี่จี๊ดค่ะ (ขอแอบเนียนสนิทเรียกพี่นะคะ ถึงจะไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ชื่นชมพี่จี๊ดมาก ๆ และอยากฝากตัวเป็นน้องสักคนค่ะ 🥰💖💖) เบ็นอยากรู้ว่ากวีซีไรต์จะพาเพลงอะไรมาให้เราฟัง และความหมายของแต่ละเพลงจะงดงามประมาณไหน ประมาณ “ดอกไม้ ... ดอกไม้จะบาน” หรือเปล่า 😊 (ใครอ่านแล้วมีทำนอง เราน่าจะโตมาพร้อม ๆ กัน 55)
เราหลาย ๆ คนน่าจะโตมากับเพลงนี้ ผูกพันกับเพลงนี้ เพราะ “ดอกไม้จะบาน” เป็นเพลงรับน้องที่ร้องกันทุกมหาวิทยาลัยเลยทีเดียวเชียว ส่วนตัวเบ็นเอง เพลงนี้เป็นเพลงที่เบ็นชอบมาก ๆ ตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรก เพราะคำร้องที่ไพเราะงดงามราวกับบทกวี (ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นบทกวีมาก่อนค่ะ) เบ็นว่าคนที่ชอบทางอักษรศาสตร์ทุกคนน่าจะอยากทำให้ได้แบบนี้บ้าง
แบบที่ ... ใช้คำง่าย ๆ แต่เพราะเหลือเกิน ลึกซึ้งเหลือเกิน กินใจเหลือเกิน และมูฟผู้คนได้มากเหลือเกิน ... ไอดอลสุด ๆ
อย่างที่พี่จี๊ดพูดไว้ในคอนเสิร์ตนี้ค่ะ แค่ “บทกวี” ก็มีพลังเคลื่อนหัวใจคนได้อย่างไม่น่าเชื่อแล้ว “บทกวีที่มีท่วงทำนอง” ยิ่งทรงพลัง สะกด และมีมนต์แบบที่สามารถขับเคลื่อนเขยื้อนโลกได้กันเลยทีเดียว เพลงที่พี่จี๊ดเลือกมาไว้ในเพลย์ลิสต์เป็นแบบนั้นค่ะ เราได้ฟัง 5 เพลงกวีที่บันทึกช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ของชาติเราเอาไว้
โดยมีกวีซีไรต์เป็นผู้ฉายย้อนภาพเหล่านั้นทวนกลับมาให้เราได้เห็น และมีพี่ ๆ Hope Family คีตาญชลี และ Hammer เป็นผู้ใส่ดนตรีขับเน้นให้ภาพเหล่านั้นยิ่งโลดเล่นเด่นชัดขึ้นไปอีกในความคิดและจิตใจของเรา
------------------------
#1 เพลงกวีเล่าชีวิต
#ดอกไม้จะบาน
-----------------------
คอนฯ นี้มันจะขาดเพลงนี้ไม่ได้หรอกเนอะ พอเห็นพี่จี๊ดเดินเข้าซีนมากับพี่ตุ้มพี่เอกก็คิดว่าไม่ต้องเล่าอะไร เล่นเพลงนี้เลยก็ได้ ... 555 ไม่ได้สิ เค้าเป็นช่วงเพลย์ลิสต์ มันต้องเล่าตามคอนเซ็ปต์ “บทเพลงที่มีเรื่องเล่า เรื่องราวที่มีตัวโน้ต” ดังน้านนน ก่อนที่จะเข้าเพลง พี่ตุ้มกับพี่เอกจึงถามทวนถึงชีวิตของพี่จี๊ด จิระนันท์
ก่อน “จิระนันท์ … เวอร์ชั่นกวีซีไรต์” พี่จี๊ดโตมายังไงกันนะ ... ที่จริง ผู้ชมทางบ้านชื่อเบ็นอยากถามว่าพี่จี๊ดกินอะไรถึงได้โตมาเป็นกวีซีไรต์ 😆 (ซึ่งดีแล้วที่ไม่ได้เป็นพิธีกรน่ะนะ 55)
พี่จี๊ดเล่าให้เราฟังถึงเด็กหญิงจิระนันท์ดังนี้ค่ะ
(ผิดพลาดขออภัยนะคะ ทดมาได้เท่านี้ แล้วอยากเก็บไว้เท่าที่ทดค่ะ)
- พี่จี๊ดเกิดและโตตรัง (ชอบเสียง “โตตรัง” จังแฮะ เหมือนโน้ตดนตรีเลย)
- บ้านพี่จี๊ดเป็นร้านหนังสือ พี่จี๊ดอ่านหนังสือทุกเล่มในร้าน 😮 พี่จิ๊ดถามให้เราคิดว่า “มีนักเขียนคนไหนไม่เป็นนักอ่าน” ... เออ นั่นสินะ ไม่น่าจะมี
- ปี 2515 พี่จี๊ดขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะสอบติดคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ... เอ๊ะ ทำไมชอบหนังสือ เก่งภาษาไม่เรียนสายศิลป์ คือมันเป็นค่านิยมในยุคนั้นค่ะทุกคน (ยุคนี้ก็เหอะ หลายคนไม่ได้เรียนที่อยากเรียน เพราะค่านิยมของสังคม ของพ่อแม่ ของครอบครัวเหมือนกัน) สมัยพี่จี๊ด คนเก่งต้องเรียนสายวิทย์ พี่จี๊ดเรียนเก่งมาก ๆ เลยสอบวิทยาศาสตร์ ถึงเนื้อตัวและหัวใจจะอยู่สายวรรณศิลป์ก็เถอะ
- และพี่จี๊ดก็เป็นเด็กวิทยาศาสตร์ เอกกิจกรรม ฮ่าฮ่า ... เป็นดาวจุฬา เป็นผู้เชิญพระเกี้ยว
- และเรื่องอ่านก็ยังไม่ทิ้งค่ะ (เมื่อเป็นหนอนแล้ว เราจะเป็นหนอนตลอดไป ... เนาะ) สมัยนั้นพี่จี๊ดสิงอยู่ร้าน “ศึกษิตสยาม” (ถ้าผิดขออภัยนะคะ) และ “ไทยวัฒนาพานิช” และก็เริ่มฝักใฝ่กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อบ้านเมือง ซึ่งเขียนกลอนและทำงานศิลปะเพื่อชีวิตเพื่อประชาชน งานที่ตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว
วรรคทองอันโด่งดัง
“ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว”
ของคุณวิทยากร เชียงกูล ก็เกิดขึ้นในยุคนี้ค่ะ
- พอพี่จิ๊ดขึ้นปี 2 พี่จิ๊ดเขียนกลอนสำหรับงานรับน้องให้เพื่อน ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายเป็นบทกวีแห่งเยาวชนนิรันดร์ไปเลย กลอนบทนั้นคือ
“ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน
บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ
สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่
แน่วแน่แก้ไข จุดไฟศรัทธา...”
กรี๊ดดดด เพลงในดวงใจมาล้าวววว พี่ตุ้มถามว่าพี่จี๊ดเอาฉันลักษณ์มาจากไหน มันดูแปลกมาก มันไม่ใช่กลอนแปด ไม่ใช่โคลงสี่ ไม่ใช่อะไรเลย พี่จี๊ดบอกว่าถูก ... บทกวีนี้ไม่ตรงฉันทลักษณ์ใด ๆ ที่เรารู้จักกัน เพราะพี่จิ๊ดนำมาจากเพลงกล่อมเด็กภาคใต้ที่คุณยายร้องให้ฟัง คือคำมันน้อยดี แค่ 4 4 4 4 เอง
ว่าแล้วพี่จิ๊ดก็ร้องเพลงกล่อมเด็กเพลงนั้นให้เราฟัง ขนลุ๊กกกกก เพราะมากค่ะทุกคน แต่ต้องขออภัยจริง ๆ เบ็นมิสามารถจดมาได้ แหลงใต้ไม่ฉับไม่ฉานงับ 😊
[แตร่ ... google ตอบได้ทุกอย่างจริง ๆ ไป search มาได้ว่าฉะนี้ค่ะ
 
“ไก่เหยไก่เถื่อน ขันเทือนทั้งบ้าน
ลูกสาวขี้คร้าน นอนให้แม่ปลุก
ฉวยได้ด้ามขวาน แยงวานดังพลุก
นอนให้แม่ปลุก ลูกสาวขี้คร้าน … เห้อ”]
เพลงนั้นไพเราะงดงามด้วยฉันทลักษณ์ 4 4 4 4 แตร่...ระดับพี่จิ๊ดน่ะเนาะ 4 4 4 4 ยังง่ายไป ลดลงอีก 2 … กลายเป็น 2 4 4 4 (เทพจั๊ดดด) โดยพี่จี๊ดคงสัมผัสกลอนแบบ 8 และกาพย์ยานีไว้ >> บทกวีนี้แต่งเสร็จและใช้รับน้องครั้งแรกวันที่ 14 ต.ค. 2516 ค่ะ
มาถึงตรงนี้พี่จี๊ดจะสอบพี่ตุ้มพี่เอก 555 จะให้ทั้ง 2 คนลองแต่งกลอน 2 4 4 4 ดู พี่ ๆ ทั้งสองขอผ่าน (ผ่านที่แปลว่าผ่านชั้นไปเรยยย ชั้นไม่ต้องการสอบให้ผ่าน 55) แหมะ ... เสียดายจัง โอ๊ะ เสียดายยยย...จัง (เอ้าไหงกลายเป็นพุ่มพวงไปซะงั้น 😆)
- ก่อนเข้าป่า มีคนใส่ทำนองให้ คือ ดร.วีรพจน์ ลือประสิทธิ์สกุล (ท่านอยู่วงดนตรีคณะวิศวะ) จากนั้นเลยกลายเป็นเพลงดัง รับน้องทุก ม. ต้องร้อง
- พอเข้าป่าไป พี่จี๊ดไม่ทราบค่ะว่ามีนักร้องดังท่านหนึ่งเอาไปร้องออกเทป โอ้โหคราวนี้ฮิตเปรี้ยงปร้างระเบิดระเบ้อ แพร่หลายทั่วประเทศกันไปเลย … นักร้องท่านนั้นคือคุณสุชาติ ชวางกูรค่ะ 😊
- มาจนถึงปัจจุบัน เพลงนี้มีประมาณ 20 versions >> ล่าสุด Slot Machine เอาไปทำก็ร็อคจัด ๆ ไปเลยค่ะ
ใน Wednesday Song เราได้ฟังเวอร์ชั่น “คีตาญชลี” ซึ่งออกมาเพื่อชีวิตมาก ๆ สำหรับเบ็นที่ผูกพันพิเศษกับเพลงนี้ เวอร์ชั่นไหนก็เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปวิ่งเล่นกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ มหาวิทยาลัยทั้งหมดเลยค่ะ ... ฟังแล้วร้องตามพี่ ๆ คีตาญชลีอย่างมีความสุขจริง ๆ ร้องไป ภาพตอนเข้าปี 1 ย้อนกลับมาในหัวไป พลังใจฟูขึ้นมาเลย 1 ส่วน 🥰
“...ดอกไม้ บานให้คุณค่า
จงบานช้าๆ แต่ว่ายั่งยืน
ที่นี่ และที่อื่นๆ
ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน”
งือออ ... ฟินนน พี่จี๊ดบอกว่าเพลงนี้มีเพลงคู่ด้วยค่ะ “อหังการ์ของดอกไม้” ซึ่งเป็นเพลงแห่งสตรี แน่นอนว่าเพราะและผลักใจเราด้วยถ้อยคำที่เหมือนจะง่าย ๆ แต่แสนจะทรงพลัง ลองไปหาฟังกันดูนะคะ
“ดอกไม้มีหนามแหลม
มิใช่แย้มคอยคนชม
บานไว้เพื่อสะสม
ความอุดมแห่งผืนดิน!”
------------------------
#2 เพลงกวีจากชีวิต
#บินหลา
-----------------------
- 6 ต.ค. >> นักศึกษา 2,000 คนเข้าป่า บทกวีสมัยนั้นก็ออกในป่า … การเผยแพร่ใช้วิธี “โรเนียว” ค่ะ พี่จี๊ดอยู่ “กองร้อย 561 ภูร่มกล้า” เป็นสหายหญิงที่ถืออาก้าอย่างเท่ แต่หน้าที่คือ เลี้ยงไก่ ทำอาหาร สอนหนังสือเด็ก (พี่จี๊ดปล่อยมุกว่างานหนักมาก คือกล้วยทั้งเครือที่ต้องแบกน่ะค่ะ มันหนักมาก 😆)
- ในป่านี่เองที่บ่มเพาะ “จิระนันท์ เวอร์ชั่นกวีซีไรต์” >> พี่จี๊ดบอกว่าช่วงนั้นเหมือนได้เข้าโรงเรียนวรรณศิลป์ชั้นเยี่ยม มีทั้งไฟ (อุดมการณ์) มีทั้งอาจารย์ (นายผี อัศนี พลจันทร) อยู่ในสำนักปีกว่าวรรณศิลป์พัฒนาฟรึ่บ ... ฟรึ่บ
- พอต้องแยกสำนัก พี่จี๊ดกับลุงไฟก็ยังคงเขียนจดหมายหากัน (ลุงไฟก็คือ “นายผี” นั่นแหละค่ะ ลุงไฟเป็นชื่อจัดตั้ง ประมาณว่าฉายาในป่า) ลุงไฟสอนทั้งชีวิต สอนทั้งวรรณกรรม พี่จี๊ดเก็บจดหมายเหล่านั้นมาตลอดระยะเวลา 50 ปี (ในคอนฯ พี่จี๊ดเอาตัวอย่างมาให้ดูด้วย หูย...ขลังสุด)
- จดหมายเหล่านั้นเหมือนบันทึก “คำปราชญ์สอนหลาน” เลยค่ะ ชาววรรณศิลป์เค้าสอนกันประมาณนี้ค่ะ
“เราต้องใจเย็นแต่อย่าเย็นชา”
“ความเข้มแข็งมันหลอมขึ้นมาด้วยการเผชิญกับความทุกข์ยาก เหมือนนกฟีนิกซ์ กระโจนเข้ากองไฟ เราไม่ตาย แต่จะฟื้นขึ้นมาด้วยปีกหางที่งดงามกว่าเดิม” ... โอ้โหวววว
#เคล็ดวิชาจากลุงไฟ
เวลาเขียนงาน ลุงไฟสอนให้คิดว่า “คำนี้ถ้าตัดออกจะเสียความหมายไหม” พี่จี๊ดบอกว่านี่ถือเป็นเคล็ดวิชาวรรณศิลป์ขั้นสุดยอด ทำให้พี่จี๊ดใช้ไปทำอะไรก็ได้ อย่างแปลบทภาพยนตร์ ซึ่งต้องสั้น กระชับเพื่อให้ลงจำนวนตัวอักษรใน 1 หน้า subtitle ซึ่งเท่ากับ 33 ช่อง (เบ็นสอบตกแน่นอนแล้ว 555 เวิ่นเว้อเป็นงานหลัก ชักพาออกอ่าวอากทะเลเป็นเป็นงานรองกันเลยทีเดียว)
- ในป่ามี “สถานีเสียงประชาชนไทย” ค่ะ พี่จี๊ดอ่านบทกวีออกอากาศด้วยชื่ิอจัดตั้งหลายชื่อ เรียกว่านามปากกาก็น่าจะได้แหละเนาะ (น่าจะเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัยด้วยส่วนหนึ่ง ไม่ให้ใครตามรอยได้ ... อันนี้คิดเองนะคะพี่จี๊ดไม่ได้เล่า 555) เรียกว่าย้ายสำนักทีก็เปลี่ยนชื่อที พี่จี๊ดใช้ทั้ง สหายจิต สหายใบไม้ (เพื่อสื่อสารว่าตัวเองเป็นเพียงใบไม้ 1 ใบในแนวป่า และเป็นที่มาของกวีนิพนธ์ “ใบไม้ที่หายไป”)
- “บินหลา นาตรัง” เป็นอีกนามปากกาของพี่จี๊ดค่ะ วันนึงพี่จี๊ดเขียนบทกวีเรื่อง “นกบินหลา” ที่บินลับไปแล้วในแนวป่า
“ฝนลงเม็ดเห็ดบานแล้วในแนวป่า
นกบินหลาร่อนเกาะคบลงหลบฝน
มันเอื้อนเสียงเกลี้ยงใสในบัดดล
เล่าเรื่องราวแต่หนจากรังมา...”
บินหลาเป็นนกประจำถิ่นภาคใต้ หลาย ๆ คนจึงไม่รู้จักว่าคือนกอะไร >> ปรากฏว่าวันนั้นคนที่ฟังอยู่หนึ่งคนคือ คุณวิสา คัญทัพ คุณวิสาถามว่านกอะไร >> นี่เป็นที่มาของเพลง “บินหลา” ซึ่งแต่งโดยคุณวิสา คัญทัพ และคุณอารี ประธาน (แห่งวงแฮมเมอร์)
ความขนลุก (แล้วลุกอีกตลอดคอนฯ 55) ความขนลุกของเพลงที่ 2 นี้คือเจ้าของเพลงมาร้องให้เราฟังค่า ... คิดภาพนะคะว่าวงโฮป + คีตาญชลีรวมกัน วงจะใหญ่เครื่องจะเยอะแค่ไหน ... ไม่หวั่นค่ะ Wednesday Song เปลี่ยนวงในเพลงที่ 2 กันไปเลยจ้ะแม่ ... ขอเชิญทุกท่านพบกับ “Hammer Family” ... โอ๊ย บ้าบอออ
“บินหลา บินมา บินเรื่อยมา เล่นลม
ชื่นชม ธรรมชาติ อันที่งาม สะอาดตา
ต้นยาง ยืนทะนง
อวดทรวดทรง ไม่ยอมให้ข่ม
ต้านทาน แรงลม
ไม่เคยพรั่น หวั่นเกรง
บินหลา บินมา บินเรื่อยมา เล่นลม
ชื่นชม ธรรมชาติ อันที่งาม สะอาดตา…”
เป็นเพลงที่ฟังมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน ตอนเด็กไม่รู้ความหมาย แต่ชอบเมโลดี้มาก ๆ วรรคขึ้นต้นก็ติดหูมาก ๆ ไม่ต้องทำอะไรมากมายเลย แค่บทเพลงและภาพป่าที่มีนกโบยบิน ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของเราฟูขึ้นอีก 1 ระดับแล้ว 🥰
แต่ ... พี่แฮมเมอร์ยังไม่พอค่ะ เข้าเมืองมาแล้วทั้งที จะเล่นกรุบกริบเพลงเดียวไม่ด๊ายยยย ... ว่าแล้วพี่ ๆ ก็ #แถมใหญ่มาก พี่ ๆ บอกว่าเพลงบินหลามีอายุ 48 ปีแล้วยังคลาสสิกและคนยังเล่นยังร้องอยู่ วงแฮมเมอร์ได้อิทธิพลมาก ๆ จากวงคาราวาน และเพลงที่แฮมเมอร์ไปไหนจะไม่เล่นไม่ได้เลยค่ะ เพลงที่พี่ ๆ จะขอแถมค่ะ พี่ ๆ ของเล่นเพลง “ปักษ์ใต้บ้านเรา” เอ้า กรี๊ดดดด สิคะ รออะไร💖💖
“โอ่โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา
โอ่โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา
แม่น้ำ ภูเขา ทะเลกว้างไกล
อย่าไปไหน กลับใต้บ้านเรา
แม่น้ำ ภูเขา ทะเลกว้างไกล
อย่าไปไหน กลับใต้บ้านเรา...”
ฮืออออ ใจฟูไม่หยุดเลย ยิ้มได้ไม่หยุดเลย ความสุขหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง พี่ ๆ แฮมเมอร์ฝากทิ้งท้ายไว้ก่อนจะส่งเวทีคืนให้ “โฮปและคีตาญชลี” ว่า
“ทุกวงบนเวทีวันนี้เป็นวงครอบครัว
คนไทยเราแข็งแรงได้ด้วยระบบครอบครัว
รักกันไว้นะ ไม่ว่าจะเลือดใด ... 🥰”
------------------------
#3 เพลงกวีเพื่อชีวิต
#กำลังใจ (น้าหงา)
-----------------------
ถึงวันที่นักศึกษาต้องออกจากป่า พี่จี๊ดออกหนังสือรวมบทกวี “ใบไม้ที่หายไป” ในนั้นมีกวีบทหนึ่งชื่อ “กรวดเม็ดร้าว” ที่แต่งเพื่อบอกความในใจว่าพี่จี๊ด (และสหาย) ไม่ได้ออกจากป่ามา เพราะอยู่ป่าแล้วลำบากนะ แต่ออกมาเพราะเห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ตอบโจทย์ ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป สู้ออกมาเป็นเสียงหนึ่งในเมืองดีกว่า
ออกมาแรก ๆ ใจก็แกว่งมาก หวาดระแวงว่าเราจะมีที่ยืนในสังคมไหม จะใช้ชีวิตให้มีค่าต่อไปอย่างไร พอมีกฏหมายนิรโทษกรรม 66/23 ออกมา ก็ทำให้เรียนต่อใช้ชีวิตต่อได้ แต่นาทีนั้นพี่จี๊ดและสหายที่ออกมาจากป่าต้องการกำลังใจอย่างมาก เพราะกำลังล้ม เจ็บปวด ทรมาน ซมซาน
นี่เป็นช่วงที่น้าหงา (คาราวาน) แต่งเพลง “คืนรัง” และ “กำลังใจ” ค่ะ
“โบกมือลา เสียงเพลงครวญมา ต้องลาแล้วเพื่อน
กี่ปีจะลับเลือน ฝากเพลงคอยย้ำเตือน หวนไห้
จากกันไกล แม้เพียงร่างกาย แต่ใจชิดใกล้
เมื่อใจเราซึ้งใจ ร่วมทางไม่ร้างไกล หมายมั่น...”
น้ำตาไหล ไม่รู้ทำไม แต่เพลงนี้สั่นสะเทือนใจ และ move เบ็นมาก ๆ เพลงและบทกวีเป็นแบบนี้นี่เองสินะ ... เคลื่อนหัวใจคน เคลื่อนคนได้ ... แฟ่บหัวใจ ฟูหัวใจเราได้
“อะไรหมดได้ กำลังใจอย่าหมด
ตรงข้ามกับกำลังใจคือหมดไฟ”
- พี่เอก ชยานันต์ -
------------------------
#4 เพลงกวีสู้ชีวิต
#กอดแม่วงก์
- พี่จี๊ดได้ซีไรต์ปี 2532 “ใบไม้ที่หายไป” เป็นบทกวีที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลจนวันนี้ พิมพ์ไปแล้ว 40 ครั้ง (3 แสนกว่าเล่ม) ... โหวววววว
- เมื่อมีคนนำบทกวีของพี่จิ๊ดไปใส่ทำนองมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่จี๊ดก็ตกผลึกได้ว่า “บทกวีว่ามีพลังแล้ว แต่เมื่อใส่ทำนอง บทกวีจะยิ่งมีพลังเพิ่มขึ้น”
- ถามว่าพี่จี๊ดชอบเพลงแนวนี้เหรอ ถึงเขียนเพลงแนวนี้ ปล๊าวววว (อ้าว 555) ที่จริงพี่จี๊ดชอบฟังเพลงคลาสสิกค่ะทุกคน แต่เข้ามาวงการเพื่อชีวิต เพราะมันประจักษ์ชัดแหละเนาะว่าเพลงแบบนี้เป็น “สาส์นสื่อถึงสังคม” อยากให้คนทำอะไร เขียนเพลงปลุกใจ ไม่ต้องแถลงการณ์ก็ได้ อาจจะ move คนได้มมากกว่าด้วย
จังหวะนี้พี่ตุ้มมีแวะแถลงการณ์ไทย-กัมพูชา ... เออหรือร้องเพลงจะดีกว่าจริง ๆ 555
- ที่จริงพี่จี๊ดทำหลายอย่างนะคะ ทั้งเพลงละครเวที โฆษณา แคมเปญรณรงค์ต่าง ๆ
- เพลง “กอดแม่วงก์” เป็นเพลงที่พี่จี๊ดเขียนให้ อ.ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ที่ต่อต้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยเดินเท้าจากป่าแม่วงก์เข้ามากรุงเทพฯ ระยะทาง 388 กม. ช่วงเข้ากรุงเทพฯ เริ่มมีคนไปร่วมเดินด้วย (พี่ตุ้มแซวว่ามาเริ่มฟิวเจอร์พาร์ค สั้นดี 555)
- พอเริ่มเกิดขบวน เริ่มมีผู้สนับสนุนเตรียมเวทีรับที่หอศิลป์ พี่จิ๊ดก็คิดว่าเดินมาเงียบ ๆ ถึงเงียบ ๆ มันจะเหงาไป อย่ากระนั้นเลยแต่งเพลงเชียร์ไปเลยดีกว่า >> เพลงแรกคือเพลง “ศศิน” เป็นเพลงให้กำลังใจ เชียร์ให้ทุกคนเดินเท้าเข้ามาด้วยกัน
“จากหนึ่งศศิน เป็นล้านสสาร
จากจิตวิญญาณ อุดมการณ์
รวมเป็นพลัง...”
เพลงนี้ อ.ไข่ มาลีฮัวน่า ใส่ทำนองให้เสร็จภายใน 2 วัน (เทพแท้)
- เพลงที่ 2 ให้ความสำคัญกับป่า >> เพลง “กอดแม่วงก์” ซึ่งพี่จี๊ดให้วงโฮปทำเพลงให้ภายใน 3 วัน น้องลูกศรเขียน พ่อแม่ร้อง พี่จี๊ดบอกว่าตอนเขียนเพลงคือเห็นภาพเลยว่า พอคุณศศินเดินมาถึงหอศิลป์ เข้าซีนมาปั๊บ เพลงนี้ต้องขึ้น เนื้อหาต้องแบบนี้
“ดุจตะเกียง ส่องทางกลางสายฝน
จุดใจคนให้ตระหนักพิทักษ์ป่า
ทุกก้าวย่าง สันติธรรมนำปัญญา
สืบศรัทธา เส้นทางทอด กอดแม่วงก์...”
วง Hope Family เล่นซะหวานนนน...เชียวค่ะ เรียกว่าเป็นเพลงประท้วงที่หวานมาก ไม่ด่าใครเลย … หวานมาก และภาษาสวยมาก ๆ จนได้รางวัลเพชรในเพลงปี 2557 จากกระทรวงวัฒนธรรมอ่ะค่ะคิดดู
ที่จริงพี่จี๊ดแต่งอีกหลายเพลงเลย บางเพลงก็ไปร่วมหยอดหรือก่อหวอดให้ “คนดนตรี” แต่งเพิ่มค่ะ อย่างใน “เพลงเพ่งชีวิต” พี่จี๊ดก็เพ่งชีวิตคนพิทักษ์ป่า แล้วหยอดไป 4 วรรคเพื่อสื่อความนัยว่า “คนเฝ้าป่า” นั้นมาทำเพราะอยากทำด้วยหัวใจจริง ๆ ทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรี สิ่งสูงส่งสูงได้เพราะฐาน
และนี่คือ 4 วรรคทอง ที่พี่จี๊ดหยอดไป ให้วงนั่งเล่นแต่งต่อค่ะ
“ดินไม่อวดความลึกหนา
ฟ้าไม่อ้างว่าสูงส่ง
ขุนเขาเสียดฟ้าทระนง
เพราะตรงแผ่นพื้นนั้นมีผืนดิน..."
- จิระนันท์ พิตรปรีชา –
ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง “คนเฝ้าป่า”
เพลงกวีมีชีวิต #5
#Imagin
- กวีซีไรต์มีชีวิตหลากหลายด้านนะคะ ด้านหนึ่งพี่จี๊ดเป็นนักแปลตัวยงด้วย เริ่มจากแปลบทหนังไปจนกระทั่งแปลเพลงเป็นบทกวี
เช่นเพลง Smokes in your eyes และ Across the Universe ซึ่งภาษาสวย แต่พี่จิ๊ดรู้สึกว่าไม่ลงตัว เพลงโปรดที่พี่จี๊ดแปลแล้วชอบมาก ๆ คือเพลง Imagine ของ John Lennon ค่ะ เพราะเพลงนี้สัมผัสลงเป็นกลอนแปดพอดี :) และนั่นคือเพลงสุดท้ายในเพลย์ลิสต์ที่พี่จี๊ดพามาให้เราทุกคนได้ฟังค่ะ
“Imagine there’s no heaven,
it’s easy if you try
หากไม่มีสรวงสวรรค์.. ฝันง่ายๆ
No hell below us
นรกร้ายเบื้องล่าง ก็ว่างหาย
Above us only sky
เงยขึ้นเห็นฟ้าโปร่ง โล่งสบาย
Imagine all the people
ลอง นึกภาพ..คนทั้งหลาย
Living for today…
อยู่ร่วมกัน..เพื่อวันนี้ ...”
โคตรเพราะ เพราะแบบว่า ... ตายไปเลยยยยย นี่เป็นครั้งแรกที่ 2 วงนี้ (โฮปและคีตาญชลี) ร้องเพลงนี้ แล้วยังมีบทกวีอันงดงามเป็นฉากหลังอีกด้วยค่ะ
“หน้าที่ของผู้แปล
คือทำให้เพลงมีความหมาย
แจ่มชัดในภาษาไทย”
- จิระนันท์ พิตรปรีชา –
คือไม่รู้พี่จี๊ดทำได้ยังไง กินอะไรเป็นอาหาร ถึงได้ใช้คำง่าย ๆ เขียนออกมาได้ไพเราะและทรงพลังแบบนี้ ... สมแล้วที่พี่ตุ้มปิดช่วงเพลยลิสต์ด้วยประโยคที่ว่า ...
“พี่จี๊ดไม่ได้เขียนกวี
ชีวิตพี่จิ๊ดคือบทกวี”
พี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์
==================
จบช่วงเพลยลิสต์ปกติพี่ตุ้มพี่เอกจะโชว์หน้าม่าน (ซึ่งไม่มีม่าน 555 เปลี่ยนวงกันเห็น ๆ นี่แหละ) แต่วันนี้มีโอกาสพิเศษค่ะ เพราะเพิ่งผ่านวันเกิดของพี่แดงวงโฮปมา เลยมีการ surprise วันเกิดกันเกิดขึ้น ... น่ารักมาก ๆ ค่ะ เออ ใครจะคิดเนาะว่าเราจะได้ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ศิลปินเบอร์นี้ ในโรงละครแบบนี้ ... พีคมาก
ยังค่ะ ยังพีคไม่พอ 555 นี่มันคอนเสิร์ตอะไรกันเนี่ยยยย อ๋อ คอน Wednesday Song 😆 คือพอวงพร้อมไฟก็ดับ รอพับกบ เอ้ย พบกับ ... อาจารย์ไข่มาลีฮวนน่า ความน่าเอ็นดูคือในความมืด เราแอบได้ยินเสียงพี่จี๊ดบ่น “มองไม่เห็นเว้ย” 5555
ตอนแรกก็ว่าทำไมไม่ให้พี่จี๊ดอกจากเวทีไปก๊อนนนน ... มันมีเหตุผลค่ะทุกคน
==================
#มาลีฮัวน่า
คอนเสิร์ตเพลงกวีเพื่อชีวิต
==================
ในความมืด ... มีเสียงอ่านกวี 💖💖
“แว่วเสียงเพลง บทกวี ดนตรีกล่อม
ช่วยชุบย้อม ชูใจชื่น ในคืนเหงา
อรุณรุ่ง พรุ่งนี้ คงมีเรา
ร่วมลำเนา ในลำนำ ร่ำแสงจันทร์”
(เพราะตายไปเลยอีกแล้ว ดูคอนฯ แบบได๋ต้องมี 9 ชีวิตเท่าแมวเลย 🤣)
ตอนได้ยินเสียงแรกเบ็นคิดว่า โอ้โห ... พี่ตุ้มพี่เอกจะใช้กวีซีไรต์คุ้มไปไหน 555 ล้อเล่นค่ะ เอาจริงคือรู้สึกว่าการได้มาดู volume นี้นี่คือ ... คุ้มแบบไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้วค่ะ นี่เรามาดูคอนเสิร์ตเพลงเพื่อชีวิต ที่มีกวีซีไรต์อ่านกวีเปิดตัวศิลปินอ่ะทุกคน ... อู้ยยยย ขนแขนสแตนด์อัพมาก ๆ เป็นเซอร์ไพรส์ที่ดีมาก ๆ ฟูใจเรามาก ๆ ค่ะ
เบ็นว่าทุกคนในฮอลล์ต้องรู้สึกได้เลยว่าจังหวะนี้ดีไซน์มาฮุคใจเราจริง ๆ มันให้ความรู้สึกพิเส๊ดพิเศษจริง ๆ มันดีต่อใจจริง ๆ เลยค่ะ ... สุดดดด
แล้วนี่เป็นประสบการณ์การดูคอนเสิร์ตเพลงเพื่อชีวิตครั้งแรกของเบ็น ครั้งแรกก็ได้ฟังวงใหญ่ในตำนานเบอร์นี้เลย และมี surprise พิเศษแบบนี้เลย ... ดีงามสุด ๆ
อ.ไข่มีความดึงเราเข้าไปในบรรยากาศของเพลงด้วยการปูใจเราก่อน เสียงอาจารย์ไข่มีความเหนือจริงมาก ๆ ... มาลีฮวนน่ามาก ๆ (ก็ไม่เคยใช้หรอกนะคะ แต่เบ็นคิดว่ามันน่าจะ surreal ประมาณนี้แหละ) คือมันแปลกมากเลยค่ะ เสียงอาจารย์ไข่ทำงานกับจิตวิญญานของเบ็นยังไงไม่รู้ แต่มันดึงให้เบ็นเข้าไปอยู่ในสภาวะโลกที่อาจารย์พูดถึง ... ทุก ๆ เพลง (คิดว่าคนที่มีประสบการณ์ช่วงเข้าป่าน่าจะอินกว่าเบ็นไปอีกค่ะ)
มันคือความมหัศจรรย์ของคลื่นเสียง ของท่วงทำนอง ของวิธีการที่อาจารย์ไข่พูดกับใจเราค่ะ ... เอ๊ะ คิดออกแล้ว เบ็นว่าเบ็นเหมือนถูกสะกดจิต ... ให้หลงเข้าไปในโลกที่อาจารย์สร้างขึ้นค่ะ แบบนั้นเลย
ความหมายและสาส์นที่อาจารย์สื่อมามันน่ารักมาก ๆ เลยนะคะ มันอาบหัวใจเราให้มีพลังบวกจริง ๆ
“แสงจันทร์กระจ่าง
ส่องนำทางสัญจร
คิดถึงนางฟ้าอรชร
ป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง...”
อาจารย์ร้องเพลง “แสงจันทร์” เพื่อส่งรักให้กันทั่วโลก
อาจารย์ร้องเพลง “หัวใจละเหี่ย” เพื่อบอกว่าใครมีตะกอนใจมาเคลียร์ใจกัน 💖💖
อาจารย์ร้องเพลง “เด็กน้อย” เพื่อปลอบประโลมพวกเราทุกคน TT__TT
“... มนุษย์อ่อนแอที่สุด จนเมื่อเราพบไฟ จากผู้ถูกล่า เราจึงได้ก้าวขึ้นมาบนสุดบนห่วงโซ่อาหาร แต่เราก็ต้องประคบประหงมกันกว่ามนุษย์คนหนึ่งจะโตขึ้นมาได้ บรรพชนเสียเลือดสร้างสุวรรณภูมิไว้ให้เรา ทว่าวันนี้เราไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา สิงคโปรจากที่ไม่มีอะไร วันนี้เขาไปไกลมาก เพราะผู้นำเขาดี เขาให้ค่ากับการศึกษา
บ้านเราวันนี้ขาดปราชญ์ มองไปมืด มองไปมิด … เราต้องดูแลกันเอง สิ่งดีในสังคมไม่มีให้เห็น เราทิ้งราก หน้าที่พลเมือง ศาสนา ไม่เห็นชาติ >> แด่เด็กน้อย …”
.
.
.
“จากเด็กน้อยไร้เดียงสา
วันเวลาที่ผ่านไป
ย่อมสู่วัยที่แก่กว่า
สู่โลกมายาที่สับสน
ไม่อยากจะให้เป็นเธอ
เธอผู้ที่ใฝ่ดี...”
โอ้ ... นี่ชั้นมาฟังกวี …
บางเพลงก็เข้าด้วยการร่ายโศลก
แค่เสียงสด ... ก็พอ
 
“เพราะหัวใจของคน
ย่อมมีเหตุผลที่จะไป
เพราะโลกกว้างใหญ่
เธอมีที่ไปในที่ดีกว่า”
มิวสิกกก ...
“...เพราะทุกทุกอย่างรอบข้างเราเคลื่อนไหว และทุกทุกอย่างทำคนรอบข้างเราเปลี่ยนไป บอกคำรัก ซ้ำซ้ำยังเบื่อฟัง ป้อนคำหวาน ซ้ำครั้ง ยังจืดจาง เพราะทุกทุกอย่างรอบข้างเราเคลื่อนไหว ...เหมือนมีใครผ่านมาผ่านไป แล้วจากจร...” (เพลงกลับกลาย)
บางเพลงอาจารย์ก็ปล่อยมุกแบบ
“ยามรัก … น้ำต้มผักก็ว่า...”
โคตรน่ารัก 💖💖
บางเพลงก็ ... สมิหลา ทัชมาฮาล คลีโอพัตรา ขวัญเรียม รักแค่ไหน อยากกอดแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องจากต้องวาง (คิดได้ไง ... อะเมซซิ่งอ่ะทุกคน)
“งานเลี้ยงเลิกรา จำลาร้าง
ไปตามเส้นทาง ทางของตัวเอง
คนเราต่างคน ต่างมีฝัน
พันธะผูกพัน เงื่อนไขจำเป็น
สุขเพียงชั่วคราว” (เพลงอาวรณ์)
>> เท่านี้ก็สุขใจ
เป็นคอนเสิร์ตที่เหมือนเราได้มาทำ mindfulness ไปด้วย พอบำบัดเสร็จ อาจารย์ไข่ก็จบด้วยเพลงโจ๊ะ ๆ เป็นการฉลอง ... “สหายสุรา” ขึ้นมา โยกกันทั้งฮอลล์ ชาวมาลีฮวนน่าน่าจะไม่ใช่แนวลุกขึ้นเต้นนะคะ แต่บอกได้เลยว่าบรรยากาศอิ่มสุขมาก ๆ ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ค่ะ
จบคอนเสิร์ตเบ็นไม่เหนื่อยเลย มีพลังไปทำงานต่อได้อีกหลายชั่วโมง งงมาก เออ ... เราได้พลังชีวิตจากการดูคอนเสิร์ตได้จริง ๆ ... ใครรู้ว่าเกิดจากอะไรบอกบุญหน่อยนะคะ อยากได้พลังแบบนี้ทุก ๆ วันกันไปเลย 😊
---------------------------
ขอบคุณพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์ พี่เอก สยามพิฆเนศ ที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่และดีงามให้กับเบ็นนะคะ ขอบคุณที่สร้างสรรค์งานดี ๆ เสมอค่ะ ขอบคุณพี่เอไอแพนที่ดูแลด้วยหัวใจทุกครั้งเลย แล้วพบกันใหม่ใน Vol.9 บอดี้สแลม เพลย์ลิสต์คุณเอ๋ นิ้วกลมค่า
ปล. ขอบคุณภาพจาก Wednesday Song และพี่เอก สยามพิฆเนศค่ะ 🙏🏻
💖💖🥰🥰💖💖
#BennOte #bp_ben
#WednesdaySong
#มาลีฮวนน่า #MALEEHUANA
#จิระนันท์พิตรปรีชา #กวีซีไรต์
#benji_went_there
#benji_is_learning
#inspiration

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา