7 ชั่วโมงที่แล้ว • ข่าว

📂 เมื่อขายแล้ว…เงินไม่พอแบ่ง (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2568)

ตอนที่ 5 : ศาลอุทธรณ์ กับการมองสินสมรสแบบแบ่งครึ่ง ⚖️📘
⚖️ การยืนอยู่บนหลักสินสมรสเป็นอันดับแรก
เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ จุดตั้งต้นของการพิจารณาอยู่ที่ข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งว่า ที่ดินและบ้านหลังนี้เป็นทรัพย์ที่ได้มาในระหว่างสมรส และเป็นสินสมรสของจำเลยทั้ง 2 ตามกฎหมาย การเป็นสินสมรสย่อมหมายความว่า สามีภริยามีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน และเมื่อหย่า ทรัพย์ดังกล่าวย่อมต้องถูกแบ่งกันในหลักครึ่งต่อครึ่ง เว้นแต่จะมีข้อตกลงที่ชอบด้วยกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ⚖️
🧾 การขายทอดตลาด ไม่ลบล้างสิทธิในทรัพย์
ศาลอุทธรณ์ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงว่า การขายที่เกิดขึ้นเป็นการขายทอดตลาดเพื่อบังคับคดี มิใช่การขายโดยความสมัครใจของอดีตคู่สมรส การขายเช่นนี้ไม่ควรเป็นเหตุให้สิทธิในทรัพย์ของฝ่ายที่ไม่ใช่ลูกหนี้ถูกตัดทอนลงโดยปริยาย หากไม่เปิดโอกาสให้กันส่วนเงินไว้ให้ผู้มีสิทธิ ย่อมเป็นการกระทบสิทธิในทรัพย์ของบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนในหนี้สินนั้น ⚖️🧠
💸 การกันเงินครึ่งหนึ่ง ในฐานะการคุ้มครองสิทธิ
ด้วยเหตุนี้ ศาลอุทธรณ์จึงเห็นว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะอดีตภริยา ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในสินสมรส และไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา มีสิทธิได้รับการคุ้มครองโดยการกันส่วนเงินจากการขายทอดตลาดกึ่งหนึ่งเป็นจำนวน 1,295,000 บาท แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนหลักความเป็นธรรมเชิงทรัพย์สิน ที่ไม่ควรให้ผู้ที่ไม่เป็นลูกหนี้ต้องแบกรับผลจากการบังคับคดีของผู้อื่น 💼⚖️
⚠️ การมองข้อตกลงท้ายทะเบียนในอีกมุมหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์ตีความว่า ข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่า ไม่อาจถูกนำมาใช้ตัดสิทธิของจำเลยที่ 2 ในกรณีที่การขายทรัพย์ไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เพราะการขายทอดตลาดไม่ใช่สถานการณ์ที่คู่กรณีคาดหมายหรือกำหนดไว้ในข้อตกลง การนำข้อตกลงดังกล่าวมาใช้โดยเคร่งครัด อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายที่ไม่ได้ก่อหนี้ ⚖️📜
🧠 ความเห็นที่แยก “ทรัพย์” ออกจาก “สัญญา”
คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์สะท้อนการแยกพิจารณาระหว่างสิทธิในทรัพย์ตามกฎหมาย กับเงื่อนไขเฉพาะในสัญญา โดยให้น้ำหนักแก่สถานะความเป็นสินสมรสเป็นหลัก และมองว่าข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าไม่ควรขยายผลไปถึงการตัดสิทธิในกรณีที่เงินจากการขายไม่ถึงจำนวนที่ตกลงไว้ การวินิจฉัยเช่นนี้ ทำให้คดีเหมือนจะได้ข้อยุติในระดับหนึ่ง ⚖️📘
🔥 จุดที่คดีไม่จบ และถูกดึงขึ้นสู่ศาลฎีกา
อย่างไรก็ดี คำพิพากษานี้กลับกลายเป็นจุดที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่อาจยอมรับได้ เพราะเห็นว่าเป็นการเพิกเฉยต่อข้อตกลงที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับร่วมกันในวันหย่า และเป็นการแบ่งทรัพย์ใหม่โดยไม่ยึดตามเงื่อนไขในสัญญา คดีจึงถูกยกขึ้นสู่ศาลฎีกา เพื่อให้วางบรรทัดฐานว่า ในกรณีเช่นนี้ ศาลควรยึดหลักสินสมรสหรือหลักสัญญาเป็นที่ตั้ง ⚖️🔥
🔚 บทสรุปตอนที่ 5 เมื่อความเป็นธรรม ถูกมองต่างมุม
ตอนนี้ทำให้เห็นว่า แม้ศาลอุทธรณ์จะยืนบนหลักคุ้มครองสิทธิในสินสมรสและความเป็นธรรมต่อผู้ไม่เป็นลูกหนี้ แต่การวินิจฉัยเช่นนี้ได้เปิดคำถามใหญ่ที่ยังไม่มีคำตอบสุดท้ายว่า ข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าจะมีผลผูกพันมากน้อยเพียงใด เมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนไป และคำตอบนั้น กำลังรออยู่ในศาลฎีกา 📂⚖️
โฆษณา