30 ม.ค. 2019 เวลา 13:35 • ธุรกิจ
ธุรกิจแมวเก้าชีวิต|Part 4|
The Resurrection "สองคนยลตามช่อง"
รูปภาพจาก pixabay.com
หลังจากมรสุมพายุโหมกระหน่ำเข้ามา คือ เจ๊งแทบทุกธุรกิจที่ลงทุน ผมรีบไล่ปิดทุกอย่าง ไม่ยื้อ ไม่ฝืน เอาของทุกอย่างเก็บกลับมาใส่โกดังหลังร้านตู้แช่ เลียแผลเงียบๆ เลือดยังไหลไม่แห้ง ก็นั่งเลียเงียบๆไป ไม่คร่ำครวญ ไม่ฟูมฟาย ไม่สติแตก
ช่วงปีนั้นผมหมดเงิน OD กสิกรไป 2.8 ล้าน และเงินกู้จาก SME Bank อีก 2 ล้าน เรียกได้ว่า ใช้เงินลงทุนไป 4.8 ล้านภายใน 1 ปี แล้วหายเกลี้ยง เหลือเป็นของหลังโกดัง ส่วนเงินสดในบัญชีเหลือหมื่นกว่าบาท
ผมจำเป็นที่ต้องกู้วิกฤตนี้ให้ได้ เพราะมันสุดๆล่ะ คือ อีกนิดก็ตกเหวกันแล้ว ผมหันมามองธุรกิจที่ตัวเองถนัดที่สุด ใช่ ตู้แช่ นี่แหละของถนัดเรา แต่ว่า จะให้หันไปขายตู้แช่ใหม่ก็สู้รายใหญ่ๆยาก ทุนเค้าหนากว่าเยอะ เวลาสั่งของโรงงานเดียวกัน เราสั่ง 5 ตู้ เค้าสั่ง 200 ตู้ มันก็คนละราคาเลย ทำยังไงก็สู้เค้ายาก จะให้ทำแต่ตู้แช่มือสอง มันก็ยอดน้อยนิด ลูกค้าบางกลุ่มก็ไม่เอาเลยของมือสอง
ผมศึกษาลงไปลึกในตลาดตู้แช่บ้านเราตอนนั้น ซึ่งก็ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ตู้แบบไหนที่เราพอจะทำได้ แล้วสู้ในตลาดได้ ยกเว้นพวกตู้แช่เครื่องดื่มและตู้แช่แข็งที่มีหลายยี่ห้อมากมาย ตู้เค๊ก เหรอ ไม่เอาอ่ะ กระจกล้วน ขนย้ายยาก ตู้แช่หมูแช่ผักสแตนเลสเหรอ ช่างที่มี 2 คนก็ไม่ถนัดงานสแตนเลสซะด้วย ใหญ่อีก ส่งยาก บิงโก!!!
เจอแล้ว ตู้แช่เบียร์วุ้นนี่ไง ไม่ค่อยมีใครทำ และราคาสูงด้วย ตอนนั้น มีที่ขายอยู่ 3 ยี่ห้อ ยี่ห้อที่ถูกสุดขายอยู่ 27000 บาท ใส่ได้ 60 ขวด เฮ้ย นี่แหละ โปรดักส์เรา สินค้าเรา เราต้องผลิตตู้แช่เบียร์วุ้นขายให้ได้
โรงงานผลิตตู้แช่เบียร์วุ้น
ช่วงนั้น เหมือนฟ้าเป็นใจ ดลบันดาลให้น้องคนนึง ชื่อ น้อง บ. (ขอย่อนะครับ) น้องคนนี้ เคยร่วมงานกับผมสมัยทำงานบริษัทแรกๆเลย
น้องคนนี้มือเทพมากเรื่องงานอิเล็คทรอนิคส์และพวก R&D น้องเค้าโทรมาหาผมว่า จะลาออกจากงานที่โรงงานศรีราชา และกลับมาหาอะไรทำอยู่บ้าน ซึ่งเค้าเป็นคนโคราช และรู้ว่า ผมย้ายมาอยู่อุดร เลยว่าจะแวะมาหา เข้าทางเลย ผมชวนน้องเค้าวิจัยตู้แช่เบียร์วุ้นทันที น้องก็ตอบตกลง เราเลยได้เริ่มงานกันทันที
การวิจัยต่างๆ มันต้องใช้ทุนครับ แล้วผมเหลือตังค์อยู่หมื่นกว่า จะทำยังไงให้วิจัยได้ ผมเอาของที่หลังโกดังมาโละขายถูกๆครับ ขายหมดทุกอย่างเลยครับ เครื่องชงกาแฟ โต๊ะ เก้าอี้ เตาแก๊ส กระทะ ตะหลิว คือโล๊ะหมดจริงๆ ได้เงินมาราวๆ 4 หมื่นบาท รวมกับเงินตัวเองอีก 1 หมื่น เป็น 5 หมื่นบาท เข้าหุ้นกับน้อง บ. อีก 5 หมื่นบาท รวมเป็น 1 แสนบาท ทำงานตู้แช่เบียร์วุ้นกัน นี่คือ จุดกำเนิดของหุ้นส่วนบริษัทใหม่ของผม ณ ตอนนี้ครับ
มาว่ากันเรื่อง ตู้แช่เบียร์วุ้นกันก่อน คือผมขอไม่ลงรายละเอียดมากนะครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป เอาง่ายๆคือ ผมเอาตู้แช่แข็งที่มีในท้องตลาด ผมเลือก Haier ครับ เทสมาละเหมาะทำตู้เบียร์วุ้นที่สุด เอามาดัดแปลงตัวควบคุมอุณหภูมิ ให้ในตัวตู้ มันไม่เย็นจนขวดแตก และเบียร์ได้ระดับที่เป็นวุ้น
ซึ่งถ้าปกติ เราเอาเบียร์ใส่ช่องฟรีส หรือ ตู้แช่แข็งทั่วไป แตกเละหมดครับ ผมใช้เวลาหาอุณหภูมิที่เหมาะสมในตัวตู้อยู่หลายเดือน กว่าจะได้ค่าที่เหมาะสม ส่วนตัวควบคุม ผมก็ให้น้อง บ. เป็นคนออกแบบขึ้นมาใหม่หมดเลย เพื่อให้เหมาะกับการทำตู้แช่เบียร์วุ้น ไม่ใช่เอาตัวควบคุมยี่ห้อตลาดใส่เข้าไป
การผลิตอะไรขึ้นมาครั้งแรก มันไม่ใช่เรื่องง่าย ผมต้องทดสอบและดัดแปลง อัพเกรด จนกว่าจะแน่ใจว่า สินค้ามันขายได้ ผมอัพไปถึง 6 เวอร์ชั่น จนมั่นใจแล้วว่า เอ้า พร้อมขายล่ะ ผมเลยเริ่มประกาศขาย รวมใช้เวลาวิจัยไปร่วม 6 เดือนได้
ซึ่งช่วงนี้ ผมเหลือธุรกิจเดียวคือ ร้านขายตู้แช่มือสอง พยายามขายของพยุงค่างวดเดือนละ 6 หมื่นไป มีบางเดือนไม่ไหว ก็ขายของเก่ากินหมดครับ มอไซค์ มือถือ นาฬิกา ผมไม่อยากไปรบกวนพ่อแม่ที่ย้ายมาอยู่ด้วยครับ เลยพยายามเอาตัวเองให้รอดให้ได้ครับ จะได้ไม่ลำบากท่าน
พอประกาศขาย เรารับสมัครดีลเลอร์ตู้แช่เบียร์วุ้นไปด้วยเลย ผมพลิกแนวความคิดว่า ถ้าเป็นสินค้าตู้แช่เดิมๆ มักจะขายให้แต่ร้านตู้แช่ แต่ตู้แช่เบียร์วุ้นของผมไม่ครับ เราหาดีลเลอร์ที่อยากทำธุรกิจ แล้วเราก็ได้ดีลเลอร์แบบนั้นจริงๆครับ
เป็นพนักงานธนาคารบ้าง เป็นเซลล์ขายรถบ้าง เป็น อบต บ้าง เป็นทนายความก็ยังมี หลักของผมสำคัญมากครับ ผมต้องการเป็นผู้ผลิต ผมไม่อยากขายปลีก ดังนั้น ผมให้กำไรส่วนใหญ่ให้แก่ดีลเลอร์ครับ ดีลเลอร์ขายแล้วกำไรมากกว่าผมอีก และทางผมจะไม่ขายเข้าไปในพื้นที่ที่มีดีลเลอร์อยู่ ต่อให้ลูกค้าติดต่อมา ผมก็จะส่งให้ดีลเลอร์ปิดการขายครับ
แนวทางผมง่ายๆ ไม่ต้องเซ็นสัญญาให้ยุ่งยาก เพียง 3 เดือนที่ผมเปิดตัวตู้แช่เบียร์วุ้น ผมขายได้เดือนละ 60 ตู้ ตอนนั้น ผมกับน้อง บ. ดีใจมากครับ จัดปาร์ตี้กันเลยทีเดียวครับ ดีลเลอร์หลั่งไหลมาหาทางผมตลอด ทีนี้ ที่ทำงานก็จะเริ่มคับแคบแล้วครับ ผมใช้ตึกแถว 2 คูหาที่ขายตู้แช่มือสองนี่แหละ ผลิตตู้แช่เบียร์วุ้น ใช้ช่าง 2 คนที่มันทนอยู่กับผมนี่แหละ ประกอบตู้ เราลุยกันมาแบบ 4 คนนี่เองครับ
หลังจากนั้น ทุกอย่างเหมือนกราฟที่พุ่งทะลุขอบกระดาษ ดีลเลอร์เราขยายตัวไปถึง 30 เจ้า เกือบทั่วประเทศไทย ผมผลิตกันแทบไม่ทัน ต้องขยับขยาย ย้ายมาเช่าพื้นที่ทำโรงงาน
พนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รถส่งของเพิ่มเข้ามา ฝ่ายออฟฟิศเริ่มเพิ่มแอดมิน บัญชี เข้ามาช่วยเรื่องงานเอกสารต่างๆครับ รถหกล้อ ขนส่งเอกชน เข้ามาดีลงานหมด อยากให้เราส่งของกับทางเค้า ตอนนี้เซลล์ Haier เข้ามาติดต่อทางผมแล้วครับ เพราะยอดซื้อตู้เราเยอะมากแบบก้าวกระโดด
พอเซลล์ Haier เข้ามา เราก็ได้การสนับสนุนหลายอย่าง เราเริ่มทำตลาดตู้แช่แบบอื่นๆของ Haier ผมเริ่มรับเซลล์ ทีมขาย ทีมตลาด ผมขยายหน้าร้านตู้แช่ไปเป็น 2 จุดในเมืองอุดร และ 1 สาขาในเมืองขอนแก่น และโรงงานผลิตตู้แช่เบียร์วุ้นอีก 1 โรงงาน
1
เมื่อปี 59 ยอดขายตู้แช่ผมทั้งหมดอยู่ราวๆ 2000 ตู้ทั้งปี ผมได้ขึ้นรับรางวัลกับทาง Haier ได้ยอดขายดีเด่นทั่วประเทศลำดับที่ 5 แล้วเมื่อปี 60 ผมขยายยิ่งขึ้นไปอีก ยอดขายตู้แช่ทั้งหมดอยู่ 3000 ตู้ทั้งปี ผมขึ้นรับรางวัลที่ 3 กับทาง Haier ซึ่งยอดผมสูสีกับทาง ดูโฮม ที่มีสาขา 9 สาขาทั่วประเทศครับ
มาถึงจุดนี้ ผมตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยการซื้อบ้านเดี่ยวให้ท่านอยู่ครับ ยื่นกู้แว๊บเดียวผ่าน ให้พ่อแม่น้องสาว อยู่รวมกันที่บ้านหลังนี้ พ่อผมจะได้ทำสวนอย่างเพลิดเพลิน ส่วนตัวผมยังคงอยู่ที่ตึกแถว 2 คูหากับแฟนผมอยู่ครับ
สรุป Part 4 นะครับ "สองคนยลตามช่อง คนนึงเห็นทอง คนนึงเห็นโคลนตม" เช่นกันครับ ตอนนั้น โรงงานตู้แช่หลายๆยี่ห้อ ไม่ยอมผลิตตู้แช่เบียร์วุ้นออกมาขาย (ตอนนี้ก๊อปผมเต็มเลย 555) เพราะเค้าคงมองว่า มันตลาดเล็ก ไม่คุ้มทำ แต่ผมไม่ครับ ผมสามารถหยิบสินค้าชิ้นนี้มา ขัดเกลา ดัดแปลง พัฒนา และทำให้ตลาดมันโตได้ด้วยตัวเราเองครับ
แล้วพบตอนสุดท้ายนะครับ
Part 5 The Adaptation
📌บทความทั้งหมดที่นำเสนอตั้งแต่ Part แรกได้รับอนุญาตจากเจ้าของบทความอย่างถูกต้อง
ทุก Like คือกำลังใจ ❤️
#ลุงแมน
ท่านใดยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ต้นอ่านย้อนหลังได้ครับ 👇
Part 1
โฆษณา