2 ส.ค. 2020 เวลา 08:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ANT มดตัวน้อยมีฤทธิ์แห่งจีนแผ่นดินใหญ่
1
• จากแอพให้บริการชำระเงินบนมือถือ กลายมาเป็นผู้ให้บริการและผู้ให้บริการเทคโนโลยี
• Ant Group กำลังมองหาการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยการเปิดให้บริการแอพแก่แอพโรงแรมไปจนถึงแอพส่งอาหาร
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Ant คือบริษัทที่มีวิวัฒนาการอันรวดเร็ว จากการเริ่มธุรกิจเมื่อปี 2548ด้วยการให้บริการธุรกรรมทางการเงินแก่ Alibaba แพลทฟอร์มอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ตั้งแต่นั้นมา Ant ได้กลายมาเป็นผู้ให้บริการและผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีในชั่วพริบตา
ในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมี.ค. Ant ทำรายได้มหาศาลจากการขายบริการในด้านการบริหารความมั่งคั่ง หรือ Wealth Management ไมโครไฟแนนซ์ หรือการปล่อยสินเชื่อให้คนยากจน และประกัน และแผนอีก3 ปีข้างหน้าของบริษัทคือการที่จะขยายแพลทฟอร์มขึ้นเท่าตัวเพื่อกระตุ้นธุรกรรมดังกล่าวให้ครอบคุลมมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้าไปใช้กับนักการโรงแรมไปจนถึงผู้ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ เมื่อปี 2554 Alibaba ได้ขายหุ้นออกจากAnt เพื่อที่บริษัทจะได้ยื่นขอใบอนุญาตในการทำธุรกิจชำระเงินในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ และ Alibaba ก็ได้เปิดตัวAnt เพื่อดูแล Alipay และบริการทางการเงินอื่นๆในปี2559 Ant ก็เติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ตอนนั้น
ลูกค้ารายหนึ่งกำลังซื้อยาผ่านระบบจดจำใบหน้าที่ “future chemist” เมื่อ 24 พ.ค. 2561 ภาพจาก ซินหัว
โดย Alipay และพันธมิตรมีผู้ใช้ที่ยังคงใช้บริการรวมกัน1.3 พันล้านคนต่อปีทั่วโลก ในประเทศจีน Alipay ได้เป็นหนึ่งในผู้ผูกขาด (Duoply) ด้านการชำระเงิน คู่ไปกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Tencent Holdings ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายโซเชียลมีเดียอย่าง WeChat และ WeChat Pay ผู้ให้บริการการชำระเงินครบวงจร
โดย WeChat Pay เองมีผู้ใช้บริการราวๆ 1 พันล้านคน ขณะที่ Palo Alto ซึ่งเป็นของ PayPal บริษัทให้บริการชำระเงินมีผู้ใช้อยู่ราวๆ346 ล้านคนทั่วโลก
เมื่อจำนวนผู้ใช้บริการชำระเงินออนไลน์เริ่มอิ่มตัว ทำให้ Ant ต้องมีการกระจายธุรกิจออกไป อีกทั้งทางการจีนเองก็ได้ผลักดันให้บริษัทต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจของบริษัทด้วย
บริษัทรับชำระเงินต่างในจีนเคยทำเงินจากรายได้ที่เป็นดอกเบี้ยที่มาจากเงินสำรองของผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม เมื่อม.ค.ปีที่แล้ว ธนาคารกลางจีนได้ออกกฎว่าเงินสำรองเหล่านั้น ต้องได้รับการจัดการในบัญชีกลาง และผู้ให้บริการไม่สามารถอ้างสิทธิ์ในดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นได้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้จำเป็นจะต้องหารายได้จากช่องทางอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม Ant มีข้อได้เปรียบคือได้รับข้อมูลจากผู้ใช้ Alipay และสามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ เพราะการรับชำระเงินนั้นเป็นประตูสู่ลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตได้ โดยธุรกิจหลักของ Ant มีทั้ง การชำระเงิน การให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้า การให้บริการสินเชื่อแก่ SMEs และการให้บริการบริหารความมั่งคั่ง
ในปีที่แล้ว ผู้ใช้บริการ8 ใน 10 ของ Ant ใช้บริการของบริษัทมากกว่า 3 บริการ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีผู้ใช้บริการ 7 ใน 10 ราย เพราะฉะนั้น ยิ่งผู้ใช้บริการของ Ant มีความจงรักภักดีกับบริษัทมากแค่ไหน บริษัทก็จะสามารถลดการให้การสนับสนุนเงินสดแก่ร้านค้าได้มากยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงการปิดล็อคดาวน์ในจีน Starbucks ก็พยายามหาช่องทางการเพิ่มยอดขายผ่านออนไลน์ในจีนเพื่อทดแทนร้านที่ปิดไป และแอพลิเคชั่นสัญชาติจีน ซึ่งมีผู้ใช้ 900 ล้านคนทั่วประเทศได้รวมคำสั่ง และได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆให้แอพของ Starbucks เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งการบริการดังกล่าวนี้ เดิมทีให้บริการแค่แอพของ Starbucks ที่จีนเท่านั้น โดยสำนักงานใหญ่ของ Starbucks เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่า ได้เห็นยอดขายในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ฟื้นตัวมากจากปลายเดือนก.ย. และได้รับการกระตุ้นโดยการริเริ่มทางด้านดิจิทัลนี้
Ant ยังได้มีการทำงานร่วมกับธนาคารรูปแบบเดิมๆเพื่อช่วยให้ธนาคารเหล่านั้นสามารถให้สินเชื่อและทำให้เงินฝากสามารถทำเงินได้ด้วย ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ที่ฟินเทคไม่ทำให้เกิดการหยุดชะงักทางธุรกิจแต่ทำให้เกิดความร่วมมือในอุตสาหกรรมทางการเงิน
Ant ยังได้ให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่สถาบันต่างๆในลักษณะแบบ ไวท์ เลเบิล (White-Lebel) หรือธุรกิจแบบป้ายขาว โมเดลธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันระหว่างธุรกิจผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถนำเอาสินค้าพวกนี้ไปขายได้ ด้วยการตั้งชื่อสินค้าที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งสินค้าที่ Ant ให้บริการได้ครอบคลุมถึง Blockchain ปัญญาประดิษฐ์ หรือAI ธุรกิจการรักษาความปลอดภัยและอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง หรือ Internet of Things
Ant อ้างว่าเป็นผู้ให้บริการแพลทฟอร์มผลผลิตจากบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในจีน ด้วยความสามารถที่จะให้บริการและประมวลบัญชีผู้ใช้หนึ่งพันล้านบัญชี และหนึ่งพันล้านธุรกรรมในทุกๆวัน
Alibaba ได้รับส่วนแบ่งจาก Ant ราว 5.1 พันล้านหยวนในช่วงสามเดือนสิ้นสุดมี.ค. จาก 500 ล้านหยวนในปีก่อนหน้า ซึ่งอนุมานได้ว่า Ant ทำกำไรสุทธิได้15.3 พันล้านหยวน หรือ 2.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว
ซึ่งนี่คือการคำนวณคร่าวๆถึงกำไรของ Ant ในฐานะที่ Alibaba ถือหุ้น 33% ในบริษัทและคิดวิธีตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยส่วนแบ่งนี้มาจากกำไรจากการลงทุน และการชำระเงินครั้งเดียวอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม Ant ไม่ขอให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องกำไรและรายได้ของบริษัทเนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วง “quiet period” ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO
Ant Group ผู้ดำเนินการ Alipay เตรียมที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปในฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ช่วงปลายปีนี้ โดยนำเสนอแก่นักลงทุนนี้ จะชูจุดเด่นของบริษัทจากการเติบโตที่ได้จากค่าบริการในการให้บริการแก่บรรดาบริษัทอย่าง Starbucks ที่ต้องการเติบโตแบบดิจิทัลในเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกนี้
มีคาดการณ์การว่ามูลค่าของ Ant น่าจะมากกว่า2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากขนาดของบริษัทที่มีแนวโน้มจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ความสำเร็จอาจจะต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนต่างประเทศในการเข้าซื้อบริษัทที่เปลี่ยนแปลงมาจากแอพระบบการชำระเงินที่มีอัตรการทำกำไรต่ำมาเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่มีอัตราการทำกำไรสูง ซึ่งทำให้Ant เป็นสตาร์ทอัพที่ที่มีค่ามากที่สุดในโลก
Ant อาจจะเป็นตัวดึงดูดบรรดาบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน เพื่อให้ประชาชนจีนสามารถได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาหุ้น จากความตื่นตัวของหุ้น IPO ฮอตฮิตต่างๆได้
รับฟังเสียงได้ที่ Youtube

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา