22 ม.ค. 2019 เวลา 06:09 • ธุรกิจ
Bill Gates (Ep13) : เรื่องเล่าหลังฉากเหตุการณ์ที่คนของโกลด์แมนแชคส์แพ้ทาง บิล เกตส์
จากตอนที่แล้ว...เราได้ทราบแล้วว่าด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ เกตส์จำเป็นต้องนำไมโครซอฟต์เข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งๆ ที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด มันไม่ใช่เพราะเขาต้องการเงินทุน แต่เป็นเพราะตอนนั้นบริษัทของเขาเข้าหลักเกณฑ์ในการเป็นบริษัทมหาชน
เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อย ถึงเวลาที่เขาต้องไปให้ข้อมูลต่อนักลงทุนที่เป็นนายธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยถนัดเลย...แต่มืออาชีพอย่าง โกลด์แมนแซคส์ก็จัดการทุกอย่างให้เขาอย่างดี
ด้วยความที่เกตส์อายุยังน้อย...แถมยังเป็นคนหน้าเด็กอีกต่างหาก...คนของโกลด์แมนแซคส์จึงต้องกำชับไม่ให้เขา แสดงอาการเป็นเด็กช่างฝันออกมาในที่ประชุม เกตส์ต้องแสดงท่าทางเงียบขรึมและครุ่นคิดอีกด้วยในบางครั้ง…เรียกว่าเทรนกันอย่างกับนักแสดงเลยทีเดียว
คนหนุ่มอย่าง บิล เกตส์ ที่มักพูดเรื่องราวต่างๆ อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเรื่องราวในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ถูกทีมงานจัดจำหน่ายหุ้นขอร้องให้พูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และไม่ผูกมัดตัวเอง อีกทั้งไม่ให้ข้อมูลที่เกินกว่าหนังสือชี้ชวน...คุณว่ามันน่าอึดอัดสำหรับเกตส์ไหมล่ะ
เรื่องราวต่างๆ ทางด้านการเงินที่จะต้องบรรยายให้เหล่านายธนาคารและนักการเงิน จึงตกเป็นหน้าที่ของ ก็อดเด็ตต์ ด้วยความที่ไมโครซอฟต์เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สิน และมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงสั้นๆ ของอายุบริษัท นักลงทุนส่วนใหญ่จึงพอใจกับข้อมูลที่ได้รับ
หลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไป...คนของโกลด์แมนแซคส์แจ้งให้เกตส์ทราบว่านักลงทุนสถาบันให้การตอบรับหุ้นของไมโครซอฟต์อย่างดี และราคาหุ้นน่าจะขึ้นไปถึง 25 เหรียญภายใน 2-3 สัปดาห์…
เท่านั้นแหละสมองนักธุรกิจของบิลเกตส์เริ่มคำนวนตัวเลขบวกลบทันที...เข้าใจว่าน่าจะคำนวนได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นท็อปสุดในตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ😆😆
ที่จริงตอนแรกเกตส์ต้องการขายเพียงหุ้นละ 15 เหรียญเท่านั้น แม้ว่าคนของโกลด์แมนแซคส์จะโน้มน้าวว่าหุ้นของไมโครซอฟต์ควรจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 20 เหรียญ แต่ทุกครั้งเกตส์ก็ปฏิเสธเพราะมองว่าสูงเกินไป…
เหตุความไม่มั่นใจในราคาหุ้นของตัวเอง คงเป็นผลสืบเนื่องจากการที่เกตส์คิดจะแบ่งหุ้นให้ IBM ถึง 30% ในราคา 16 เหรียญ แต่ไอบีเอ็มปฏิเสธข้อเสนอนั่นแหละ…
(ถ้าใครไม่รู้ว่าทำไมเกตส์ถึงต้องการแบ่งหุ้นให้ไอบีเอ็มทั้งๆ ที่ไม่อยากแบ่งให้ใครด้วยซ้ำ ลองกลับไปอ่านในเรื่องราวของ บิล เกตส์ ตอนที่ 11 ดูนะคะ)
หลังจากได้ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับราคาหุ้นจากโกลด์แมนแซคส์ เกตส์เปลี่ยนใจทันทีโดยตั้งราคาหุ้นที่จะนำออกขายให้อยู่ที่ 22 เหรียญต่อหุ้น…
อีริค ด็อบกิ้น ผู้จำหน่ายหุ้นของโกลด์แมนแซคส์ ตกใจมากกับข่าวที่ได้รับ เขาแจ้งทุกอย่างให้นักลงทุนไปแล้ว การเปลี่ยนใจเช่นนี้ย่อมสร้างความไม่พอใจให้นักลงทุน และก็เป็นจริงอย่างที่เขาบอก เมื่อข่าวแพร่ออกไป 6 สถาบันยกเลิกการสนับสนุนหุ้นของไมโครซอฟต์ทันที
แต่ด้วยการทำงานอย่างมืออาชีพของโกลด์แมนแซคส์ ในที่สุดนักลงทุนก็กลับเข้ามาสนับสนุนหุ้นของไมโครซอฟต์ตามเดิม โดยที่เกตส์ยอมลดราคาหุ้นลงเหลือ 21 เหรียญ
อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ อีริค ด็อบกิ้น ช็อคจนเกือบตกเก้าอี้ในการจัดจำหน่ายหุ้นให้ไมโครซอฟต์ คือการตกลงเรื่องนายหน้า ซึ่งปกติโกลด์แมนแซคส์จะคิดที่ 7% ของราคาขาย
แต่เกตส์ให้ก็อดเด็ตต์เจรจาให้น้อยกว่าหรือเท่ากับซันไมโครซิสเต็มส์ คือ 6.13% ซึ่งเท่ากับ 1.28 เหรียญต่อหุ้น
1
ด็อบกิ้น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาพยายามอธิบายว่าที่ไมโครซอฟต์ได้รับการตอบรับขนาดนี้ เป็นเพราะการทำงานอย่างหนักของโกลด์แมนแซคส์ พวกเขาจึงควรได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกว่านี้ คือไม่ต่ำกว่า 1.36 เหรียญต่อหุ้น
ก็อดเด็ตต์ผู้ทำหน้าที่แทนเกตส์ ไม่สามารถตัดสินใจได้ถ้าไม่ได้รับการอนุมัติจากเกตส์ และตอนนี้เกตส์เดินทางไปออสเตรเลียแล้ว เขาไม่สามารถติดต่อเกตส์ได้…
...เอาละสิทำยังไงดีล่ะทีนี้???..
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเกตส์วางแผนไว้เป็นอย่างดี สถานการณ์การเจรจาที่โกลด์แมนแซคส์ตึงเครียดลงเรื่อยๆ จนต้องพักการเจรจา ทั้งสองฝ่ายเดินออกจากห้องไปสงบสติอารมณ์
แต่ธุรกิจต้องดำเนินต่อไปโดยไม่ชักช้า หลังจากนั้นอีก 2-3 นาที ด็อบกิ้นจากโกลด์แมนแซคส์เข้ามาเจรจากับก็อดเด็ตต์ตัวแทนของบิลเกตส์ตัวต่อตัว แต่ก็อดเด็ตต์ยังยืนยันอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่สามารถเพิ่มราคาได้มากกว่านี้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจาก บิล เกตส์…
ในที่สุดการเจรจาก็ตกลงกันได้ที่ 1.31 เหรียญต่อหุ้น...หักเหลี่ยมเฉือนคมกันพอสมควรในการนำหุ้นของไมโครซอฟต์เข้าตลาด
ในวันแรกที่เข้าซื้อขาย หุ้นของไมโครซอฟต์เปิดตลาดที่ 25.75 เหรียญ ราคาหุ้นเดินหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนปิดตลาดที่ 27.27 เหรียญ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงถึง 2.5 ล้านหุ้น เป็นเงินประมาณหกร้อยกว่าล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นการประสบความสำเร็จของทุกฝ่าย...
ถึงตอนนี้อดนึกถึงไอบีเอ็มไม่ได้...พวกเขาจะรู้ไหมนะว่าพลาดอะไรไป
เกตส์ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของไมโครซอฟต์ ด้วยจำนวนหุ้น 11 ล้านหุ้นคิดเป็น 43% ของหุ้นทั้งหมด ทำให้เขามีสินทรัพย์สูงถึงกว่า 300 ล้านเหรียญ เมื่อราคาหุ้นทะยานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทรัพย์สินของเกตส์ก็เพิ่มมากขึ้นตามไป
ในปี 1987 ราคาหุ้นของไมโครซอฟต์อยู่ที่ 84.75 เหรียญ เกตส์กลายเป็นเศรษฐีพันล้านด้วยวัยเพียง 31 ปี ซึ่งนับเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุด...และที่สำคัญ...เขายังโสด…..
หลักจากนั้นไมโครซอฟต์ก็ย้ายไปตั้งสำนักงานใหญ่ที่เรดมอนด์ ในวอชิงตัน...ด้วยระยะเวลาเพียง 10 ปีไมโครซอฟต์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งอาณาจักรคอมพิวเตอร์
ผู้คนตั้งฉายาให้ไมโครซอฟต์ว่า Big Green ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับความยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟต์ เหมือนที่เคยยอมรับความยิ่งใหญ่ของ Big Blue อย่างไอบีเอ็มในอดีต
ด้วยกลยุทธ์การทำธุรกิจของเกตส์ที่ต้องการคุมเกมให้ได้ทั้งกระดาน คนจำนวนมากในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ จึงมีทั้งความสัมพันธ์ที่เรียกได้ว่าทั้งรักและเกลียดไมโครซอฟต์ และนักธุรกิจหลายๆ คนถึงกับกลัวเลยก็ว่าได้...🤔🤔🤔
ตอนต่อไปเราจะได้เห็นแง่มุมในการพยายามคุมเกมส์ของ บิล เกตส์ ว่าทำให้ สตีฟ เคส ผู้ร่วมก่อตั้ง AOL บริษัทใหญ่ด้านบริการทางอินเตอร์เน็ต ...รู้สึกกลัวขนาดไหนเมื่อต้องเข้าไปต่อกรด้วย...
ฝากติดตาม เรื่องเล่าสนุกๆ ที่แฝงด้วยสาระและแง่คิดแบบ พอดี-พอดี และกดไลค์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ😄😄😄
หรือถ้ามีอะไรอยากแนะนำเพิ่มเติม comment ไว้ได้เลยค่ะ ♥️♥️♥

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา