21 พ.ย. 2019 เวลา 07:26 • บันเทิง
เรื่องที่ 9 ก้าวที่ลืม
เช้าอีกวัน เหมือนทุกวัน
ผมดึงตัวเองออกจากผ้าห่มอุ่น ๆ ที่นอนนุ่ม ๆ ยันตัวขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจ
เทน้ำจากเหยือกลงในแก้วจนเต็มแล้วดื่มรวดเดียวหมด
ผมเอานิ้วชี้ปัดหน้าจอมือถือไปมาขณะที่นั่งบนโถส้วมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานวันนี้
น่าจะสุดแล้วนะ
ผมลุกขึ้น กวาดสายตาตรวจสุขภาพน้องน้อยที่ลอยตุ๊บป่องอย่างสวยงาม แล้วกดปุ่มเสกให้น้อง ๆ ไปเล่นข้างนอก
ผมล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำแบบลวก ๆ แต่งตัว หวีผม เปิดตู้เย็นหยิบกาแฟกระป๋อง แบล็ค ไอซ์ ที่ซื้อมาตุนเป็นโหลใส่กระเป๋าก่อนจะออกจากห้องสุดหรูในคอนโดใจกลางเมืองหลวง
ชีวิตซ้ำ ๆ ที่ย่างเข้าปีที่ 7 แต่ผมก็ไม่เบื่อตราบที่เงินยังไหลเข้ามาเรื่อย ๆ
เรื่องความรักผมก็เฉย ๆ ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมแต่ละคนงี่เง่า ง๊องแง๊ง ขี้บ่น เอาแต่ใจ น่ารำคาญ กวนประสาท บางคนก็ยั่วโมโหจนผมต้องตบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติ
ใช่ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำร้ายผู้หญิง ซึ่งผมก็ลืมไปแล้วว่าเมื่อไร และทำไมถึงสัญญาแบบนั้น
เสียงไลน์ดังขึ้น มีใครบางคนส่งข้อความมาถึงผม
ผมเหลือบมองครู่หนึ่ง ขณะกำลังขับรถ
ชาติ : มึงจำครูสมศรีที่สอนศิลปะตอนป.4 ได้มั้ยวะ 07:12
ผมละสายตาจากหน้าจอมือถือ มองผ่านกระจกหน้ารถไปยังท้องฟ้าไกล ๆ
“ครูสมศรี ครูสมศรี” ผมพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางนึกถึงเด็กนักเรียนหัวเกรียนตัวเล็กกำลังใช้ดินสอขีด ๆ เขียน ๆ ที่โรงเรียนวัดต่างจังหวัด
เสียงที่ผมลืมไปแล้วกลับดังชัดขึ้น
“เธอวาดรูปเก่งมาก หมั่นฝึกฝนต่อไปนะ ครูจะเป็นกำลังใจให้” ผมนึกออกแล้ว
ผมเลี้ยวเข้าไปจอดในปั๊มน้ำมันแล้วเปิดอ่านข้อความถัดไป
ชาติ : ครูสมศรีเสียเมื่อคืน กูจะชวนมึงไปงานศพ ว่างป่ะ 07:13
ชาติ : เอางี้ ถ้ามึงสะดวก เจอกันที่วัดเขาหนองกบ 5 โมงเย็น 07:30
ผมพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล ‘ตามนั้น เจอกัน’
โชคดีที่วันนี้งานของผมมีแค่เตรียมเอกสาร และตรวจสอบความพร้อมสถานที่บรรยายสำหรับวันพรุ่งนี้ ผมจึงฝากน้องที่ทำงานช่วยจัดการ แล้วผมก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือราวสี่ร้อยกว่าโล
หลังสวดพระอภิธรรม ชาติเพื่อนผมเดินไปคุยกับญาติของครูสมศรี ส่วนผมยังนั่งมองรูปครูที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเยื้องไปทางขวาของโลงศพ ทบทวนเรื่องเก่า ๆ บนเก้าอี้พลาสติกสีขาว
ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรสำคัญบางอย่างที่ผมนึกไม่ออก
ผมมองไปที่วงสนทนา เห็นชาติชี้นิ้วมาที่ผม ผู้หญิงที่ยืนคุยกับชาติพยักหน้าแล้วเดินตรงเข้ามาพร้อมกับของบางสิ่งในมือ
เธอยื่นสมุดวาดเขียนหน้าปกอุลตร้าแมนสีซีดในถุงพลาสติกอย่างดี ครูสมศรีเขียนบันทึกช่วยจำต่อท้ายพินัยกรรมว่าให้มอบกับผม
ผมรับมาถือไว้ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ที่หน้าปกด้านขวาล่างมีแถบสีขาว เส้นตรงแนวนอนสามเส้นเรียงลงมา บนเส้นนั้นมีชื่อ นามสกุล ชั้นเรียน ห้อง และหมายเลขประจำตัว ซึ่งเป็นลายมือของผมเอง ผมแปลกใจที่รอยเส้นดินสอยังคงชัดเจน แล้วผมก็สังเกตเห็นบางตัวอักษรมีรอยเส้นจาง ๆ ที่เส้นดินสอทับไม่สนิท
มุมบนด้านซ้ายมีข้อความเส้นเล็ก ๆ สีน้ำเงิน
'จิตรกรน้อยของครู'
น้ำใส ๆ หยดลงบนถุงและไหลลงไปที่ขอบด้านล่าง
ภาพเด็กนักเรียนตัวเล็กนั่งลงกับพื้น กราบที่ตักครูก่อนย้ายโรงเรียนหลังจากที่ย่าเสียผุดขึ้นมา
‘ผมขอฝากสมุดวาดเขียนไว้กับคุณครูครับ ผมกลัวทำหาย ในนี้มีความทรงจำของผม แล้วผมจะกลับมารับคืนครับ ผมรักคุณครูครับ’
เสียงเล็ก ๆ ดังก้องในหัวผมพร้อมกับภาพที่ถูกครูสวมกอด
ผมรู้สึกจุกที่อก พยายามเปล่งเสียงออกไปเท่าที่จะทำได้
“ข อ บ คุ ณ ค รั บ”
คืนนั้นผมค้างที่บ้านชาติ ผมนั่งชันเข่าบนพื้น หลังพิงขอบเตียง ค่อย ๆ เปิดสมุดวาดเขียนสีซีด
ข้างในมีรูปวาด และมีตัวหนังสือเส้นยึกยือเขียนไว้ด้วยกัน
รูปแรก พ่อ แม่ ผม และย่า ทุกคนจับมือกัน มีรอยยิ้ม
‘ผมรักพ่อ รักแม่ รักย่า’
รูปที่ 2 พ่อตีแม่
‘ผมจะไม่ตีผู้หญิง’
รูปที่ 3 พ่อ ผู้หญิง และเด็กผู้หญิงตัวเล็ก เดินตลาด ผมหิ้วของเต็มสองมือรั้งท้าย
‘ผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักหยิกผม ผมเจ็บ’
รูปที่ 4 ย่าทอดไข่ในกระทะ ผมหั่นหอมหัวใหญ่บนเขียงไม้น้ำตาไหลอยู่ข้าง ๆ
‘ผู้ใหญ่เหมือนหอมหัวใหญ่ มีเปลือกหลายชั้น ผมแสบตา’
‘ไข่เจียวของย่าอร่อยที่สุด’
รูปที่ 5 ผมเล่นกับแมวสีส้ม
‘แอ๊วเป็นน้องสาวที่น่ารักที่สุดของผม’
รูปที่ 6 ผู้ชายถือพู่กันวาดภาพบนผืนผ้าใบ
‘ตัวผมในอนาคต’
รูปที่ 7 ใบหน้าของย่าเต็มแผ่นกระดาษ มีรอยย่นและคราบจากน้ำ
‘ผมจะคิดถึงย่าตลอดไป’
“คุณคือผมตอนโตใช่ไหม” ผมตกใจเล็กน้อยยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาและหันไปทางต้นเสียง
เด็กนักเรียนหัวเกรียนในความทรงจำของผมนั่นเอง
“ฉัน...ฉันคิดว่าใช่นะ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ อย่างค่อยไม่มั่นใจ
“คุณเป็นนักวาดภาพ” เด็กน้อยกำมือทั้งสองข้างยกขึ้นมาระดับอก ซอยเท้าเป็นจังหวะ ท่าทางตื่นเต้น ดีใจ สายตาทั้งคู่จับจ้องที่ผม
“ไม่ใช่หรอก”
“แล้วคุณเป็นอะไร” เด็กน้อยดูผิดหวังนิดหน่อย
“ฉันเป็นโค้ชสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจหรือลงทุน”
“ผมไม่เข้าใจ”
“คนที่เป็นเจ้าของร้านหรืออยากเปิดร้านเขาจ้างให้ฉันไปสอนน่ะ” ผมพยายามอธิบายให้ง่ายสำหรับเด็กป.4
“งั้นคุณก็เป็นเจ้าของร้านใหญ่โตสิ ผมได้เป็นเจ้าของร้าน เย้ เย้”
“ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ฉันเคยลองทำแล้วแต่เจ๊ง ส่วนคนที่ฉันสอน เขาทำได้ดี”
“โอ๊ย ผู้ใหญ่เหมือนหอมหัวใหญ่จริงด้วย คุณทำแล้วเจ๊งแต่มีคนจ้างคุณไปสอน”
“ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ โตขึ้นเธอจะเข้าใจ”
“คุณเลี้ยงแมวหรือเปล่า”
“เปล่า ที่คอนโดไม่ให้เลี้ยงสัตว์”
“นี่คุณคือผมจริงหรือ ไม่ได้เป็นนักวาดภาพ ไม่ได้เลี้ยงแมว แล้วคุณมีลูกหรือยัง”
“ฉันไม่มีลูก แฟนยังไม่มีเลย”
“ฮือ ๆ ผมล้มเหลวในชีวิตเหรอเนี่ย”
“เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก...”
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตรงข้างเตียง ผมฝัน เป็นฝันที่เหมือนจริงมาก ตัวผมตอนป.4 ทำให้ผมนึกขึ้นได้ถึงหลายสิ่งที่ลืมไปแล้ว ผมยังมีเวลา และผมต้องทำทันที
https://italian719.wordpress.com/2016/01/05/ฟลอเรนซ์-florence/
ผมลงจากรถบัสสาย C1 แถวมหาวิหารฟลอเรนซ์ ลมเย็นและชื้นสัมผัสใบหน้าเบา ๆ ผมเดินลัดเลาะผ่านถนน via roma ไปเรื่อย ๆ ด้วยความเคยชิน จนมาถึงตลาด Mercato Nuovo แหล่งรวมสินค้าเครื่องหนัง
คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร ผมเดินเลี้ยวขวานิดหนึ่งแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเหรียญมาหนึ่งเหรียญ
“ทำไมมือแม่นอย่างนี้ 2 ยูโร นึกว่า 50 เซนต์” ผมพึมพำขณะมองเหรียญฝาแฝดกับเหรียญสิบบาทไทยที่นิ้วมือก่อนจะวางในปากหมูป่านำโชค (Il Porcellino) และพูดเบา ๆ
“augurami buona fortuna oggi”
จากนั้นก็ปล่อยเหรียญให้ร่วงหล่นลงไปในร่องตะแกรงด้านล่าง เสียงโลหะกระทบกันดังกังวานทำให้ผมรู้สึกว่าวันนี้ต้องมีเรื่องดีดีแน่
ผมวาดมือขวาออกไปลูบจมูกหมูป่านำโชคพลางนึกขำตัวเองตอนที่มาครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้วและขอพรด้วยภาษาไทย
‘วันนี้ขอให้ผมโชคดีด้วยเถอะ’
ผมโดนเพื่อนแซวประมาณว่า
‘พูดอะไรของมึงวะ ฟังไม่รู้เรื่อง’
https://www.pinterest.com/pin/568368415455918817/
เหตุการณ์แปลก ๆ ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว
ผมยังจำได้ดี ผู้คนล้วนประหลาดใจที่ผมรอดชีวิตจากการถูกฟ้าผ่าโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
มันเป็นสายฟ้าฟาดสีน้ำเงิน
แต่คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็บอกว่าเป็นสีขาวเหมือนฟ้าผ่าทั่วไป พวกเขาเข้ามาจับมือผม กอดผม และพูดคำเดียวกันซ้ำ ๆ ว่า miracolo (ปาฏิหาริย์)
ผมนึกถึงภาพวาดสีน้ำเงินแท้ แม้ว่าผมจะเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่นั่นมันก่อนผมโดนฟ้าผ่า ผมพยายามหาเบาะแสที่เกี่ยวข้อง และหวังว่าจะเจออะไรบ้าง
ผมเดินเข้ามาถึงห้อง Room of Saturn เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนเอเชีย ยืนด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับพื้นด้านล่างเป็นเวทีประกวด เอียงคอซ้ายทีขวาทีเหมือนตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของภาพ Madonna della seggiola
‘สีน้ำเงินแท้ไม่มีขาเหมือนผู้หญิงคนนั้น พรของหมูป่านำโชคอยู่กับนายแล้ว นายน่าจะลองเข้าไปทักเธอนะ’ ผมรำพึงกับตัวเอง ก่อนที่เสียงจะลอดผ่านลำคอออกไป
“เชา”
.
.
แด่คุณครูผู้รักและเอ็นดูศิษย์ประหนึ่งลูก
ขอบคุณพี่เรื่องสั้น ๆ และเพื่อนมายนางงามมิตรภาพ (ไม่รู้อายุนับเป็นเพื่อนไว้ก่อน) สำหรับฉากจบที่ผมหามาเป็นเดือนจนได้อ่าน jetlag
ขอบคุณพล็อตตัวเอกเด็กน้อย ที่ช่วยดึงสิ่งสำคัญในความทรงจำออกมา
ขอปิดท้ายด้วยเพลงถึงใครคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ความอยากส่วนตัวล้วน ๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา