9 ก.พ. 2020 เวลา 06:32 • ประวัติศาสตร์
ทำไม Influenza จึงแปลว่า ไข้หวัดใหญ่
(หดหู่กับข่าวเศร้ามาคืนนึงแล้ว มาอ่านเรื่องที่ไม่เครียดกันบ้างดีกว่า)
1.
เคยสังเกตไหมครับว่า Influenza ที่แปลว่า ไข้หวัดใหญ่
กับคำว่า Influence ที่แปลว่า มีอิทธิพล(ต่อ) จึงดูคล้ายๆกัน
ความคล้ายกันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
แต่มีเรื่องราวความเป็นมาซ่อนอยู่
ถ้าเราเดินทางย้อนเวลากลับไปดูรากที่มาของคำนี้
เราจะได้เรียนรู้ความเป็นมาที่น่าสนใจ
2.
ขอเริ่มต้นด้วยคำที่ไม่เกี่ยวกับคำว่า Influenza ก่อน
ในภาษาอังกฤษมีคำที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วยหรือนิสัยของคนอยู่หลายคำที่น่าสนใจ
ถ้ามีใครบอกว่าคุณเป็นคน jovial (โจเวียล) เขาหมายความว่า คุณเป็นคนสดใสร่าเริง
ถ้าเขาบอกว่าคุณ saturnine (แซทเทอร์ไนน์) เขาหมายความว่า คุณเป็นคนเซื่องซึม เหงาหงอย
ถ้าเขาบอกว่าคุณ mercurial (เมอร์คิวเรียล) เขาหมายความว่า คุณเป็นคนแปรปรวน อารมณ์เปลี่ยนง่าย ขึ้น ๆ ลง ๆ
ถ้าเขาหาว่าคุณ lunatic (ลูนาติค) เขาจะหาว่าคุณเป็นบ้าไปแล้ว
คำข้างต้นทั้งหมดนี้ เป็นคำที่บรรยายเกี่ยวกับ นิสัยใจคอ ซึ่งในภาษาอังกฤษอาจใช้คำว่า disposition
พอจะเห็นความน่าสนใจที่ซ่อนอยู่ไหมครับ ?
Saturn (แซทเทิร์น) คือ ดาวเสาร์ ทำไม saturnine แปลว่าคนซึมเศร้า
Mercury แปลว่าดาวพุธหรือปรอท ทำไม mercurial แปลว่า คนแปรปรวนa
Lunar แปลว่าพระจันทร์ ทำไม lunatic จึงแปลว่า บ้า
คำว่า Jovial อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกัน แต่คำนี้มีรากที่มาจากคำว่า Jupiter (เทพเจ้าจูปิเตอร์) หรือดาวพฤหัสบดี ทำไม คำว่า jovial จึงแปลว่า ร่าเริง
คำว่า position แปลว่าตำแหน่ง คำว่า dis เป็นคำเติมหน้า (prefix) ที่แปลว่า ไม่ แล้วทำไม dispositon ที่น่าจะแปลว่าเลื่อนตำแหน่ง หรือ การไปวางตำแหน่งใหม่ จึงแปลว่า นิสัยใจคอ
คำอธิบายทั้งหมดนี้ มันมีรากที่มาจากความเชื่อของชาวยุโรปเมื่อหลายพันปีก่อนครับ
เป็นความเชื่อมานานนับตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ยุคอาณาจักรโรมัน และยุโรปยุคกลาง ที่เชื่อว่า มนุษย์เราเกิดมาภายใต้อิทธิพลของเทพเจ้าและดวงดาวต่างๆ
ถ้าการเกิดของเรา (วันที่และตำแหน่ง) อยู่ใต้อิทธิพลของเทพเจ้าจูปิเตอร์หรือดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นหัวหน้าของเทพทั้งปวง คุณก็จะโชคดีเกิดเป็นคนสดใสร่าเริง
ถ้าคุณเกิดภายใต้อิทธิพลของดาวเสาร์ซึ่งอยู่ห่างไกลจากพระอาทิตย์มากที่สุด (ซึ่งไม่จริงในปัจจุบันแต่เป็นความเชื่อของคนยุคกลาง) คุณก็จะหนาวเย็น ไม่สดชื่น ซึมเศร้า
ถ้าคุณเกิดภายใต้อิทธิพลของเทพเมอร์คิวรี (ดาวพุธ) อืม... คำนี้ผมเก็บไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง
ถ้าคุณเป็นคนที่โดนพลังของดวงจันทร์( lunar) ได้ง่าย คุณก็อาจจะมีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ (ตามพระจันทร์ที่มาเป็นช่วงๆ)
ถึงตอนนี้เราก็จะเห็นแล้วว่า ในอดีตชาวยุโรปเคยเชื่อว่า ดวงดาวต่างๆมีอิทธิพลต่อความเป็นไปของชีวิตมนุษย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอ ชะตาชีวิต และสุขภาพร่างกาย
ดังนั้นการเคลื่อนและการจัดเรียงตัวของดวงดาว หรือ disposition ของดวงดาวมีความหมายว่า นิสัยใจคอ ไปด้วย
แล้วก็มาถึงคำว่า Influenza
3.
คำว่า influence (อินฟลูเอ็นซ์) ที่แปลว่ามีอิทธิพล (ต่อ) เดิมมีความหมายที่ต่างไป
คำนี้มาจากคำในภาษาละติน in ที่แปลว่า เข้าไปสู่หรือเข้าไปหา + fluere (ฟลูเอเร่) ที่แปลว่า การไหล รวมกันจึงแปลว่า ไหลไปสู่
คำว่า fluere นี้ยังเป็นรากของคำในภาษาอังกฤษหลายคำ เช่น
fluent (ฟลูเอ็นท์) ที่แปลว่า คล่อง เช่น พูดคล่อง
fluid (ฟลูอิด) ที่แปลว่า ของเหลว
fluctuation (ฟลักจูเอชั่น) ที่แปลว่า ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนตลาดหุ้นเป็นต้น
คำว่า influence จึงมีความหมายตรงตัวว่าการไหลไปสู่ ซึ่งต่อมาก็หมายถึง พลัง (ของดวงดาว) ที่ไหลมามีผลต่อมนุษย์ ให้เกิดบางสิ่งบางอย่าง ทำบางสิ่งบางอย่าง หรือมีสถานะเป็นบางอย่างขึ้นมา
การที่ดวงดาวกำหนดชะตาชีวิตของเรา ก็คือ ดวงดาวมีอิทธิพลต่อเรานั่นเอง
influenza (อินฟลูเอ็นซา) ที่แปลว่า ไข้หวัดใหญ่ในภาษาอังกฤษ เป็นคำที่นำมาจากภาษาอิตาลี ซึ่งก็มีรากมาจากภาษาละตินว่า influentia (อินฟลูเอนเทีย)
ในอดีตเคยมีโรค(ที่เชื่อว่าน่าจะเป็น)หวัดระบาดในกรุงโรม และด้วยความที่เชื่อว่าการระบาดไปทั่วนั้น เกิดจากอิทธิพลการเรียงตัวของดวงดาว จึงเรียกโรคที่ระบาดนั้นว่า Influenza
แม้ว่าทุกวันนี้เราจะรู้แล้วว่า การระบาดของโรคหวัดไม่ได้เกิดขึ้นจากการเรียงตัวของดวงดาว แต่เราก็ยังใช้คำว่า Influenza มาจนถึงทุกวันนี้
4.
ย้อนกลับมาที่คำว่า mercurial ที่แปลว่า คนแปรปรวน ซึ่งผมติดค้างไว้เพราะมีเรื่องให้พูดถึงเยอะหน่อย
คำนี้มาจากความที่เชื่อว่า เมื่อเราเกิดภายใต้อิทธิพลของเทพเมอร์คิวรี (ดาวพุธ) ซึ่งเป็นเทพที่เคลื่อนที่เร็ว (เป็นเทพแห่งการสื่อสาร) จึงมีผลให้อารมณ์เราเปลี่ยนแปลงเร็ว ขึ้นๆลงๆง่าย
และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ โลหะปรอทซึ่งเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้องและไหลไปมาปรู๊ดปร๊าดอย่างรวดเร็วจึงถูกเรียกว่า mercury
แต่ความน่าสนใจของคำว่า mercury ยังไม่หมดครับ เพราะคำนี้ยังเกี่ยวข้องกับคำว่า
Hermes (เฮอร์มีส หรือ แอร์เมส)
market (มาร์เก็ต) ที่แปลว่า ตลาด
merchant (เมอร์แชนท์) ที่แปลว่า พ่อค้า
mercy (เมอร์ซี่) ที่แปลว่า ความเมตตา และ
ยังเป็นที่มาของชื่อเมอร์ซิเดส (Mercedes) ยี่ห้อของรถอีกด้วย
เทพเมอร์คิวรีของโรมันนั้น จริง ๆ แล้วก็คือเทพเฮอร์มีส (Hermes หรือ ถ้าจะออกเสียงแบบฝรั่งเศสก็แอร์เมส) ของกรีกนั่นเอง
คำว่า mercury ของโรมันเชื่อว่ามีรากมาจากคำว่า merx หรือ *merk ของชาวอีธรัสคัน (Etruscan เป็นชาวพื้นเมืองเดิมที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีก่อนที่วัฒนธรรมของโรมันจะเข้ามาแทนที่)
คำนี้มีความหมายว่า ตลาด
และจากรากคำที่แปลว่าตลาดก็กลายเป็นคำหลาย ๆ คำในภาษาอังกฤษ เช่น
คำว่า merchant ที่แปลว่า พ่อค้า
merchandise (เมอร์แชนไดซ์) ที่แปลว่า สินค้า และ
market ที่แปลว่า ตลาด
คำว่าตลาดในภาษาละตินออกเสียงว่า mercis (เมอร์คิส) ยังสามารถผันไปเป็นคำว่า merces (เมอร์เคส) ที่แปลว่า การให้สินค้า ให้สิ่งของ หรือการให้รางวัลให้ค่าจ้าง ก็ได้ จึงทำให้คำนี้มีความหมายว่าการมีน้ำใจไปด้วย
ต่อมาคำนี้ก็วิวัฒนาการต่อเป็นคำว่า merci (แม็กซี่) ในภาษาฝรั่งเศสโบราณที่แปลว่า การให้ของขวัญ การให้รางวัล การมีน้ำใจ ก่อนจะแปลว่าขอบคุณในปัจจุบัน และคำว่า mercy ที่แปลว่าเมตตากรุณาในภาษาอังกฤษ
จากคำว่า merces ในภาษาละตินที่แปลว่า การให้ ก็วิวัฒนาการต่อ จนกลายเป็นหนึ่งในพระนามของพระนางมารีอา (พระมารดาของพระเยซู) คือ
Maria de las Mercedes (มารีอา เดอ ลา เมอร์ซีเดส) ซึ่งสามารถย่อเหลือว่า Mercedes คำเดียวได้
คำว่า Mercedes กลายเป็นชื่อหนึ่งที่นิยมตั้งให้กับลูกสาวในหมู่ชาวคริสเตียนที่ใช้ภาษาสเปน ซึ่งก็รวมไปถึงนายธนาคารคนหนึ่งที่มีชื่อว่า เอมิล เยลลิเน็ก (Emil Jellinek)
Emil Jellinek
ในปีค.ศ. 1901 เยลลิเน็ก ตัดสินใจที่จะนำรถของ Benz และ Daimler มาทำการตลาดและจัดจำหน่าย แต่เพื่อเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายบางอย่างเขาจึงต้องหาชื่อยี่ห้อใหม่ให้กับรถที่จะมาทำตลาด สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจนำชื่อลูกสาวตัวเองมาเป็นยี่ห้อของรถ
Mercédès Jellinek
แล้วรถยี่ห้อ เมอร์ซิเดสเบนซ์ ก็ถือกำเนิดขึ้น
ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ คำว่า Influenza แค่คำเดียว
แต่ถ้าเราขยันสงสัยและตั้งคำถามไปเรื่อยๆ
คำที่มีตัวอักษรแค่ 9 ตัวนี้ ก็สามารถเล่าประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่มากมายได้
(ปิดท้ายด้วยโฆษณา)
ถ้าชอบประวัติศาสตร์และรากที่มาของศัพท์ภาษาอังกฤษแบบนี้
แนะนำอ่านหนังสือ Bestseller ของผม 2 เล่ม
ทำไมเราเลี้ยง pig แต่กิน pork และ
ทำไมแฮมเบอร์เกอร์จึงไม่มีแฮม
สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จากลิงก์ด้านล่างทั้ง 2 ครับ
อ่านบทความวิทยาศาสตร์และการแพทย์ได้ที่
หรือ
คลิปวีดีโอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
เพิ่งเริ่มทำนะครับ ช้านิดแต่จะมีคลิปใหม่ๆตามมาอีกแน่นอน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา