10 เม.ย. 2020 เวลา 01:30 • ไลฟ์สไตล์
ความรู้สึกโหยหาพระพุทธศาสนา
มีคราวหนึ่งอาตมภาพอยู่ในหอพักนักศึกษานานาชาติโซชิกาย่า เป็นของรัฐบาลญี่ปุ่น มีนักศึกษาจากหลายๆมหาวิทยาลัยมาพักราว 300 คนจาก 50 ประเทศ ขณะกำลังนั่งดูหนังสืออยู่ เกิดอะไรขึ้นรู้ ไหมเอ่ย มีคนมาเคาะประตูห้องเสียงดังก๊อก ๆ
อาตมภาพมองลอดช่องตาแมวที่บานประตู เพื่อจะดูว่าเขาเป็นใคร
ปรากฏว่า เราไม่รู้จักคนนี้ แต่เขามาเคาะประตู
พอดูแล้ว ท่าทางเขาเรียบร้อยดีอาตมภาพจึงตัดสินใจเปิดประตู พอเขาเห็นพระก็ยกมือไหว้ แล้วแนะนำตัวว่าเขาเป็นคนไทย ถ้าอาตมภาพเอ่ย
นามสกุล คนไทยรู้จักกันทั้งบ้านทั้งเมืองเลย เพราะเป็นนามสกุลใหญ่
ที่มีชื่อเสียง เขาไปทำงานอยู่ในสหประชาชาติ มีสามีเป็นคนญี่ปุ่นและ
มีลูกด้วยกัน 1 คน
บ้านเขาอยู่ไกลจากหอพักอาตมภาพไปราว ๆ 2 - 3 กิโลเมตร
เขาบอกว่า เขาย้ายไปหลายประเทศ ตอนนี้เป็นจังหวะที่ครอบครัว
ย้ายมาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ประมาณ 2 ปีแล้ว
มีอยู่วันหนึ่งเขาขับรถผ่านมา แล้วเห็นจีวรตากอยู่ที่หน้าต่าง
ห้อง ซึ่งห้องพักในประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ไม่ค่อยใหญ่โตนัก อาตมภาพ
ก็ผูกเชือกขึงเป็นราวสั้น ๆ แล้วต้องพับจีวรให้มีขนาดเล็กลง ตาก
เต็มผืนไม่ได้เพราะพื้นที่จำกัด
ห้องอาตมภาพอยู่ชั้น 2 หอพักอยู่ห่างจากถนนไปราว ๆ 50 -
60 เมตร มีต้นไม้ ในสวนกั้นกลาง เขาขับรถจากถนนมองมาไกล ๆ
เห็นจีวรที่ตากอยู่แล้วรู้สึกว่า สีอย่างนี้ต้องเป็นจีวรแน่ ๆ แม้จะพับ
จนกระทั่งเป็นผืนเล็ก ๆ ตากแล้วก็ตาม เขายังอุตส่าห์มองเห็น แล้ว
เข้ามาในหอพักโดยขออนุญาตเจ้าหน้าที่ เซ็นชื่อแลกบัตรประจำตัว
ประชาชนเอาไว้ แล้วมาดูเพื่อพิสูจน์ว่าที่อยู่นี่ใช่พระสงฆ์จริง ๆ หรือ
ไม่
พอเขาได้มาพบอาตมภาพ ได้รู้ว่าเป็นพระสงฆ์จริง ๆ ก็ดีใจ
มาก แล้วบอกว่าทุกวันเสาร์จะขออนุญาตมาถวายภัตตาหารเช้า
เพราะวันจันทร์ถึงวันศุกร์ต้องรีบไปทำงาน ขอถวายภัตตาหารสัปดาห์
ละ 1 วันก็ยังดี
จากนั้นทุกเช้าวันเสาร์ เขาจะเตรียมภัตตาหารมาเลี้ยงพระแล้ว
รับพรไป ทำอย่างนี้ติดต่อกันเป็นปีเลยทีเดียว นี่คือความรู้สึกโหยหา
พระพุทธศาสนาที่ปะทุขึ้นมานั่นเอง
อีกคราวหนึ่งอาตมภาพไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นได้ประมาณ 1 ปี
ขึ้นรถไฟแล้วรถไฟกำลังจะปิดประตู ก็มีคนหนึ่งกระโจนขึ้นมา ก่อน
ที่รถไฟจะปิดประตูพอดี อาตมภาพจึงเหลียวไปดูเห็นเขายกมือไหว้
ทันที แล้วบอกว่าเขาเห็นมาแต่ไกลว่านี่เป็นสีจีวรพระไทยแน่ ๆ คือ
ไม่คิดว่าจะเป็นพระจากพม่า ศรีลังกา หรือลาวเลย พอเข้ามาใกล้ ๆ
ก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นพระไทยแน่นอน
แต่เพื่อความมั่นใจมากขึ้น เลยกระโดดพรวดขึ้นรถไฟมา
เพียงเพื่อจะเข้ามาสอบถามว่า ใช่พระไทยจริง ๆ ใช่ไหม... พอเขา
รู้ว่าใช่แน่แล้ว ก็ขอตามอาตมภาพไปที่หอพักนักศึกษานานาชาติด้วย
แล้วก็ขอมาทำบุญด้วย
อาตมภาพเลยตอบไปว่า “โอ้โห ตอนนี้อาตมภาพกำลังเรียน
หนักมาก เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้ชวนเพื่อน ๆ มาพบกันเดือนละ
1 ครั้ง ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน ให้มาสวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ
แล้วถวายภัตตาหาร จากนั้นทุกคนก็รับประทานข้าวปลาอาหารกัน
บ่าย ๆ ฟังเทศน์สักหน่อยแล้วค่อยกลับ”
ตอนนั้นภารกิจหลัก ๆ ของอาตมภาพคือเรื่องการเรียนที่กำลัง
หนักแบบสุด ๆ เลยต้องเอาทุกอย่างให้ ได้ ไปพร้อม ๆ กัน แล้วจาก
จุดนั้นเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการรวมญาติโยมให้เข้ามาถึง 30 - 40
คน เพราะข่าวค่อย ๆ แพร่ออกไป ทำให้เกิดการสร้างวัดไทยในญี่ปุ่น
ขึ้นมา จากนั้นก็ขยายออกไปเรื่อย ๆ อย่างที่เห็น นี่คือหัวใจของพวก
เราชาวไทยพุทธในต่างแดน
อย่าว่าแต่ชาวพุทธเลย ชาวไทยที่นับถือศาสนาอื่น ก็ยังมี
ความรู้สึกผูกพันกับพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว อยู่บ้านเราอาจจะ
ไม่ค่อยรู้สึกมากเท่าไร เพราะมีวัดมากมาย มีพระสงฆ์เยอะแยะไปหมด
แต่พอไปอยู่ต่างแดน บางคราวที่อาตมภาพไม่ค่อยสบาย
เนื่องจากเป็นไข้หวัด นักศึกษาในหอพักมีอยู่ 30 คนก็จริง แต่กลางวัน
เขาไปเรียนหนังสือกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีคนอยู่ ตอนที่กำลังป่วยหนัก
นั้นอากาศหนาวมาก อาตมภาพจึงยังไม่พร้อมที่จะออกไปข้างนอก
ต้องยอมขาดเรียน
พอถึงเวลาภัตตาหารเพลก็ไม่มีใครอยู่ แต่อาตมภาพเห็นโยม
คนหนึ่ง รู้ว่าเขานับถือศาสนาอื่น มีเบอร์โทรศัพท์ระหว่างห้อง พอ
โทรไปบอกเขาเท่านั้นเอง เขารีบตอบว่า “ได้ค่ะ ๆ” แล้วทำข้าวต้ม
เครื่องอย่างดีมาถวาย เขาอยู่รับพรเสร็จเรียบร้อยถึงได้กลับไปดูหนังสือ
ทำภารกิจตนเองต่อ เรียกได้ว่า นี่คือชาวไทยเราจริง ๆ
ถึงแม้ประเทศไทยจะมีชาวพุทธเป็นหลัก และถึงแม้เขาจะ
นับถือศาสนาอื่น เมื่อเจอพระภิกษุสงฆ์ก็ให้ความเคารพ และให้การ
อุปัฏฐากอุปถัมภ์บำรุงอย่างดีทีเดียว
(เป็นเหตุการณ์เมื่อ ปี พ.ศ. 2534)
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา