9 ก.ค. 2020 เวลา 05:50 • ประวัติศาสตร์
"บทดอกสร้อยสวรรค์ ครั้งกรุงเก่า"
๏ ตัวเอยตัวน้อง คือหนึ่งดอกสร้อยเกษี
มีกลิ่นเฟื่องฟุ้งจรลี ลีลาศดัดเต้าอยู่รวยรศ
ตัวชายนั้นคือภุมรี ลิ้นลมย่อมดีอยู่ปรากฎ
ครั้นได้ประสบพบรศ จับจดเล่นแล้วจะบินไป
จะคลาศคล้อยคลาหนี ตัวเปนสัตรียังสงไสย
เบื่อแลที่ข้าจะเชื่อใจ กี่ปีจะได้อย่ายินยลฯ
บทดอกสร้อยสวรรค์ครั้งกรุงเก่า เป็นการละเล่นอย่างหนึ่งที่มีมาแต่สมัยโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยนิยมเล่นกันเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก หรือเทศกาลทอดกฐิน ทอดผ้าป่า แลเที่ยวชมทุ่ง
ผู้มีบรรดาศักดิ์มักพาบริวารของตนพร้อมโทนทับกรับฉิ่ง พร้อมสำรับ ลงเรือไปเที่ยวเล่นกัน เมื่อไปพบปะกับเรือลำอื่นก็ร้องลำนำโต้ตอบกันไปมาอย่างสนุกสนาน เรือบางลำก็เปนนักร้องผู้ชาย บางลำก็เป็นนักร้องก็เปนผู้หญิง เป็นการละเล่นที่เรียกว่า ดอกสร้อย ซึ่งผิดกับการเล่นสักวาตรงที่ ดอกสร้อยนั้นกันเล่นแค่ 2 วง คือชายหนึ่งวง หญิงหนึ่งวง มีบทร้องยากกว่าสักวา เพราะสักวาจะเล่นกี่วงก็ได้และมีบทร้องง่ายกว่าดอกสร้อยนั้นเองเจ้าค่ะ
บทสักรวากับบทดอกสร้อยนั้นจะมีวิธีแต่งผิดกันเล็กน้อย โดยบทสักรวานั้นจะมีกำหนด 4 คำเป็นบทหนึ่ง แลขึ้นต้นด้วยคำว่า “สักวา” ทุกบท สัมผัสบทต่อบทไม่ต้องคล้องกัน ส่วนบทดอกสร้อยนั้น จะแต่งบทละ 4 คำ ฤๅ6 คำก็ได้ แต่ตรงบทต่อบทต้องรับสัมผัสกัน เพราะฉนั้นแต่งยากกว่าบทสักวาอยู่มาก เพราะต้องรอจนคู่ร้องเขาร้องจนจบบทเสียก่อน จึงจะรู้สัมผัสและลงมือคิดบทต่อได้ ซึ่งถือว่าต้องใช้ไหพริบปฎิภานอย่างสูงมากเลยละเจ้าค่ะ
ตัวอย่างบทดอกสร้อยสวรรค์ ครั้งกรุงเก่า
บทชาย
ร้องลำล่องเรือ ทับนางไห้
๏ มาเอยมาพบ ดอกสร้อยสวรรค์มาไลย
เรียมรักจำนงจงใจ จะใคร่ได้ดอกสุมณฑา
ภุมรีภิรมย์ชมรศ กลิ่นฟุ้งปรากฎเปนหนักหนา
แม้นได้มิให้เจ้าโรยรา บุษบาแย้มบานตระการใจ
อันดวงดอกสร้อยเกษี ในท้องธรณีไม่หาได้
มิให้เสียพุ่มพวงดวงดอกไม้ จะให้รุ่งฟ้าทั้งตาปีฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
บทหญิง
ร้องลำรอบก้อย ทับนางไห้
๏ ตัวเอยตัวน้อง คือหนึ่งดอกสร้อยเกษี
มีกลิ่นเฟื่องฟุ้งจรลี ลีลาศดัดเต้าอยู่รวยรศ
ตัวชายนั้นคือภุมรี ลิ้นลมย่อมดีอยู่ปรากฎ
ครั้นได้ประสบพบรศ จับจดเล่นแล้วจะบินไป
จะคลาศคล้อยคลาหนี ตัวเปนสัตรียังสงไสย
เบื่อแลที่ข้าจะเชื่อใจ กี่ปีจะได้อย่ายินยลฯ
ฯ ๖ คำ ฯ ลิกิน, ทับนางไห้ (ก็ได้)
บทชาย
ร้องลำนางกราย ทับเนรปาตี
๏ ตัวเอยตัวเรียม เทียมภุมเรศเรืองรศคนธ์
มาพบดอกแก้วโกมล สร้อยสนสวรรค์มาลา
อันดวงดอกเกสรสน อันจะพ้นมือพี่อย่าพักว่า
แม้นคลาศแคล้วดวงมาลา ใต้ฟ้าไม่อยู่ไยดีฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
บทหญิง
ร้องลำจันดิน ทับนางไห้
๏ แม้นเอยแม้นได้ ตัวน้องก็ไม่เปนสัตรี
มิพ้นภุมเรศตัวนี้ ในท้องธรณีไม่ดูเนตร
จะเปนสิ่งไรก็ไม่คิด จะสิ้นชีวิตรก็ตามเหตุ
ไม่มีอาไลยแก่ใจเนตร ตามผลตามเหตุไม่คิดตัว
แผ่นดินฤๅจะไร้เส้นหญ้า คิดมาก็น่าใคร่หัว
อย่ามาข่มเหงให้เกรงกลัว ไม่เสียตัวแก่เจ้าไยดีฯ
ฯ ๖ คำ ฯ ศรีประเสริฐ ทับนางไห้ (ก็ได้)
บทชาย
ร้องลำเสภาใน ทับปรบไก่
๏ นอนเอยนอนวัน ใฝ่ฝันว่าได้มาพบศรี
เจ้าสาวสวัสดิกระสัตรี อยู่ดีฤๅไข้เจ้าแน่งน้อย
เรียมรักเจ้าสุดแสนทวี ตัวพี่ไม่ไข้แต่ใจสร้อย
ดังหนึ่งเลือดตาจะหยัดย้อย เพราะเพื่อน้องน้อยเจ้านานมาฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
บทหญิง
ร้องลำคำหวาน ทับนางไห้
๏ น้ำเอยน้ำคำ หวานฉํ่าก็ลํ้าโอชา
นอนวันว่าใฝ่ฝันหา ว่าได้พบข้าทุกราตรี
ถามข่าวเจ้ากล่าวเกลี้ยงถึง แสนคนึงก็สุดชีวี
เหตุว่าลิ้นลมคารมดี เพียงนี้พอรู้เท่ากันฯ
ฯ ๔ คำ ฯ สร้อยสน ทับอรุ่ม (ก็ได้)
ข้อมูลอ้างอิงจาก : บทดอกสร้อยสวรรค์ครั้งกรุงเก่า, ห้องสมุดวิชิรญาน
และนี้ก็คือบทดอกสร้อยสวรรค์ สุนทรียภาพทางการดนตรีและการขับร้องของคนในสมัยอยุธยาเจ้าค่ะ ว่ากันว่าชาวอยุธยานั้นชอบร้องลำทำเพลงแลแต่งกลอนเป็นชีวิตจิตใจเจ้าค่ะ ยามตกเย็นก็มักจะเปิดวงมโหรีร้องลำกันอย่างสนุกสนาน และนี้แหละเจ้าค่ะคือวีถีของเราชาวสยาม ไร้ทุกข์ไร้โศกมีแต่ความสนุนสนานในทุกวันคืน ฉันอยากให้พี่ท่านทุกคนนั้นมีแต่ความสุขสนานในทุกวันคืนเช่นกันนะเจ้าค่ะ
ปล.คนในภาพคือฉันเองนะเจ้าค่ะ สวมชุดไทยอยุธยาในการแสดงระบำอยุธยาเจ้าค่ะ 🥰😊 ไม่สวยมาก ดังนั้นห้ามด่าฉันแรงนะเจ้าค่ะ 55+
Le Siam
"สยาม ... ที่คุณต้องรู้"

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา