• Ant Group กำลังมองหาการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยการเปิดให้บริการแอพแก่แอพโรงแรมไปจนถึงแอพส่งอาหาร
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Ant คือบริษัทที่มีวิวัฒนาการอันรวดเร็ว จากการเริ่มธุรกิจเมื่อปี 2548ด้วยการให้บริการธุรกรรมทางการเงินแก่ Alibaba แพลทฟอร์มอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ตั้งแต่นั้นมา Ant ได้กลายมาเป็นผู้ให้บริการและผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีในชั่วพริบตา
เมื่อจำนวนผู้ใช้บริการชำระเงินออนไลน์เริ่มอิ่มตัว ทำให้ Ant ต้องมีการกระจายธุรกิจออกไป อีกทั้งทางการจีนเองก็ได้ผลักดันให้บริษัทต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจของบริษัทด้วย
Ant ยังได้มีการทำงานร่วมกับธนาคารรูปแบบเดิมๆเพื่อช่วยให้ธนาคารเหล่านั้นสามารถให้สินเชื่อและทำให้เงินฝากสามารถทำเงินได้ด้วย ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ที่ฟินเทคไม่ทำให้เกิดการหยุดชะงักทางธุรกิจแต่ทำให้เกิดความร่วมมือในอุตสาหกรรมทางการเงิน
Ant ยังได้ให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่สถาบันต่างๆในลักษณะแบบ ไวท์ เลเบิล (White-Lebel) หรือธุรกิจแบบป้ายขาว โมเดลธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันระหว่างธุรกิจผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถนำเอาสินค้าพวกนี้ไปขายได้ ด้วยการตั้งชื่อสินค้าที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งสินค้าที่ Ant ให้บริการได้ครอบคลุมถึง Blockchain ปัญญาประดิษฐ์ หรือAI ธุรกิจการรักษาความปลอดภัยและอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง หรือ Internet of Things
Ant อ้างว่าเป็นผู้ให้บริการแพลทฟอร์มผลผลิตจากบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในจีน ด้วยความสามารถที่จะให้บริการและประมวลบัญชีผู้ใช้หนึ่งพันล้านบัญชี และหนึ่งพันล้านธุรกรรมในทุกๆวัน
Alibaba ได้รับส่วนแบ่งจาก Ant ราว 5.1 พันล้านหยวนในช่วงสามเดือนสิ้นสุดมี.ค. จาก 500 ล้านหยวนในปีก่อนหน้า ซึ่งอนุมานได้ว่า Ant ทำกำไรสุทธิได้15.3 พันล้านหยวน หรือ 2.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว
ซึ่งนี่คือการคำนวณคร่าวๆถึงกำไรของ Ant ในฐานะที่ Alibaba ถือหุ้น 33% ในบริษัทและคิดวิธีตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยส่วนแบ่งนี้มาจากกำไรจากการลงทุน และการชำระเงินครั้งเดียวอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม Ant ไม่ขอให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องกำไรและรายได้ของบริษัทเนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วง “quiet period” ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO
Ant Group ผู้ดำเนินการ Alipay เตรียมที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปในฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ช่วงปลายปีนี้ โดยนำเสนอแก่นักลงทุนนี้ จะชูจุดเด่นของบริษัทจากการเติบโตที่ได้จากค่าบริการในการให้บริการแก่บรรดาบริษัทอย่าง Starbucks ที่ต้องการเติบโตแบบดิจิทัลในเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกนี้
มีคาดการณ์การว่ามูลค่าของ Ant น่าจะมากกว่า2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากขนาดของบริษัทที่มีแนวโน้มจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ความสำเร็จอาจจะต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนต่างประเทศในการเข้าซื้อบริษัทที่เปลี่ยนแปลงมาจากแอพระบบการชำระเงินที่มีอัตรการทำกำไรต่ำมาเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่มีอัตราการทำกำไรสูง ซึ่งทำให้Ant เป็นสตาร์ทอัพที่ที่มีค่ามากที่สุดในโลก
Ant อาจจะเป็นตัวดึงดูดบรรดาบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน เพื่อให้ประชาชนจีนสามารถได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาหุ้น จากความตื่นตัวของหุ้น IPO ฮอตฮิตต่างๆได้