15 ก.ย. 2020 เวลา 13:41 • ปรัชญา
# จักรพรรดิและขอทาน
อะไรที่ดูเหมือนเป็นความยากเย็นเข็ญใจ แท้จริงแล้วอาจแฝงไว้ด้วยสิ่งดี ๆ อยู่ภายในก็เป็นได้ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
ชีวิตที่แสนทุกข์ทน
บนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันของเมืองใหญ่ มีขอทานคนหนึ่งที่หาบเร่ขอเศษเหรียญและข้าว จากผู้คนที่สัญจรไปมาบทท้องถนนแห่งนี้ทุกวัน แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว เขาจะไม่สามารถหาอาหารได้เพียงพอต่อมื้ออาหาร
และไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อฟืนมาทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ในตอนกลางคืน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาต้องทนนอนหนาวและต้องหลับอยู่ใต้ท้องฟ้า โดยมีเพียงเศษผ้ามาคลุมตัวเช่นนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
1
สิ่งที่คิด
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขอทาน ก็ได้ทราบข่าวว่าจะมีจักรพรรดิเสด็จมาที่เมือง เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ยากไร้ “ข้าแน่ใจว่า จักรพรรดิผู้ใจกว้างจะได้เห็นข้าทนทุกอยู่เช่นนี้ และเขาก็คงมอบของขวัญให้ด้วย
เพราะคนที่ร่ำรวยมักจะเห็นอกเห็นใจคนอย่างเราเสมอ แต่ก็เพราะแบบนั้น ข้าจึงไม่อยากให้ใครมามองข้าด้วยสายตาที่เหยียดหยามเช่นนั้นอีก แม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่อาจทำให้ข้าได้อิ่มท้องก็ตาม” ขอทานคิด
แผนการ
เขาจึงวางแผนที่จะนำพาตัวเองไปนั่งตามเส้นทางที่จักรพรรดิ์จะเดินลัดเลาะผ่านไป เพื่อไม่ให้จักรพรรดิสังเกตเห็นความทุกข์ยากของเขา เขาจึงรวบรวมข้าวของทั้งหมด และเริ่มจัดวางข้าวของในมุม ๆ หนึ่งของถนน ก่อนที่ขบวนแห่จะมาถึง
ซึ่งเช้าตรู่วันถัดมา กองคาราวานก็เดินทางเข้ามาถึงยังเมืองที่ขอทานอยู่ และขบวนก็ได้หยุดอยู่ตรงหน้าเขา ในช่วงเที่ยงวัน แม้ขอทานจะไม่ได้คาดหวังของขวัญ หรือสิ่งใดเลยจากจักรพรรดิของเขาก็ตาม
มาถึง
แต่ในขณะนั้นเอง ทหารม้าก็ได้หยุดอยู่ข้าง ๆ เขา และจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า อีกทั้ง
จักรพรรดิยังเดินเข้ามาใกล้ ๆ
แล้วพระองค์ก็วางมือบนไหล่ของขอทานอย่างเบามือ จากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเขา แล้วจึงตรัสว่า "ฉันขอถามสักหน่อยเถอะ ฉันจะขอข้าวสักหยิบมือจากคุณได้ไหม"
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ขอทานก็พยามคิดตาม เพราะเขาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่จักรพรรดิ พูดกับเขาเมื่อสักครู่เลย เขาจึงได้แต่ทำท่าทางงงงวยและไม่ตอบสิ่งใดออกไป
การร้องขอ
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นจักรพรรดิ์ ก็ขยับเข้าไปที่ชามข้าว ที่ภายในถ้วยนั้น มีข้าวอยู่เพียงหยิบมือขึ้นมา “ข้า ขอข้าวสักหยิบมือได้ไหม” จักรพรรดิกล่าวย้ำอีกครั้ง
หลังจากได้ฟังเช่นนั้น ขอทานก็แทบไม่เชื่อว่าเขาจะได้ยินเช่นนั้นเลย เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยคาดหวังว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ จะมาชายตามองข้าวในชามหรือธัญพืชเพียงหยิบมือที่เขามี
แต่ถึงอย่างนั้น ในตอนนี้เขาถูกข่มเหงด้วยสายตา จากทหารทั้งหลาย ที่ต่างจับจ้องมาที่เขา ขอทานจึงค่อย ๆ หยิบชามข้าวนั้นขึ้นมา จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ข้าวเพียงหนึ่งหยิบมือนั้น แล้วจึงค่อย ๆ ยื่นข้าวนั่นให้จักรพรรดิไปด้วยความเกรงกลัว
การจากลา
เพราะเขารู้ดีว่า เขานั้นเป็นเพียงสามัญชน และไม่สามารถปฏิเสธคำขอของจักรพรรดิได้ เขาจึงทำได้เพียงเก็บซ่อนความขุ่นเคืองของเขาไว้ภายในใจเช่นนั้น
ทันทีที่จักรพรรดิ ได้รับข้าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ได้กล่าวขอบคุณขอทาน และจับมือเขาอีกครั้ง จากนั้นพระองค์ก็เดินไปตามทางของท่านต่อไป
แม้จะได้ยินได้เห็นเช่นนั้น แต่ขอทานก็ยังคงรู้สึกสับสนเจ็บปวด และโกรธแค้น ที่เต้องเฝ้าดูกองคาราวาน ค่อย ๆ หายไปในฝุ่นควัน แล้วทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวโดยไม่มีอะไรมากไปกว่าเมื่อก่อนนี้เลย
ความทุกข์ที่ต่องแบกรับ
และในคืนนั้นเอง ขณะที่เขากำลังทำความสะอาด และเตรียมข้าวสำหรับมื้อเย็น เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างอยู่ในชามข้าวที่ทอแสงประกายเจิดจ้าออกมา
เขาจึงมองเข้าไปใกล้ ๆ และความตื่นเต้นก็พุ่งผ่านขึ้นมา เมื่อเขาได้เห็นก้อนทองคำชิ้นเล็ก ๆ ฝุดออกจากชามข้าวของเขา
ซึ่งก้อนทองคำนั้น เพียงพอสำหรับซื้อข้าวปลาอาหารได้นานนับเดือน
แปลกใจ
“ต้องมีมากกว่านี้” ขอทานคิด เมื่อได้เช่นนั้นเขาก็เขาก็เริ่มร่อนจานข้าว และทำความสะอาดข้าวของที่แบกออกไปในวันนี้อีกครั้ง โดยหวังว่าจะพบทองคำเพิ่มอีก และในระหว่างนั้นเอง เขาก็ได้พบกับทองคำอีกสี่ชิ้นด้วยกัน
และในขณะที่เขาจ้องมองลงไปที่ชามนั้น เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า “โชคลาภที่เกิดขึ้นนี้ มันเริ่มหลังจากที่เขาได้ถวายข้าวหนึ่งหยิบมือนั้นต่อจักรพรรดินั้นเอง”
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “จงเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้เสียก่อนที่จะเป็นผู้รับ”
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา