29 ก.ย. 2020 เวลา 04:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เจาะ Ant Group จากบริการชำระเงินเล็กๆสู่ บริษัทมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ย้อนไปเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ที่แจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้ง Alibaba ได้เปิดตัวบริการชำระเงินเพื่อกระตุ้นการช้อปปิ้งผ่านออนไลน์ หลายคนมองว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ ปัจจุบันบริการดังกล่าวได้กลายมาเป็นเสาหลักของ Ant Group ผู้ให้บริการด้านการเงินยักษ์ใหญ่ที่เผลอๆอาจจะมีมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ชื่อของ Ant Group หรือ เจ้ามดน้อยนี้ ผู้ก่อตั้งเชื่อว่า “ความเล็กจิ๋วคือสิ่งสวยงาม ความเล็กจิ๋วคือพลัง” Ant Group กำลังเตรียมความพร้อมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก หรือ IPO ในฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งที่สองที่แจ๊ค หม่า สามารถสร้างสถิติ IPO ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา และ Ant Group ยังเป็นมงกุฎประดับเพชรของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของจีนอีกด้วย
Ant Group เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการชำระเงินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยแอพพลิเคชั่นนี้ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตทางการเงินทุกรูปแบบในจีน ตั้งแต่บัญชีการลงทุน ผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝากต่างๆ รวมไปถึงประกัน อันดับความน่าเชื่อถือ และแม้กระทั่งข้อมูลการหาคู่
บริษัทเกิดขึ้นจากโครงการที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างของอุตสาหกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ของจีน เมื่อปี 2547 น้อยคนนักจะมีบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต และผู้ซื้อและผู้ขายที่ใช้แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซของ Alibaba ต้องการใช้ระบบการชำระเงินที่น่าเชื่อถือได้ในการทำธุรกรรมต่างๆ
แจ๊ค หม่า จึงให้ทีมการเงินของ Alibaba สร้าง Alipay บริการที่จะเป็นบริษัทนอกที่น่าเชื่อถือได้ มาจัดการเรื่องการรับฝากเงินจากผู้ซื้อในลักษณะเป็นคนกลาง และจ่ายเงินให้ผู้ขายกลังจากที่ผู้ซื้อได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว และผู้ซื้อได้ยืนยันว่าได้รับสินค้าเรียบร้อย ไม่มีปัญหาใดๆกับสินค้าที่ได้รับ
แจ๊ค หม่า ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 Minutes" ทางช่อง CBS เมื่อปี 2557 ว่า ตอนที่เริ่ม Alipay ทุกคนประณามว่าเป็นรูปแบบที่โง่ที่สุดที่พวกเขาเคยพบ และจะไม่มีใครใช้บริการนี้ และตัวแจ๊ค หม่าเอง ก็ไม่ได้สนใจว่ารูปแบบนี้จะพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ หรือมีหน้าตาสวยสดงดงาม ขอแค่ให้ใช้ได้ และช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้
และมันก็ใช้ได้ Ant Group ได้เปิดเผยในข้อมูลไฟล์ลิ่งว่า ทุกวันนี้ Alipay มีผู้ใช้รายเดือนที่ยังใช้งานอยู่ราวๆ 711 ล้านราย และมีเม็ดเงินที่รับฝากไว้17.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อชำระในอีก 12 เดือน จากข้อมูลของ eMarketer บริษัททำวิจัยด้านการตลาดได้เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ทั้งนี้ Alipay ซึ่งเป็นแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2552 มีสัดส่วนมากกว่า 55% ในตลาดการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มื้อถือในจีนในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ขณะที่คู่แข่งอย่าง WeChat และ QQ ซึ่งเป็นของ Tencent มีสัดส่วนราว 40%
แอพพลิเคชั่นAlipay ยังได้เชื่อมต่อกับผู้คนหลายล้านคนเข้ากับบริการด้านการเงินเป็นพันๆบริการ ทั้งนี้ผู้ใช้ Alipay สามารถค้นหา และเลือกผลิตภัณฑ์ประกัน ชำระเงิน รับบริการสินเชื่อ จ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน และลงทุนในตลาดเงินได้ เหมือนกับเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตทางการเงิน (Financial Supermarket)
Alipay ได้แยกบริษัทออกจาก Alibaba เมื่อปี 2554 และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Ant Group ในปี 2557 โดยแจ๊ค หม่า ซึ่งนำAlibaba เข้าเป็นบริษัทมหาชนในปี 2557 และได้กลายเป็น IPO ทำสถิติมากที่สุดในโลก ยังคงมีอำนาจควบคุม Ant ทั้งหมด
ปัจจุบัน Ant ได้ให้บริการด้านการเงินและผลิตภัณฑ์ทางการเงินจำนวนมากจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนและธุรกิจเป็นร้อยๆล้านรายทั่วจีน ผู้ใช้ Alipay สามารถใช้แอพพลิเคชั่นสั่งอาหาร สมัครบัตรเครดิต ลงทุนในตลาดการเงิน และอีกมากมาย
บริการที่ได้รับความนิยมสูงสุดบริการหนึ่งคือ Yu'e Bao ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การบริหารความมั่งคั่ง เปิดตัวในปี 2556 โดยผู้ใช้สามารถใช้เงินที่เหลือจากกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) นำมาลงทุนได้ โดยขั้นต่ำในการลงทุนคือ1 หยวน หรือ 15 เซนต์เท่านั้น
ในเวลาเพียง 6 เดือน Yu'e Bao ซึ่งหมายถึง “สมบัติที่เหลือ” มีจำนวนผู้ใช้ถึง 49 ล้านราย และจำนวนเงินฝากถึง 36.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความมั่งคั่งส่วนใหญ่จากธนาคาร กำหนดให้เงินลงทุนขั้นต่ำ 50,000 หยวน หรือ 7,300 ดอลลาร์สหรัฐ จึงทำให้ Yu'e Bao ได้รับความนิยมขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่วัยรุ่นที่เงินฝากของพวดเขามักจะไม่ได้รับความสนใจจากธนาคาร
Fitch Ratings เปิดเผยว่าในปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ Yu'e Bao ได้รับความนิยมสูงสุด สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ Yu'e Bao ขึ้นมาอยู่ที่ 1.69 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 267 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น ทำให้ทางการจีนต้องให้ Yu'e Bao ปล่อยสินทรัพย์ออกมาจากความกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านระบบ หากกองทุนเกิดล่มขึ้นอาจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของ Fitch Ratings ในเดือนมี.ค. ปีนี้ กองทุนดังกล่าวยังเป็นกองทุนตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดในจีนด้วยมูลค่า 1.26 ล้านล้านหยวน หรือ 184 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ระบบของ Alipay และ Ant ยังทำให้ประชาชนและผู้ค้ารายย่อยสามารถ กู้ยืมเงินและรับชำระเงินผ่านออนไลน์ สำหรับพนักงานและครอบครัวของเขา ทำให้พวกเขาได้มีอำนาจทางด้านเศรษฐกิจจริงๆ
จากการที่สามารถทำให้ผู้คนหลายร้อยล้านคนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆได้ Ant จึงสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีค่ามากๆในด้านพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีน
ต่างจากสหรัฐฯ จีนไม่ได้มีระบบจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่เชื่อถือได้ อย่างไรก็ตามในปี 2558 Ant ได้เปิดตัว Sesame Credit เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว โดย Sesame Credit จะเป็นคะแนนที่เชื่อถือได้ โดยที่เป็นวิธีที่ธุรกิจและผู้บริโภคประเมินความตั้งใจและความสามารถในการชำระค่าสินค้าและรับบริการต่างๆ และนี่คือระบบการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ใหญ่ที่สุดของจีน
ยังไม่หมดแค่นั้นคะแนน Sesame ยังนำมาใช้ในการหาคู่ออนไลน์ด้วย อีกทั้งยังสามารถแชร์ไปยังสื่อโซเชียลต่างๆของจีน หากผู้ใช้ต้องการโชว์กำลังซื้อของตนเอง
หากผู้ใช้รายใดมีคะแนนต่ำ ก็จะถูกปิดกั้นจากการบริการ และไม่สามารถซื้อสินค้าได้ ในปี 2558 ศาลจีนได้เริ่มมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Ant สำหรับผู้ที่มีรายชื่อไม่สามารถชำระหนี้ได้ ไม่กี่ปีต่อมา ทางสำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นสำนักข่าวของภาครัฐได้ยกย่อง Ant ที่ให้ข้อมูลดังกล่าวและสามารถลงโทษผู้ผิดนัดชำระหนี้ได้ถึง 1.2 ล้านราย ด้วยการลดคะแนน Sesame และจำกัดการซื้อผ่าน Alipay การดำเนินการดังกล่าวได้ทำให้ผู้ที่ผิดนัดชำระหนี้ 126,000 ราย หันกลับมาชำระหนี้
ช่วงต้นปีนี้ บริษัทได้เปลี่ยนชื่อจาก Ant Financial มาเป็น Ant Group เพราะว่าบริษัทได้ทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่เป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีให้แก่บริษัทการเงินอื่นๆ
ในอดีต Ant ได้ให้บริการสินเชื่อ การลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ประกันโดยตรงแก่ผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ Ant ได้เปลี่ยนตนเองมาเป็นแพลตฟอร์ม และเก็บค่าบริการจากธนาคารและบริษัทประกันภัยเพื่อเชื่อมต่อพวกเขากับลูกค้า
ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มการให้กู้ยืม ซึ่งเป็นบริการ “3-1-0” นั่นคือ ใช้เวลาสมัคร 3 นาที ใช้เวลา 1 วินาทีในการให้สินเชื่อ และไม่มีคนในกระบวนการตัดสินใจ
"การดำเนินการดังกล่าวทำให้ Ant ไม่ต้องเป็นบริษัทที่มาแทนที่บริษัททางการเงินหลัก ทำให้ Ant กลับมาทำธุรกิจเดิมที่เน้นด้านเทคโนโลยีที่ใช้ต้นทุนน้อย
Ant ได้เปิดตัว Bangnitou ให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนโดยใช้ AI ผ่านบริษัทร่วมลงทุนกับ Vanguard โดยชื่อ Bangnitou หมายถึง ช่วยคุณในการลงทุน ได้นำอัลกอริธึ่มส์มาช่วยจัดสรรพอร์ทการลงทุนให้ในรูปแบบอัตโนมัติ ขั้นต่ำในการลงทุนคือ 800 หยวน หรือ 118 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เปิดตัวเมื่อเดือนเม.ย. หรือสามเดือนเศษ Bangnitou ได้ดึงดูดลูกค้าใหม่เข้ามา 200,000 ราย
EP ที่เกี่ยวข้อง https://www.blockdit.com/articles/5f267b98fdbf9d0cc6aa81db

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา