ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ความรัก”
เราอาจลองสังเกตจากธรรมชาติรอบตัว
เช่น ต้นไม้และผืนดิน
“ต้นไม้ให้ร่มเงา ผืนดินเป็นรากฐาน”
หากผืนดินปราศจากต้นไม้ ก็อาจโดนแสงแดดแผดเผาจนแห้งแตก
หากต้นไม้ปราศจากผืนดิน ก็มิอาจมีพื้นที่สำหรับเติบโตงอกงาม
ทั้งสองสิ่งนี้จึงเป็นเหมือนเพื่อนที่เคียงข้างกัน
มอบคุณประโยชน์ให้กันและกัน
โดยไม่มีการขู่เข็ญ และบีบบังคับ
“เป็นการพึ่งพาอาศัย…ไม่ยึดติดครอบครองกันและกัน”
นั่นหมายถึงแต่ละสิ่งดำรงอยู่อย่างเป็นอิสระจากกัน
“เคียงข้างกันตามจังหวะของชีวิต”
ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขตายตัวเพื่อครอบงำอีกฝ่าย
ไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้าของและคอยบงการอีกฝ่าย
“การครอบงำล่วงเกิน…จึงไม่ได้เป็นสภาวะของความรัก”