21 ต.ค. 2020 เวลา 10:38 • การศึกษา
เมื่อเราล่วงเกินตนเอง...ความทุกข์จึงมาเยือน
“เมื่อใดก็ตามที่เราทำบางสิ่งเกินเลยกับกายใจ” ความทุกข์จะส่งสัญญาณเตือน เพื่อให้เรากลับมาสังเกตสิ่งผิดปกติในชีวิต
ครั้งหนึ่ง
เมื่อตอนที่ผมยังเรียนปริญญาโท
(ช่วงใกล้จบ…มัวแต่ปั่นตัวจบจนโดนอาการปวดหลังเล่นงาน ฮ่าา)
ได้มีโอกาสสัมผัสกับการเรียนรู้นอกห้องเรียน
“เรียนรู้ท่ามกลางธรรมชาติ”
อาจารย์ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสอนจิตวิทยา
ซึ่งเป็นการพูดคุยกับลูกศิษย์เชิงหยอกล้อ
(และมีความท้าทายไปในตัว5555)
โดยอาจารย์ได้ตั้งปริศนาไว้ว่า
“ถ้าเอ็งตอบได้ว่าต้นกล้วย กับ คน เหมือนกันยังไง….
อาจารย์จะเซ็นใบอนุมัติจบให้เอ็งเลย”
เมื่อจบสิ้นปริศนาที่อาจารย์หยิบมาเล่า
เล่นเอาพวกเรา “งง”
เพราะต้นกล้วย กับ คน มันจะไปเหมือนกันได้ยังไงล่ะจารย์!!!
(เหมือนพวกเราและตัวผมคงคิดดังไป 5555)
อาจารย์จึงเฉลยปริศนาเรื่องนี้ว่า
“ต้นกล้วย กับ คน”
มีจุดที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ
“ไม่มีสิ่งไหนดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง”
เมื่อมีลูกศิษย์ ก็มีอาจารย์
เมื่อมีผู้ฟัง ก็มีผู้พูด
“ถ้าพูดอยู่คนเดียว และไม่มีพวกเอ็งมานั่งฟังแบบนี้ อาจารย์ก็บ้าไปแล้วสิโว้ยยย”
ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ คน สัตว์ สิ่งของ หรือ สิ่งก่อสร้างใด ๆ
ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งอื่นจึงจะดำรงอยู่ได้
เช่น
-ต้นไม้ต้องพึ่งพาอากาศ น้ำ แสงแดด สายลม ผืนดิน แร่ธาตุ
-คนต้องพึ่งพาอาหาร ธรรมชาติ คนดูแลเลี้ยงดู สังคม โลกรอบตัว
“ทุกสิ่งที่เอื้อเฟื้อให้มีชีวิตอยู่”
กระบวนการพึ่งพาอาศัย และเอื้อเฟื้อเกื้อกูลเช่นนี้
จะพบกับความติดขัดทันที
“หากเราเผลอเข้าไปบีบคั้นและทำตัวเป็นเจ้าของ”
เหตุการณ์ในชีวิตช่วงนี้
ทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่อาจารย์พูดถึงการพึ่งพาอาศัยกัน
เมื่อใดก็ตามที่เราเผลอไปบีบคั้นครอบงำคนอื่น
“ไม่ช้าก็เร็ว…เราก็จะทะเลาะและแตกหักกับผู้อื่น”
หรือแม้กระทั่งเราเผลอหักโหมและกดดันตัวเอง
“ไม่ช้าก็เร็ว…ร่างกายและจิตใจของเราก็จะป่วยเอา”
ผมจึงขอนำเรื่องราวของความทุกข์
ซึ่งเกิดขึ้นในกายใจของเรา
มาเขียนเป็นบทความในครั้งนี้ครับ ^^
เราไม่สามารถควบคุมบงการทุกอย่างได้
แต่เราสามารถอยู่กับความผันแปรเหล่านี้อย่างเข้าใจ
ผ่านการสังเกตอย่างละเอียดอ่อน
“เพื่อปรับตัวให้กลมกลืนกับความเปลี่ยนแปลง”
ความทุกข์ในชีวิตจะเกิดขึ้นทันที
เมื่อเราเผลอไปเชื่อว่า
“ตนเองจะควบคุมทุกอย่างได้ดั่งใจ”
เช่น
-ทุกสิ่งต้องเป็นไปตามที่คิด
-ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผน
-ชีวิตต้องมีแต่ความสมบูรณ์แบบ
-ทุกคนต้องรักและยอมรับ
ซึ่งความเข้าใจเช่นนี้
“เป็นการสร้างความสัมพันธ์อย่างล่วงเกิน”
ทั้งการล่วงเกินผู้อื่น และ การล่วงเกินตัวเอง
“ผลจากความล่วงเกิน…จะนำไปสู่ความทุกข์”
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร
ว่า เรากำลังเอื้อเฟื้อเกื้อกูล
หรือ เรากำลังล่วงเกิน
มีข้อสังเกตหนึ่ง
ที่เราสามารถถามตัวเองได้ คือ
“เรากำลังล้ำเส้นอยู่หรือไม่”
เช่น
-เรากำลังพยายามครอบงำคนอื่นรึเปล่า
-เรากำลังบังคับให้คนอื่นคิดเหมือนตนเองแค่ไหน
-เรากำลังฝืนตัวเองมากเกินไปหรือไม่
-เรากำลังโหดร้ายกับชีวิตตนเองเพียงใด
ข้อสังเกตเหล่านี้
จะช่วยให้เรากลับมาตั้งหลักชีวิต
และหันกลับมามองการกระทำของตนเองอย่างรอบด้านมากขึ้น
หากเราเผลอใช้ร่างกายอย่างหนัก
หักโหมไม่ยอมหยุดพัก
“เวลากินไม่กิน…เวลานอนไม่นอน”
ร่างกายจึงมักส่งสัญญาณเล็ก ๆ น้อย ๆ
ทั้งความหิว ความง่วง ความมึนงง ความเหนื่อยล้า
“สะสมไปทีละน้อย”
และหากเรายังไม่ยอมหยุดซ้ำเติมตัวเอง
สัญญาณเตือนก็มักจะรุนแรงยิ่งขึ้น
จนลุกลามไปสู่โรคต่าง ๆ และความเจ็บป่วยในที่สุด
หากเป็นเรื่องของสัมพันธภาพ
ซึ่งเราได้ล่วงเกินผู้อื่น
ทั้งการคิดแทน พยายามกดดัน ครอบงำ บีบบังคับ
“สร้างความตึงเครียด”
รอยร้าวในสัมพันธภาพจะเกิดขึ้น
ผ่านการโต้เถียง การเงียบใส่กัน
การประชดประชัน การต่อต้าน
และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นแตกหัก
เมื่อกลับมามองที่จิตใจ
หากเราใช้ชีวิตโดยขาดความใส่ใจ ขาดความรู้ตัว
ปล่อยให้ตนเองถูกความคิด และอารมณ์ครอบงำเอาง่าย ๆ
และไม่ยอมทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตอย่างถูกต้อง
โดยมัวแต่คาดหวังไปกับทุกสิ่ง
หวังผลไปกับทุกอย่าง
เรียกร้องเอาแต่ใจ
“โดยใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง”
ความไม่สงบในจิตใจจะเกิดขึ้นตามมา
ทั้งความผิดหวัง ความกดดัน ความเครียด
ความเศร้า ความเบื่อหน่าย
“จะกัดกินหัวใจของเราทีละน้อย”
ภาวะเหล่านี้จึงเป็นการล่วงเกินต่อจิตใจตัวเอง
โดยเป็นการปล่อยใจให้จมอยู่กับอดีต และล่องลอยไปยังอนาคต
“ไม่อยู่กับปัจจุบัน”
ปิดกั้นโอกาสในการทำความเข้าใจความจริง
สำหรับการปรับตัวให้เหมาะกับฤดูกาลของชีวิต
และหากเรายังไม่ยอมหยุดโหดร้ายกับหัวใจตนเอง
ในท้ายที่สุด
“จิตใจของเราจะถูกเสียบแทงด้วยความป่วยไข้”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา