17 พ.ย. 2020 เวลา 08:10 • ปรัชญา
๓.เค้าขวัญวรรณกรรม (มหากาพย์กับมนุษย์)
มหากาพย์ในโลกเท่าที่นักศึกษาหรือผู้สนใจในแง่นี้ด้านนี้คุ้นเคยมีอยู่ ๔ มหากาพย์ด้วยกัน
กิลกาเมศนั้นผมว่าแม้แต่นักการศึกษาด้านนี้ก็ไม่คุ้น เพราะมันโบราณมาก ทางซีกโลกตะวันออกคือ รามายณะ ที่แพร่หลายและคุ้นเคยที่สุดโดยเฉพาะชาวอินเดียนั้นถือเป็นยอดขวัญทีเดียว
รามายณะแพร่หลายสู่ประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชีย ถูกดัดแปลงเป็นรามเกียรติ์ หรือทางลาวก็มี เขมรก็มี อินโดนีเซียก็มี แต่ว่าแต่ละรามเกียรติ์และรามายณะของแต่ละชุมชนนั้นถูกปรับแปลง ทั้งชื่อตัวละครก็ต่างมีเสียงเพี้ยนไป ต่าง ๆ เป็นธรรมดา
เช่นแต่เดิมนั้น นางสีดานั้นชื่อ สีตา ไม่ถนัดลิ้นถนัดปากคนไทย กลายเป็นสีดาไป ทางชวา, อินโดนีเซียที่ถนัดปาก สีดาก็กลายเป็น ซินตา ไป
เรื่องที่สองคือ มหาภารตยุทธ์ ออกเสียงแบบชาวอินเดียก็เป็นมหาภารัต ภารตะคำนี้ก็คือคำว่า Brother “ภารตยุทธ์” แปลว่ายุทธ์ของพี่น้อง อีกภารตะเป็นชื่อของน้องชายต่างมารดาของพระราม รามเกียรติ์เราเรียกพระพรต เสียงและความหมายเพี้ยนไป
อีก ๒ เรื่องของซีกโลกตะวันตกที่รู้จักกันดีคือ โอดิสซีกับอีเลียดของโฮเมอร์ ๒ เรื่องนี้เชื่อมโยงกัน เป็นวีรชนคนเดียวแต่มี ๒ ภาค
อีเลียดเป็นเรื่องที่เราคุ้น ภาพยนตร์หลายเรื่องและหลายครั้งที่นำเสนอเรื่องนี้ เฮเลน ออฟ ทรอย ในเรื่องเจ้าชายปารีสไปแย่งชิงภรรยาของกษัตริย์สปาร์ตาไปไว้ที่กรุงทรอย นางชื่อเฮเลน ต่อมาอกาเมมนอน กษัตริย์แห่งสปาร์ตาก็กรีธาทัพมาช่วงชิงเอาภรรยาคืน รบกันถึง ๑๐ ปีเศษ และโดยการช่วยเหลือของยอดนักรบอย่างโอดิสซีที่สุดจึงประสบชัยชนะ
มีการแต่งม้าไม้ลวงล่อกลสารพัด โครงสร้างคล้ายรามเกียรติ์มาก ทศกัณฐ์ลักนางสีดาไปไว้ที่กรุงลงกา พระรามก็ต้องเกณฑ์พลลิงพลหมีไป ทำยุทธนาการกันนาน ๑๔ ปี
อีเลียดนั้นสืบทอดมาว่า เมื่อโอดิสซูสเสร็จศึกที่กรุงทรอยก็เดินทางกลับบ้านเกิด ก็กลายเป็นอีกท่อนหนึ่งคือโอดิสซี
ผ่านอุปสรรคนานัปการเช่นพบยักษ์ตาเดียว ไซคลอป จอมพลังดิบเถื่อน บุตรของเทพโพไซดอน พลังฝ่ายลบ
อสูรตาเดียวนี้ชอบกินเหล้าองุ่น ถ้าเราเป็นชาวพุทธชอบตีความแบบพุทธ ก็ว่านี่น่าจะหมายถึงกามสุขหรือกามบริโภคหรือเปล่า
ตาเดียวหมายถึงว่า มันมุ่งไปทางเดียวไม่มีความลึกซึ้งอะไร อันนี้เราคิดเล่น แต่อย่าเพิ่งสรุป เพราะเราต้องเห็นโครงสร้างทั้งหมดก่อน โครงสร้างสำคัญกว่ารายละเอียด
เสร็จจากการฆ่ายักษ์ตาเดียวแล้ว โอดิสซูสและคณะก็ผจญวังน้ำวน ชาริปดิช ต่อมาปีศาจไซเรน คือเสียงที่โอดิสซูสได้ยินในท้องทะเลตอนกลับบ้าน เสียงหวาดเสียวสยดสยอง โอดิสซูสต้องใช้ชี้ผึ้งอุดหูจึงผ่านอุปสรรคที่ร้ายกาจอันนั้นได้
ปีศาจจะหมายถึงกิเลส อุปสรรคร้ายแรงอะไรบางอย่างในชีวิตก็ได้ ซึ่งสะท้อนประสบการณ์ในช่วงการเดินทาง
ถัดมาเจอเซอร์ซี, พรายสมุทร ซิลลา จนกระทั่งครั้งสุดท้ายก็ลุมาตุภูมิ ซึ่งขณะนั้นผู้ทรยศกำลังยึดครอง โอดิสซูสต้องลั่นธนูสังหารเพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเอง และความเป็นเจ้าของ เขายิงธนูลอดบ่วงซึ่งไปซ้ำซ้อนกับเรื่องอรชุน ยิงธนูชิงทรุปติในมหาภารตยุทธ์
ความซ้ำซ้อนอันนี้เองที่ต้องคิดว่ามันใช่อันเดียวกัน หรือว่ามันเป็นเพียงความคล้ายคลึงกัน ตีได้ ๒ นัย คืออันเดียวกัน แต่ว่ากาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงให้แตกต่างกัน หรือไม่เป็นอันเดียวกัน แต่ตรงกันเพราะเป็นประสบการณ์ชีวิตเหมือนกัน การเดินทางที่ลุ่มลึกในตัวเองน่าจะไม่มีอะไรแตกต่างกันในด้านโครงสร้างแต่จะต่างกันในรายละเอียดเท่านั้น
ภาพ: อินเทอร์เน็ต
ก้าวย่างที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือวิวัฒนาการของภาษา กล่าวอีกแง่หนึ่งก็คือ ประดิษฐกรรมที่มีประสิทธิภาพร้ายแรงที่สุดของมนุษย์ก็คือภาษา
ว่าก่อนหน้าที่มนุษย์จะมีภาษาเขียนและระเบียบสังคมนั้น อารยธรรมยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อคนหนึ่งสื่อคนหนึ่งได้ ก็เกิดการถ่ายทอดอารมณ์รู้สึกภายใน เกิดการสร้างสรรค์คนหนึ่งได้ ก็เกิดการถ่ายทอดอารมณ์รู้สึกภายใน เกิดการสร้างสรรค์รากฐานของอารยธรรม
คงไม่ต้องย้อนลึกไปสู่ครั้งดึกดำบรรพ์ แต่ว่าพูดง่าย ๆ ว่าเมื่อเผ่าพันธุ์ที่วิวัฒน์มาเป็นมนุษย์ ปลดปล่อยขาคู่หน้าให้กลายเป็นมือ ยืดสันหลังตรงแล้ว เขาสามารถจับต้องสิ่งของได้ การขว้างปาก็เกิดขึ้น คณิตศาสตร์ก็เกิดขึ้น คะเนทำซ้ำ ๆ แล้วก็เกิดแตกตัวไปเรื่อย ๆ มีการจดจารบันทึกได้เมื่อมีมือ โดยการขีดอักษรที่เรียกว่า คูนิฟอร์ม ครั้งโบราณ หรือเฮียโรกริฟฟิคของอียิปต์ก็ตาม เกิดจากการที่มือมันอิสระจากการค้ำตัว ถ้ายังค้ำตัวอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นภาษาก็กลายเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการอย่างหนึ่ง มนุษย์เราทุกวันนี้ก็คิดด้วยภาษาของเรา จะสังเกตได้ เวลาเราเดินทางไปต่างประเทศเข้าใกล้ฝรั่งก็เริ่มคิดเป็นภาษาฝรั่งอังกฤษ อยู่บ้านก็คิดเป็นไทย คิดตามภาษาความคิดและความจำคือพลังจินตนาการ และภาษาทั้งภาษาพูด, เขียน และภาษาสัญลักษณ์นั่นเองที่นำพลังจินตนาการแผ่ไปลึกกว้างไกลจนปัจจุบันนี้
มนุษย์สามารถสืบค้นที่มาของจักรวาลได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยังสามารถจินตนาการบนรากฐานเหตุผล ไม่ใช่จินตนาการล้วน ๆ หรือมนุษย์อาจจะพยากรณ์เหตุการณ์ของโลกหรือจักรวาลไปข้างหน้า ถึงวันโลกดับด้วยศิลปะแห่งการคิดอิงเหตุผล หรือแม้แต่ด้วยการตั้งข้อสันนิษฐาน
พลังจินตนาการของมนุษย์นั้นแรงกล้า พลังความสามารถอันนี้เองที่แยกเผ่าพันธุ์มนุษย์ออกจากสัตว์อื่น อันเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำโศกนาฏกรรมมาสู่ทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์เอง และสรรพสัตว์ร่วมโลก ในห้วงเวลาของการลืมตัวและกำเริบเสิบสานของมานะทิฏฐิของมนุษย์ อันเป็นแหล่งที่มาของสัญลักษณ์ในปกรณัมและมหากาพย์
ภยันตรายจากมนุษย์ในทุกวันนี้ คือการทำลายเผ่าพันธุ์สัตว์ลงอย่างน่าใจหาย เป็นไปได้ทีเดียวว่า แม้มนุษย์ก็จะอยู่ไม่ได้
โดยหลักธรรมของพุทธศาสนาที่ว่าสรรพสิ่งอิงกันเกิด เมื่ออันหนึ่งล้มมันจะล้มตามกัน
สิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนเวทีโลก เวทีของจิตใจโลก จิตใจของมนุษย์ในโลกก็คือ ตรงกลางของพลังจินตนาการอันแรงกล้า ก็มีตัวอหังการ์ (Ego) เกิดขึ้น สัตว์เขาก็มี แต่ว่าอยู่ในระดับสัญชาตญาณ อย่างแม่ไก่ปกป้องลูกจากอันตรายด้วยชีวิต เขาก็สู้แต่ดูเหมือนเขาไม่มียศศักดิ์ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีอะไรมากมายนัก
เราไม่ค่อยเห็นนกตรอมใจตายหรือน้อยใจคนอื่น แล้วก็ประท้วง ไม่เคยเห็น แต่ในหมู่มนุษย์มีตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในชีวิต แล้วแผ่ขยายบนเวทีการเมืองและของสถานการณ์ในโลก คืออหังการ์ การทำความรู้สึกหมายมั่นว่าตัวข้าและของข้า ในขณะที่สัตว์ทำได้น้อยมาก ทำได้ในระดับสัญชาตญาณเท่านั้น เช่นงูจะหวงไข่ แต่ถ้าเขาไม่มีไข่ เขาก็ไม่มีเรื่องต้องมีศักดิ์ศรีมีหน้ามีตาอะไร แต่มนุษย์ไม่อย่างนั้น
จากอหังการ์นี่เองค่อย ๆ ก่อหวอดขึ้นเป็นวิกฤตการณ์ อหังการ์ของชาติ ชั้น มีตัวตนของชาติ ชั้น วรรณะ กระทั่งของค่ายซีกโลก อหังการ์นี้เองได้ถูกชูขึ้นเป็นประเด็นหลักในรามายณะ คือตัวทศกัณฐ์ ว่าเป็นปัญหาของสันติสุขของโลก
เราจะเห็นว่าบทบาทของทศกัณฑ์คือบทบาทของอหังการ์ เราไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งสิ้น
บทสนทนาอาจารย์เขมานันทะ (โกวิท อเนกชัย) กับสหายวัยเยาว์
ขอบคุณภาพ: อินเทอร์เน็ต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา