26 ม.ค. 2021 เวลา 00:48 • หนังสือ
สรุปหนังสือ The Power Of Output (Series 2/3)
ผู้เขียน ชิออน คาบาซาวะ
มาต่อกันที่สรุปส่วนที่ 2 ของหนังสือ The power of output กันค่ะ
Series นี้เราจะพูดถึงหัวข้อใหญ่ ที่สำคัญไม่แพ้กันกับ Series ก่อนหน้า ได้แก่
1. The Magic 3 (อยู่ใน Series 1 )
2. The miracle of happy hormones ***
3. The body secrets
สำหรับเพื่อน ๆ ที่หลงเข้ามาอ่านบทความนี้ แล้วอยากย้อนไปอ่าน Series แรก "The magic 3 " อยู่ที่ลิงค์นี้ค่ะ
==========
ศิลปะของการปล่อยของ (เปลี่ยนโลกจริงให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ผ่านหลักคิด พูด เขียน ทำ)
## The miracle of happy hormones (Series 2)
มาทำความรู้จักกับคำว่าโด๊ส หรือ D.O.S.E
ที่เป็นตัวย่อใช้เรียกฮอร์โมนแห่งความสุขกันค่ะ
D = Dopamine สารแห่งความสุข →เพิ่มแรงบันดาลใจ สมาธิ และการจดจำดีขึ้น
O = Oxytocin สารแห่งการผ่อนคลาย → เกิดความรักใคร่ อ่อนโยน เชื่อใจกัน
S = Serotonin สารแห่งความสงบ → ผ่อนคลาย ลดการตื่นเต้น เกิดความเห็นอกเห็นใจ
E = Endophine สารเสพติดในสมอง → สารแห่งความสุขขั้นสูงสุด คล้ายโดพามีน (Dopamine) ช่วยให้เคลิบเคลิ้ม สบายใจ มีสมาธิมากขึ้น
Happy hormones ทั้ง 4 ตัวนี้จะออกมาทำงานไม่พร้อมกัน อย่าง Oxytocin จะออกมาเมื่อกล้ามเนื้อเรามีการบีบรัด เช่น เวลาแม่ให้นมลูกฮอร์โมนตัวนี้ก็จะถูกปล่อยออกมา เกิดเป็นแววตาแห่งความรักใคร่ของแม่ที่มีต่อทารก หรือ เพื่อนบางคนก่อนขึ้นเวทีจะตื่นเต้นสุด ๆ เรียกว่าหัวใจแทบจะกระโดดออกมานอกร่างให้ได้ ถ้าเราเดินเข้าไปกอดปลอบ จะช่วยลดความกังวลลงไปได้ค่ะ เพราะการกอดคือการกระตุ้น Oxytocin ในร่างกายเพื่อน ทำให้รู้สึกสงบผ่อนคลายมากขึ้น
แล้วถ้าอยากให้ออกมาพร้อมกัน 4 ตัวเลยหล่ะมีวิธีมั้ย ?? 
คำตอบคือมีค่ะ
ตามหลักประสาทวิทยาศาสตร์ 
นอกจากการ " ขอบคุณ " แล้ว ยังไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เกิดการหลั่งสารเคมีในสมองทั้ง 4 ชนิดออกมาพร้อมกันได้
มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ที่สรุปออกมาว่า การพูดขอบคุณบ่อย ๆ สามารถทำให้คนมีอายุขัยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 9.4 ปี โอววว อายุยืนขึ้นได้เลยค่ะ แค่พูดขอบคุณบ่อย ๆ งั้นเรามาเริ่มสร้าง Output ที่ง่ายที่สุดด้วยวิธีนี้กันค่ะ
===========
## Eye contact
การสื่อสารผ่านแววตา…ทำให้เกิดการหลั่งสารโดพามีน เรื่องนี้มีงานวิจัยออกมาจากมหาวิทยาลัยคาทอลิก ลูเว่น ประเทศเบลเยี่ยม ที่ทำการทดลองโดยให้คนกลุ่มหนึ่งดูรูปถ่ายที่มีและไม่มี Eye contact แล้วทำการวัดระดับฮอร์โมนโดพามีน ผลปรากฏว่าภาพที่มี Eye contact ให้ระดับฮอร์โมนที่สูงกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนมีความสุขมากกว่าหากการพูดคุยจะได้มองเห็นแววตาซึ่งกันและกัน ก็สมกับประโยคที่ว่า "ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ" เนอะ เพราะแค่สบตาบางทีไม่ต้องพูด ก็สื่อได้เป็นล้านคำแล้ว
==========
## Rewarding system
เพื่อน ๆ เคยลงแข่งวิ่งมินิมาราธอนกันมั้ยคะ?? เรายังจำความรู้สึกของการรับเหรียญ 10K ครั้งแรกได้ดีเลยค่ะ มันมีความรู้สึกตัวลอย โล่งอกโล่งใจ พร้อม ๆ กับที่อยากจะตะโกนดัง ๆ ว่า "ทำได้แล้ววว!!" นี่คือช่วงเวลาที่ร่างกายหลั่งโดพามีนออกมาค่ะ สารแห่งความสุขและช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะมีความสบายกายสบายใจ หลังจากทำอะไรที่ท้าทายกับตัวเอง พร้อม ๆ กับจะมีแรงบันดาลใจ ฮึดสู้ ที่จะไปสู่ความท้าทายที่มากกว่าเดิม เช่น "ฉันจะขยับไปฮาล์ฟละนะ"
การเอาชนะความท้าทาย "เล็กๆ" จึงเป็นเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดี ให้เรากล้าก้าวต่อไปอีกเรื่อย ๆ จนในที่สุดสิ่งที่ทำก็จะกลายเป็นความต่อเนื่องในที่สุด
==========
## Fun Fun Fun
ความสนุก…ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการหลั่งโดพามีนออกมา และมันมีผลให้สมองเหยียบคันเร่งแห่งความจำและความต้องการจะทำสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่องขึ้นด้วย
แต่ความไม่ชอบ!! และการกล้ำกลืนฝืนทนทำสิ่งหนึ่ง จะให้ผลตรงกันข้ามกับความสนุก เพราะมันไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อว่า "คอร์ติซอล (Cortisol) " ซึ่งมีผลต่อระบบความจำของเรา
คอร์ติซอล เป็นเหมือนยาสั่งให้ลืมความเจ็บปวด !!
ดังนั้นถ้าทำอะไรแล้วบ่นว่าเบื่อ ไม่สนุก ก็เหมือนเรากำลังเหยียบเบรคความจำด้วยการสั่งให้คอร์ติซอลออกมาทำงาน ยิ่งฮอร์โมนความเครียดตัวน้ีสูงขึ้นเท่าไหร่ ฮิปโปแคมปัสที่ใช้ในการจดจำก็จะยิ่งฝ่อลงเท่านั้น (เซลล์สมองตาย) คุณคาบาซาวะบอกว่า " ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องหาจุดที่ตัวเองรู้สึกสนุกกับมันให้เจอ แล้วสมองจะจำได้ดีขึ้น "
==========
## Smile
การขอบคุณทำให้เกิดการหลั่งสารแห่งความสุขพร้อมกันทั้ง 4 ตัว แต่การยิ้มก็ไม่น้อยหน้าการขอบคุณค่ะ
แค่….ยิ้มมมมม ^^ ก็ทำให้เกิดการหลั่งสารแห่งความสุขได้ถึง 3 ใน 4 ตัวแล้ว
มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่ทดลองให้คนยิ้มสลับกับทำสีหน้าหวาดกลัว ผลปรากฏว่า "ความรู้สึกของคนเราจะเกิดขึ้นตามการแสดงสีหน้า" เช่น เมื่อทำหน้าหวาดกลัว พวกเค้าก็จะเริ่มกลัวจริง ๆ แต่เพียงแค่เปลี่ยนกลับมาเป็นหน้ายิ้ม ความตื่นกลัวก็จะคลายลงและรู้สึกมีความสุขขึ้นภายใน 10 วินาที เพราะการยิ้มมีผลต่อสารเคมีในสมอง 3 ตัวได้แก่ โดพามีน เซโรโตนิน และเอนดอร์ฟิน รอยยิ้มของเราจึงเหมือนเป็นยาคลายเครียดชั้นดี
อาจจะฟังดูยากสำหรับใครหลายคนนะคะ ที่อยู่ ๆ จะเผยรอยยิ้มออกมา แต่เรื่องนี้คุณคาบาซาวะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนค่ะ ถ้ายังไม่มีใครที่เราอยากยิ้มด้วย ก็ลองมองกระจกแล้วฝึกยิ้มให้ตัวเองทุกเช้าค่ะ ยิ้มมมมวันละนิด จิตแจ่มใส ^^
==========
## Exercise
คิดว่าหัวข้อนี้ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี ว่าการออกกำลังทำให้ร่างกายหลั่งเอนดอร์ฟินออกมา เราถึงรู้สึกดีมาก ๆ หลังเหงื่อออก แต่…เราอยากบอกว่ามันมีอีกหนึ่งความลับค่ะ
คือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มันช่วยให้ BDNF หลั่งออกมามากขึ้น ซึ่งเจ้า BDNF (Brain-derived neurotrophic factor) มันเป็นสารตัวนึงที่ไปมีผลทำให้เกิดการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ในส่วนความจำที่มีชื่อว่า "ฮิปโปแคมปัส" ค่ะ สรุปสั้น ๆ คือ ถ้าเราออกกำลังแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่งหรือปั่นจักรยาน นอกจากร่างกายจะแข็งแรงและมีความสุขแล้ว สมองเราก็จะพัฒนาเพิ่มขึ้นด้วย…คือ หัวดีขึ้นนั่นเอง
==========
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากบอกว่า…เหลืออีกหนึ่ง Series สุดท้ายนะคะ^^
เป็นเรื่องความลับของร่ายกายเรากับการจดจำค่ะ ถ้ายังไงรออ่านได้ใน Series ถัดไปค่ะ
ด้วยความปรารถนาดี
The Wisdom Diary
ฝากติดตามต่อได้ที่
Medium
References
ข้อมูลหนังสือ
The Power Of Output ศิลปะของการปล่อยของ (เปลี่ยนโลกจริงให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ผ่านหลักคิด พูด เขียน ทำ): ชิออน คาบาซาวะ สำนักพิมพ์: we learn จำนวนหน้า: 340 หน้า ปกอ่อน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา