2 เม.ย. 2021 เวลา 09:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🐂ความผิดพลาดของนักลงทุนที่มักเกิดในช่วงตลาดกระทิง🐂
ตลาดหุ้นบ้านเรา SET ตั้งแต่วันเดียวกันของปีที่แล้ว ได้เดินทางจากจุดที่เลือดนองเต็มตลาด ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาเสี่ยง และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าเล่นหุ้นเลย เพราะจะขาดทุนหนัก
1
จนมาถึงจุดที่นักลงทุนต่างๆ แม้กระทั้งนักลงทุนที่ไม่เคยให้ความสนใจกับมัน ต่างพากันนำเงินของพวกเขามาซื้อ - ขายกันอย่างคึกคัก จนทำให้ SET ได้ไต่จากเหวตั้งแต่ในวันที่เลือดนองเต็มตลาดขึ้นมาเรื่อย ๆ บางวันบวก 10 จุด บ้าง บางวันบวกไป 20 จุดบ้าง จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือช่วงตลาดกระทิง
ไม่ว่านักลงทุนจะซื้อหุ้นตัวไหนหุ้นตัวนั้นก็ขึ้น ได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม จนอาจทำให้มองข้ามความผิดพลาดบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยงในการลงทุนไป สุดท้ายต้องจบด้วยการ “ขาดทุน”
หากคุณไม่อยากเป็นคนที่เริ่มต้นดี แต่จบไม่สวยลองมาอ่านบทความนี้กันครับ
1. ทุ่มเงินหมดหน้าตักจนไม่เหลือเงินไว้ช้อนซื้อตอนที่มันตกอีกครั้ง
ตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาย่อมทำให้นักลงทุน ตื่นเต้นไปกับผลกำไร ที่ทำได้ โดยเฉพาะคนที่เคยย่ำแย่มาจากการขาดทุนหนักก่อนหน้า ทำให้มีความอยาก "เอาคืนทั้งต้นทั้งดอก"
นักลงทุนจึงซื้อหุ้นอย่างรวดเร็ว จนเงินหมดหน้าตัก เพราะกลัวตกรถ
🌟แต่โดยปกติแล้ว "ภาวะตลาดกระทิง มีความผันผวนสูง ถ้าหุ้นบวกขึ้นมาแรง ก็มีโอกาสที่จะตกลงมาแรงเช่นกัน"
👍ดังนั้นจึงควรมีเงินไว้รอจังหวะซื้อ เมื่อหุ้นลงมาอีกรอบ จะเห็นในช่วงปลายเดือนตุลา 63 ที่กระทิงสะดุดตอไม้ (มีการชุมนุมทางการเมืองอย่างดุเดือด) SET ได้ย่อลงมารับสำหรับคนที่เข้าในช่วงที่ SET ทำจุดต่ำสุดไม่ทัน ถ้าคุณซื้อหุ้นหมดหน้าตักก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่เดือนก็พลาดโอกาสที่จะได้หุ้นที่ถูกกว่าแล้ว
ช่วงนี้มีหุ้นดีหลายตัวราคาย่อลงมาเท่ากับราคาช่วงที่ SET ถล่ม 9XX จุด
2. ซื้อกระจุกอยู่ไม่กี่ตัว
เมื่อเห็นว่าตลาดกำลังเป็นขาขึ้น จึงทุ่มเงินทั้งหมด ลงไปในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง หรือในกลุ่มอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เพื่อหวังผลตอบแทนสูงๆ
แต่เจ้ากรรมหุ้นที่ซื้อกลับไม่วิ่งขึ้นตามหุ้นตัวอื่นซะนี่ กลับกลายเป็นว่าเรามีโอกาสได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากตลาดหุ้นช่วงขาขึ้น แต่ดันแทบไม่ได้อะไรเลย เพราะวิธีการซื้อหุ้นที่ผิดพลาด
🌟ดังนั้นเราจึงควร กระจายความเสี่ยง โดยอาจจะเลือกหุ้นซัก 5-10 ตัว (มากน้อยพิจารณาตามสมควร) และแต่ละตัวควรอยู่กลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันครับ
🤔Peter Lynch นักลงทุนชื่อดังกล่าวว่า ถ้าหุ้นเพียงแค่ 1 ตัว ใน 10 ตัวของคุณทำกำไรให้คุณจากการถือระยะยาวเป็น 10 เด้ง (1,000%) การลงทุนของคุณก็ประสบความสำเร็จแล้ว
ตัวอย่างการคิดปรับพอร์ต
3. ไม่ทำตามแผนการลงทุนของตัวเอง
การยึดมั่นตามแผนการลงทุนถือเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง เมื่อก่อนที่เราจะซื้อหุ้นเราได้วิเคราะห์แล้วว่าหุ้นตัวนี้เป็นบริษัทที่ดี มีอนาคตไกล ควรปล่อยให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ และนั่งทับมือตัวเองไว้ ไม่ให้มือที่ซุกซนของเราขายหุ้นก่อนเวลาอันควร🙌
นักลงทุนบางคน โดยเฉพาะหน้าใหม่ชอบนั่งเฝ้าหน้าจอดูหุ้นตลอดเวลา เมื่อเห็นหุ้นที่ซื้อราคาขึ้นเขียวก็กังวลว่าขายดีมั้ยกลัวมันลงเดี๋ยวไม่ได้กำไร เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่แปลงแปลงตลอดเวลา จิตใจเราก็จะกังวล ดังนั้นเราไม่ควรเฝ้าหน้าจอทั้งวันครับ เพราะอาจจะทำให้เรากังวล และไม่ทำตามแผนที่วางไว้แต่แรกจึงตัดสินใจ "ขายหมู🐷" ไป
4. ไม่ทำการบ้าน
👉ในตลาดที่เป็นภาวะกระทิงนั้นไม่ได้คงอยู่กับเราถาวรตลอดไป และพื้นฐานของบริษัทนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
1
✨เพราะฉะนั้นเราจึงควรหมั่นทำการบ้านด้วยการศึกษา ตัวบริษัทอย่างสม่ำเสมอ เช่น ติดตามงบทุกไตรมาส, ฟัง Opportunity Day หรือตามข่าวของบริษัทว่ามีแผนที่จะทำอะไรในอนาคต✨
หน้า Opportunity Day บนเว็บไซต์ SET
จบแล้วครับช่วยกด 👍 ❤️ ติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปด้วยนะครับ🥰
โฆษณา