21 เม.ย. 2021 เวลา 08:01 • สุขภาพ
“ตามหารักแท้ เจอแต่รักลวง”
“ตามหารักแท้ เจอแต่รักลวง” เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ?
ความผิดหวังซ้ำซาก
อันเป็นผลมาจากการตามหารักแท้
มักซ่อนบทเรียนอันล้ำค่า
ให้มนุษย์ได้กลับมาสังเกตตนเอง
โดยสิ่งที่ชีวิตนำมาให้เราสังเกตนั้น
มักถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ
“สิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจ”
เช่น
-ความเสียใจ
-ความเศร้า
-ความทรมาน
-ความหดหู่
-ความโดดเดี่ยว
-ความฝันที่พังทลาย
-สัมพันธภาพที่แตกร้าว
“รวม ๆ แล้วอาจเรียกว่า เป็นความทุกข์”
แต่ด้วยความดึงดัน
และความอยากเอาชนะ
กลับทำให้มนุษย์ไม่ยอมสังเกตชีวิตตนเอง
“ละเลยบทเรียนอันล้ำค่า”
แต่กลับโยนความผิดไปให้ผู้อื่น เช่น
-คนอื่นเป็นสาเหตุของความผิดหวังทั้งหมด
-ทุกคนผิดหมด...ยกเว้นกู!!!
เมื่อโทษผู้อื่นอย่างสาแก่ใจแล้ว
ก็นำพาตนเองวกกลับเข้าสู่การตามหารักแท้ต่อไป
โดยหวังใจอยู่ลึก ๆ ว่า
จะต้องเจอคนที่ใช่ หรือ จะต้องเจอรักครั้งสุดท้ายเสียที
“ผูกติดอยู่กับความอยากได้โคตร ๆ”
ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
และความอยากสมหวังเช่นนี้
จึงทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความหิวกระหาย
“ครอบงำจิตใจอันแจ่มใส ด้วยความต้องการอันมัวหมอง”
จนนำไปสู่ความอยากครอบครองรักแท้
และ ความอยากเป็นเจ้าของรักแท้อันนั้นให้ได้
“ท่าทีของชีวิตจึงมีลักษณะบีบคั้น”
ทั้งการอยากให้คนรักเป็นไปตามใจตนเอง
อยากให้คนรักทำในสิ่งที่ตนเองชอบ
อยากให้คนรักตอบสนองทุกความต้องการของตน
“คล้ายกับการบีบคอผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา”
จุดนี้เองที่จิตใจอันโหยหา
“สร้างปัญหา”
ซึ่งมักจะเข้าไปเบียดเบียน
เรียกร้อง และครอบงำผู้อื่น
แล้วเมื่อผู้อื่นตกอยู่ภายใต้การบีบคั้นเช่นนี้
ความรู้สึกเหมือนโดนกักขัง
และเหมือนโดนกดดันอยู่ตลอดจึงตามมา
โดยท่าทีของเหล่าผู้ที่โดนบังคับนั้น
อาจเริ่มด้วยการยอมตามใจในช่วงแรก
แล้วเริ่มเกิดเป็นความเบื่อหน่ายขึ้นทีละน้อย
สะสมเป็นการเริ่มทนต่อไปไม่ไหว
ซึ่งมักทำให้เกิดการโกหกหลอกลวง
อาจเกิดเป็นการนอกใจ
ตามมาด้วยการตีตัวออกห่าง
และจบลงด้วยการยุติความสัมพันธ์แบบพัง ๆ
ดังนั้น
ความผิดหวังทั้งหลายในชีวิตรัก
จึงมีบทเรียนให้เราเสมอ
อย่างน้อยที่สุด
ก็ช่วยให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตนเองว่า
“เฮ้ย...เราทำอะไรผิดพลาดไปบ้างนะ ?”
“เอ๊ะ...เราไม่ได้ทำอะไรที่มันลงตัวรึเปล่า ?”
“มีอะไรในความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายไม่ได้คลี่คลายบ้าง ?”
เราอาจนึกถึงเด็กน้อยที่ชอบโกหก หรือ ไม่ชอบพูดความจริง
ซึ่งชีวิตจิตใจของเด็กน้อยนั้นมักถูกโจมตี
จนท้ายที่สุดก็ไม่กล้าพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา
แล้วสัมพันธภาพใดก็ตามที่มักจบลงด้วยคำโกหก
“ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนสำคัญ”
ที่ทำให้เรารู้ว่า
มีใครคนใดคนหนึ่ง หรือ คนทั้งหมดในสายสัมพันธ์
“กำลังพยายามครอบงำคนรัก”
รักแท้จึงมิใช่ปัญหา
แต่ปัญหาล้วนเกิดขึ้นจาก
“จิตใจที่โหยหารักแท้”
จิตใจที่โหยหานี้เอง
ที่ชอบครอบงำผู้อื่น
ไม่ชอบให้ผู้อื่นได้เป็นอิสระ
แล้วก็เป็นเจ้าจิตใจดวงนี้
ที่บีบคั้นจนผู้อื่นต้องโกหกเพื่อเอาตัวรอด
“ความรักไม่สร้างปัญหา...ใจที่โหยหารักนั้นสร้างปัญหา”
แล้วเราจะทำอย่างไรจึงจะเป็นอิสระได้เสียที
เราอาจลองเริ่มจาก
การไม่ตั้งเงื่อนไขให้ตัวเองว่า
“จะต้องได้เจอกับรักแท้”
เนื่องจากเงื่อนไขที่เรามักตั้งไว้นั้น
มักจะเจือปนไปด้วยความเอาแต่ใจตนเอง
“โดยไม่คำนึงถึงชีวิตจิตใจของผู้อื่น”
แล้วก็มีความจริงของชีวิตที่เราอาจหลงลืมไป
นั่นคือ
“ถึงเวลาเจอ มันก็เจอ”
“ต่อให้อยากได้แค่ไหน ถ้าไม่ได้ มันก็ไม่ได้”
ความเข้าใจเหล่านี้
ล้วนเอื้อเฟื้อให้เราได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงตนเอง
“เปลี่ยนท่าทีของการใช้ชีวิต”
ด้วยท่าทีของการไม่บังคับ
หรือ ไม่ตั้งกฎเกณฑ์ตายตัวให้กับชีวิต
จะทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระจากการกดดันตัวเอง
ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่กดดันผู้อื่นไปในตัว
(ไม่โยนความกดดันของตัวเองไปให้ผู้อื่น)
ด้วยท่าทีของการให้อิสระเช่นนี้
ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นในสายสัมพันธ์
และด้วยการไม่โหยหานี้เอง
อาจทำให้เราได้พบกับรักแท้ง่ายกว่าที่คิด
หรือ มองเห็นรักแท้ที่เรามองข้ามมาตลอด
และอย่างน้อยที่สุด
“เราก็ไม่ทำลายความสัมพันธ์ด้วยใจอันโหยหาของตัวเอง”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา