Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Kakommzlife
•
ติดตาม
6 พ.ค. 2021 เวลา 13:46 • หนังสือ
Book Review By Kakommz : คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น
สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz วันนี้แอดก็มีหนังสือดีดีมาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกัน (อีกแล้ว) นะครับ และจะขออนุญาตเปลี่ยนมารีวิวหนังสือที่แปลมาจากต่างประเทศกันบ้าง โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น" ผู้เขียนคือ คุณ คิเบะ โทโมะยูกิ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมโปรเจกต์อาวุโสของบริษัท IBM ประเทศญี่ปุ่น และแปลโดย คุณ ภัทรวรรณ ศรประพันธ์ นั่นเองครับ
โดยเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้ จะบอกถึงวิธีการทำงานในด้านต่างๆ ที่จะมีตั้งแต่วิธีการคิดขั้นพื้นฐานด้วยการจัดการตัวเอง ไปจนถึงขั้นตอนการสอนการคิดอย่างเป็นระบบและมี "เฟรมเวิร์ก" ในการทำงานให้เป็นระเบียบและละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ คุณ คิเบะ ก็ได้บอกถึงปุ่มลัดที่น้อยคนจะรู้ ที่สามารถนำมาใช้กับโปรแกรมต่างๆ อาทิ โปรแกรมเวิร์ดและโปรแกรมเอกซ์เซล (คุณ คิเบะ จะเน้นโปรแกรมเอกซ์เซลเป็นหลัก) อีกด้วย
อีกทั้งหนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด 5 บทใหญ่ และมีเนื้อหาที่สำคัญๆ แทบจะทั้งเล่มก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ แอดจึงขออนุญาตนำเสนอในรูปแบบ 'หนึ่งบทหนึ่งหัวข้อ' ที่แอดชื่นชอบเป็นการส่วนตัวในบทนั้นๆ มาเล่าให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกัน ทั้งนี้เพื่อความยาวของการรีวิวหนังสือที่กระชับที่สุดเท่าที่แอดจะทำได้นั่นเองครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามารับชมพร้อมกันได้เลยครับ
บทที่ 1
งานจะเสร็จเร็วหรือช้า ตัดสินกันตั้งแต่ "ก่อน" ลงมือทำ
ตัวอย่างจาก
หัวข้อที่ 02 คนที่ทำงานเร็วจะ "ลงมือทำ" ทันที
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B9%86-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B3-1432951/
ในหัวข้อนี้ จะเป็นการอธิบายถึงก้าวแรกของการทำงานทุกอย่างนั้น เริ่มต้นที่ "ลงมือทำ" ครับ ตราบใดที่ยังไม่เริ่มลงมือทำ เราก็จะไม่มีทางเข้าใกล้เป้าหมายได้เลย ดังนั้น หากมีเวลาในการทำงานอย่างจำกัดละก็ การ "ลงมือทำ" ทันทีจะทำให้งานเสร็จเร็วมากขึ้น
ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ คุณ คิเบะ ไม่อยากให้คุณทุกคนคิดมากจนเกินไปครับ เพราะว่าการคิดที่จะทำบางสิ่งมากเกินไป อาจก่อให้เกิดความต้องการที่จะหาสิ่งที่ "สมบูรณ์แบบ" ให้กับงานนั้นๆ และเมื่อหาความสมบูรณ์แบบไม่ได้ ก็อาจจะส่งผลให้ตัวของเราไม่เริ่มต้นทำงานสักที ดังนั้น ขอแค่เริ่ม "ลองลงมือทำดูก่อน" และงานที่คุณทุกคนทำ จะเสร็จเร็วมากขึ้นแน่นอนครับ
บทที่ 2
"ความเร็วในการทำงาน" เพิ่มขึ้นได้ด้วยการใช้เทคนิคจนติดเป็นนิสัย
ตัวอย่างจาก
หัวข้อที่ 12 ใช้ปากกาที่จดโน้ตได้เร็ว
Cr. : https://pixabay.com/th/vectors/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%81-1977836/
ในหัวข้อนี้ แอดขอหยิบยกจากตัวอย่างการเลือกใช้ปากกาของ คุณ คิเบะ ครับ เพราะแอดมองว่า การสร้างความรวดเร็วในการทำงานที่นอกจากจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ให้เชี่ยวชาญในระดับหนึ่งแล้ว การใช้ "ปากกา" ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการจดสิ่งต่างๆ เช่นกัน ฉะนั้น การเลือกปากกาเพื่อใช้จดโน้ตตามสถานการณ์ต่างๆ จะช่วยทำให้เราสามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น โดย คุณ คิเบะ ได้ทำการแนะนำปากกา 3 แบบ ไว้ใช้จดโน้ตตามสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้
- "ปากกาลูกลื่น 3 สี" หรือ "ปากกาลูกลื่น 4 สี"
ใช้สำหรับจดโน้ตโดยใช้สีที่ต้องการได้ในทันที เช่น สีดำสำหรับจดโน้ตเรื่องทั่วไป สีน้ำเงินสำหรับจดโน้ตข้อความสำคัญ และสีแดงสำหรับขีดเน้นข้อความที่ต้องการเน้นย้ำ เป็นต้น
- "ปากกาหมึกเจล"
ใช้สำหรับจดโน้ตได้อย่างลื่นไหลในทุกสถานการณ์แม้กระทั่งตอนยืนอยู่ก็ตาม เพราะถ้าใช้ปากกาลูกลื่นธรรมดา กระดาษที่เอาไว้เขียนจะต้องมีความหนาพอสมควร และเวลาจดโน้ตจะต้องใช้แรงกดในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นปากกาเจล เราไม่จำเป็นต้องใช้แรงกดมากเหมือนกับปากกาลูกลื่นทั่วไป ทำให้จดโน้ตได้อย่างลื่นไหลนั่นเอง
- "ปากกาหมึกซึม"
ใช้สำหรับจดโน้ตที่ไหนก็ได้ โดยแทบจะไม่ต้องออกแรงกด ซึ่งทำให้สามารถจดโน้ตได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ในเวลาที่เราจะต้องยืนบนรถไฟฟ้าหรือรถเมล์เวลากลับบ้าน ซึ่งทำให้สะดวกในการจดสิ่งต่างๆ มากขึ้นครับ
และนี่คือปากกา 3 แบบ ที่ คุณ คิเบะ เลือกใช้ครับ
บทที่ 3
"ความเร็วของทีม" เพิ่มขึ้นได้ด้วยการปรับกลไกการทำงาน
ตัวอย่างจาก
หัวข้อที่ 47 งานที่มอบหมายให้มักจะไม่เสร็จ จนกว่าจะใกล้ถึงเดดไลน์
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-2261021/
ในหัวข้อนี้ แอดต้องขอบอกความเห็นส่วนตัวก่อนว่า จริงมากๆ ครับ เพราะว่า ตัวของแอดเองจนถึงตอนนี้ ในบางครั้งก็ยังต้องรอให้ใกล้เดดไลน์ก่อนถึงจะเริ่มทำงานส่ง ซึ่งก็ทำและผ่านมาได้นะครับ แต่ผลงานมันจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และแอดกำลังแก้ไขจุดบกพร่องในส่วนนี้อยู่ กลับเข้าเรื่องกันต่อครับ ในหัวข้อนี้ คุณ คิเบะ ได้อธิบายถึงสาเหตุสำหรับคนที่ชอบทำงานให้เสร็จก็ต่อเมื่อใกล้ถึงเวลากำหนดส่งอยู่ 2 ข้อ ดังนี้
- Student Syndrome (สติวเดนต์ซินโดรม)
เป็นอาการที่ให้อารมณ์คล้ายกับนักเรียนที่จะเริ่มทำการบ้าน ก็ต่อเมื่อใกล้หมดช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หรือ การอ่านหนังสือสอบเพียงคืนเดียวและไปสอบในวันรุ่งขึ้น เป็นตัน
- Parkinson's law (กฎของพาร์กินสัน)
คือ อาการที่มนุษย์เรามักมีพฤติกรรมที่จะใช้เวลาหรือสิ่งที่ได้รับมาจนหมด เช่น หัวหน้าให้เวลาทำงาน 1 เดือน เราก็จะใช้เวลา 1 เดือน หรือ หากได้รับงบประมาณมา 5 ล้านบาท เราก็จะใช้งบจำนวนนั้นจนหมด เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าเกิดเราได้พบเจอคนในทีม (หรือตัวของคุณ) ที่มีลักษณะดังกล่าว ให้ทำการแก้ไขโดยการกำหนดระยะเวลาการทำงานหรือกำหนดเดดไลน์ให้ตรงกับลักษณะนิสัยของแต่ละบุคคล เพื่อเป็นการสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของคนในทีมให้ดีมากยิ่งขึ้น
บทที่ 4
จัดการ "เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด"
ตัวอย่างจาก
หัวข้อที่ 60 เมื่อมีเวลาในการทำงานไม่พอ ให้ตัดสินใจว่า "จะลดเวลาในการทำกิจกรรมใดได้บ้าง"
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2-3247252/
ในหัวข้อนี้ คุณ คิเบะ มองว่า นอกจากการทำงาน คนเราก็ควรที่จะมีเวลาสำหรับการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเพื่อสอบเลื่อนตำแหน่ง จัดทำเอกสารต่างๆ หรือศึกษาภาษาอังกฤษ เป็นต้น ฉะนั้น นอกจากการเพิ่มเวลาในการทำบางสิ่งแล้ว การ "ลดเวลา" ในการทำกิจกรรมบางอย่างก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น คุณ คิเบะ ตัดสินใจลดเวลานอนในวันธรรมดา และลดเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ หลังอาหารเย็นในวันหยุด เพื่อนำเวลาดังกล่าวมาใช้ทำในสิ่งที่นอกเหนือจากการทำงาน อย่างการเขียนหนังสือ เป็นต้น
ฉะนั้น เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ หากทุกคนมีเป้าหมายที่สำคัญๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งแล้ว การลดเวลาเพื่อมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ถึงเป้าหมาย เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันหากสิ่งที่ต้องทำและจำเป็นในช่วงเวลานั้น ต้องใช้เวลายาวนานในการทำ (อาจจะทำหลายเดือน หรือ เป็นปี) เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ การกำหนดเวลาสำหรับพักผ่อนให้แน่นอน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่นกันครับ
บทที่ 5
ความเร็วในการคิด "เพิ่มขึ้นได้ด้วยการใช้เฟรมเวิร์ก"
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94-3582974/
ตัวอย่างจาก
หัวข้อที่ 71-74
ในหัวข้อสุดท้ายนี้ แอดขอสรุปแบบภาพรวมจาก "เฟรมเวิร์ก" ที่ได้พบเจอจากหนังสือเล่มนี้ครับ โดยเฟรมเวิร์กที่ คุณ คิเบะ ใช้ มีทั้งหมด 3 สิ่งดังต่อไปนี้
1. MECE (Mutually Exclusive, Collectively Exhaustive) คือ เฟรมเวิร์กที่ว่าด้วยเรื่องของ ภาวะที่ไม่ให้มีการตกหล่นของสิ่งที่ทำ หรือ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน
เป็นการมองภาพรวมถึงสิ่งที่ทำ ให้เกิดความละเอียดมากที่สุดก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัตินั่นเอง
2. พีระมิด (วางโครงสร้าง) เป็นขั้นตอนถัดไป ที่สามารถนำมาผสมกับวิธีการใช้เฟรมเวิร์กแบบ MECE ได้ ทั้งนี้เพื่อวางโครงสร้างของสิ่งต่างๆ ให้จำแนกออกเป็นประเภทหรือจำแนกเป็นกลุ่ม เพื่อสามารถวิเคราะห์สิ่งเหล่านั้นได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
3. แก้ไขปัญหา แบ่งเป็น 3 ข้อย่อย คือ
3.1 ท้องฟ้า ฝน ร่ม
คือ การมองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือน "ท้องฟ้า" และมองถึงปัญหาที่ได้จากสถานการณ์นั้นๆ เปรียบเสมือน "ฝน" จากนั้น จึงค่อยๆ หาวิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งเปรียบเสมือน "ร่ม" นั่นเองครับ
3.2 แผนผังขั้นตอนการทำงาน
เป็นวิธีที่ช่วยให้เราเข้าใจขั้นตอนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น เราจึงควรทำแผนผังขั้นตอนการทำงานขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้เห็นปัญหาได้ชัดเจนขึ้นและจับประเด็นสำคัญได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
3.3 ถามว่าทำไม 5 ครั้ง
อีกหนึ่งวิธีที่โด่งดังและอาจจะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การถามว่า "ทำไม" 5 ครั้ง เพื่อที่จะทำให้เราสามารถเจาะลึกถึงต้นเหตุของประเด็นหรือปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น แล้วค่อยคิดหาวิธีแก้ไข จึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนได้ครับ
ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดผื่นแดงตามร่างกาย เราไม่ควรทายาในทันที แต่ควรหาสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นก่อน เพราะนั่นอาจเป็นผื่นแดงที่เกิดจากอาการแพ้ หรือ เป็นผื่นแดงที่เกิดจากความเครียดก็ได้ เช่น ถ้าเกิดจากอาการแพ้ เราก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นอาการแพ้อาหารหรืออาการแพ้ที่เกิดจากการสัมผัสหรือไม่ อย่างไร เป็นต้น
ฉะนั้น ยิ่งตั้งคำถามว่า "ทำไม" เรื่อยๆ จะยิ่งทำให้เห็นปัญหาเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้นอีกด้วยครับ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่เล็กน้อยจากในแต่ละบทของหนังสือเล่มนี้เพียงเท่านั้น แอดหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจที่จะหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านหรือเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของผู้อ่านทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ
สุดท้ายนี้ แอดต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กับ Book Review By Kakommz ครั้งหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ ผู้อ่านที่น่ารักทุกคน
Trick บางส่วน ของปุ่มลัดในการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น โดย คุณ คิเบะ โทโมะยูกิ
1. ปุ่ม Win + D
สั่งให้คอมพิวเตอร์แสดงหน้า Desktop ได้
2. ปุ่ม Win + L
สั่งให้ปิดล็อกหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้
3. ปุ่ม Alt + Tab หรือ Win +Tab
สามารถสลับหน้าต่างโปรแกรมได้ เช่น สลับโปรแกรม Word กับ Excel เป็นต้น
4. ปุ่ม Alt + F4
สามารถปิด Browser หรือ Program ได้
5. ปุ่ม Ctrl + F4
ปิด Tab ของ Browser แค่อันเดียว
6. Esc
สามารถกดปุ่มนี้ได้ทันที เมื่อมีคำสั่ง "ยกเลิก" ขึ้นมาบนหน้าจอ
About Fact
- หนังสือ "คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น" สามารถหาซื้อได้ที่
ร้านหนังสือ SE-ED, นายอินทร์, B2S ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
- ราคา 220 บาท
- หมวดหมู่ จิตวิทยา
Cr. : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน
บทความ Book Review อื่นๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน
- Book Review By Kakommz : SUPER PRODUCTIVE
https://www.blockdit.com/posts/608c02fe9c630311e0228074
- Book Review By Kakommz : เป็นเราคือพิเศษ
https://www.blockdit.com/posts/6084927974fe930c5608ed49
- Book Review By Kakommz : รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT
https://www.blockdit.com/posts/605e0dd223471b0c30cc6c6d
- Book Review : Future Mindset เมื่อวิธีคิดที่คุณมี ใช้กับงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้
https://www.blockdit.com/posts/6049f019a5c1d52f0319bd07
- Review Book : โลกนี้สอนให้รู้ว่า...
https://www.blockdit.com/posts/6027a0784a6d450bb2a78037
- Review Book : Speech Secret เทคนิคการพูด เพื่อความสำเร็จก้าวหน้า
https://www.blockdit.com/posts/601790dd0c108e0bb3832547
ช่วง แอบขายของ ของ Kakommz
สามารถร่วมอุดหนุนและเป็นเจ้าของสติกเกอร์ไลน์สุดน่ารัก
[Komjung The Series 1] ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่
https://line.me/S/sticker/13337889/?lang=en&ref=gnsh_stickerDetail
สามารถติดตาม Kakommz ได้ที่
Facebook :
https://m.facebook.com/Kakommz/
Instagram :
https://instagram.com/kakommzlife
Blockdit :
https://www.blockdit.com/kakommz
TrueID In-Trend :
https://creators.trueid.net/@Kakommz
StoryLog :
https://storylog.co/Kakommz
YouTube :
https://youtube.com/channel/UCBrut7T6931pUEH4rarTHyQ
3 บันทึก
6
4
18
3
6
4
18
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย