16 พ.ค. 2021 เวลา 02:49 • นิยาย เรื่องสั้น
"เวร ! "
ผมปิดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนเดินออกมาสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์
"เป็นอะไรของเอ็ง ?"
แม่ตะโกนถามไล่หลัง
"เบื่อ ! มีแต่ข่าวปิดตลาด แต่ห้างเหิ้งไม่ต้องปิด ไอ้โควิดเนี่ยมันติดต่อเฉพาะคนชั้นล่างใช่ไหม?"
1
"เฮ้อ ! เอ็งก็อคติเกินไป รัฐบาลเค้าก็พยายามทำ...."
ผมบึ่งมอเตอร์ไซด์ออกมาโดยไม่สนใจฟังคำช่วยแก้ตัวเดิมๆของแม่
แม่ผมมักเป็นแบบนี้ ไม่เคยมีปากเสียงกับใคร แม่เคยทำงานเป็นคนเก็บขยะในตลาด
แต่พอโควิดระลอกใหม่มา ตลาดไม่มีคนเดิน ขยะลดลง สุดท้ายตลาดก็ถูกปิด คนเก็บขยะที่ไม่มีปากเสียงจึงกลายเป็นส่วนเกิน ทุกวันนี้ต้องขอยายแถวบ้านช่วยทอดกล้วยขายแลกข้าวสามมื้อ
แต่แม่ก็ยังไม่วายชมเจ้าของตลาดว่า เป็นคนดี จิตใจเมตตา ตักบาตรทุกเช้า แล้วยังเคยจ้างแม่ให้ไปช่วยทำงานบ้านช่วงแม่บ้านลากลับบ้าน
โธ่! จ้างแค่สองสามวันแต่แม่พูดเหมือนจ้างแม่มาสองสามปี
แม่ไม่รู้อะไร คนในตลาดที่ติดหนี้ดอกโหดจากมัน มีตั้งเท่าไร บางคนที่จู่ๆก็หายหน้าไป เค้าลือกันให้แซด ว่ามันสั่งลูกน้องมาปิดบัญชีเพราะไม่มีเงินใช้หนี้
ตื๊ด... ตึ๊ด.. ๆๆ
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดึงให้ผมกลับมายังโลกตรงหน้า
"อาหารที่สั่งไป ได้รึยังน้อง? สั่งไปนานแล้วนะ"
ผมก้มลงอ่านข้อความแล้วต้องถอนหายใจก่อนพิมพ์ตอบกลับไป
"อีกแป๊บครับ เพิ่งได้สั่งออเดอร์ คิวยาวมากเลย"
"โอ้ย ! ถ้านานขนาดนี้ ไม่เอาแล้ว"
"เอ้า !" ผมสบถออกมาพร้อมๆกับที่พนักงานร้านอาหารยื่นถุงอาหารทะเลที่สั่งไว้มาให้
"เอ้าอะไรครับ ทั้งหมด..หนึ่งพันสองร้อยเจ็ดสิบครับพี่"
เย็นวันนั้นกับอีกสามมื้อถัดมา ผมกับแม่ได้กินอาหารทะเลแกล้มกล้วยแขกและน้ำตา
.
แม่ไม่ได้ออกไปช่วยขายกล้วยแขกมาสามวันแล้ว เพราะลูกชายยายเจ้าของแผงติดโควิด ชุมชนเราถูกปิด ทุกคนถูกสั่งห้ามออกนอกพื้นที่ ผมกับแม่ต้องไปยืนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อตรวจเชื้อเมื่อสองวันก่อนที่วัดท้ายซอย
"พรุ่งนี้บ่ายๆจะแจ้งผลไปทางโทรศัพท์นะคะ"
เจ้าหน้าที่บอกเสียงอู้อี้ผ่านชุดพีพีอี
"ระหว่างนี้ กักตัวอยู่บ้าน ห้ามไปไหน เข้าใจนะ"
เจ้าหน้าที่ผู้ชายอีกคนตะโกนสำทับ
วูบแรก ผมคิดถึงงานรับส่งพัสดุที่เพิ่งได้มา ถ้าหยุดนานขนาดนี้คงต้องมองหางานใหม่ เหลือบมองหน้าแม่ แกก็ยังดูยิ้มได้
เมื่อถึงวันกำหนดรับผล ยังไม่มีการติดต่อใดๆมาจากเจ้าหน้าที่
หลังจากจับเจ่ารอผลกันมาทั้งวัน สิ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดก็เกิดขึ้นในคืนนั้น
'ปัง!'..
ผมผวาตัวขึ้นจากพื้น มองไปเห็นอิฐก้อนใหญ่ห่อด้วยกระดาษหล่นทะลุเพิงหลังคาลงมา จุดที่ตกห่างจากที่ผมกับแม่นั่งอยู่แค่ศอก พร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซด์ที่คำรามจากไป
ผมเอื้อมมือไปแกะกระดาษที่ห่อก้อนอิฐ บนนั้นมีลายมือโย้เย้เขียนด้วยปากกาเคมีสีแดง
"มึงขาดส่งดอกหลายวันแล้ว กูให้เวลามึงอีกสองวัน จ่ายมาให้ครบทั้งต้นทั้งดอก ไม่งั้นกูจะเอามอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ข้างหน้าเนี่ยไปแทน"
ผมพยายามคิดใคร่ครวญ ว่าจะบอกพวกมันยังไง ว่าพวกมันปาผิดบ้าน แต่เมื่อเหลือบตาขึ้นมามองหน้าแม่ ผมก็รู้ว่า พวกมันปาได้แม่นมาก
"แม่ไปยืมเงินเจ้าของตลาดมาจ่ายค่ายาให้เอ็ง ที่รถล้มเมื่อเดือนก่อน"
แม่พูดเสียงอ่อยๆ
ผมพยักหน้ารับพร้อมกลืนก้อนแข็งที่จุกในลำคอลงไป
เงินในบ้านทั้งหมดถูกเทกองรวมกัน
ผมค่อยๆนับเงินที่ส่วนมากเป็นเหรียญและแบงค์ยี่สิบ
"ทั้งหมดสี่พันสอง ยังขาดอีกห้าพันกว่าบาท"
แม่พนักหน้ายิ้มรับเศร้าๆ
"เดี๋ยวผมจะลองไปขอยืมพรรคพวกดู แต่ถ้าต้องเสียมอเตอร์ไซด์ไปจริงๆ ก็ว่าจะลองเอาไปจำนำกับเฮียเขาดูก่อน ถ้าโชคดีอาจได้ถึงหมื่น"
ผมพยายามวางแผนหาทางออก แม่พยักหน้ายิ้มรับอีกครั้ง
.
เย็นก่อนถึงวันนัดจ่ายเงิน ผมเดินลัดเลาะกลับบ้านโดยมุดหลบจุดตรวจโควิดมาตามคูน้ำครำข้างรั้วสังกะสี เมื่อเอาเงินจากการจำนำรถรวมเข้าไปยังเหลือเงินติดบ้านอีกพันกว่าบาท
"นี่เรารวยแล้วนะแม่!"
ผมพยายามเล่นมุกปลอบใจแม่
"แล้วต่อไปเอ็งจะส่งของยังไง ถ้าไม่มีรถมอเตอร์ไซด์" แต่แม่ยังคงเป็นแม่ที่คิดเป็นห่วงแต่ลูก
"แม่ไม่ต้องห่วง ผมจะขอยืมรถไอ้จ๊อดเอามาส่งของไปก่อน"
ผมพูดออกไปโดยไม่คิด แต่แม่ฟังแล้วหน้าสลดลงทันที เพราะไอ้จ๊อดลูกชายยายขายกล้วยแขกตอนนี้ เพิ่งพาทั้งครอบครัวอพยพไปอยู่โรงพยาบาล
"เฮ้อ! ไม่รู้เวรกรรมอะไร"
แม่รำพึงขึ้น แต่ไม่รู้ว่าแม่พูดถึงครอบครัวยายหรือครอบครัวเรา
"เวรกรรมใครก็ช่าง แต่ไม่ใช่ให้พวกเราเป็นคนชดใช้อยู่ฝ่ายเดียว"
ผมแค่นเสียงตอบไป
ส่วนแม่ก็พยักหน้ายิ้มรับเหมือนเคย
.
คืนนั้นผมนั่งมองเงินที่กองอยู่ตรงหน้า หยิบแบงค์แต่ละใบขึ้นมาจนเกือบติดหน้า ผมไม่เคยคิดจะดูแบงค์แบบใกล้ๆอย่างนี้มาก่อน ภาพบนนั้นเป็นลวดลายชดช้อยสวยงาม มีรูปพระมหากษัตริย์ประดับเด่นอยู่ตรงกลาง ผมพลิกซ้ายพลิกขวามองดู
มันไม่มีภาพประชาชนอยู่เลย !!
ผมเหยียดยิ้มให้กับความคิดบ้าๆในใจ ก่อนหยิบเงินทั้งหมดใส่ถุงยกขึ้นมากอดแนบอกพร้อมกับล้มตัวลงนอน
.
วันรุ่งขึ้น พวกมันโผล่มาตอนสายพร้อมกับตาแดงก่ำ กลิ่นเหล้าโชยมาแม้จะเว้นระยะห่างกว่าเมตร
"อ้าว! รถมึงหายไปไหนแล้ววะ"
ไอ้คนซ้อนท้ายที่ดูเหมือนลูกน้องพูดขึ้น
ผมยื่นถุงเงินออกไปโดยไม่สนใจจะตอบ ไอ้ตัวหัวหน้าอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วปาที่เหลือลงพื้นก่อนยื่นมือออกมารับ ผมขยับเท้าเข้าไปเหยียบก้นบุหรี่ที่ส่งควันลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากข้างกองใบไม้ ไอ้คนปาเหลือบมองพลางแสยะยิ้มก่อนจะคลี่ถุงเปิดดู เมื่อนับเงินเรียบร้อยมันยกถุงเงินที่เคยเป็นของผมขึ้นจูบ เหมือนอย่างที่ดาวร้ายในหนังชอบทำ
ผมจ้องท่าทีของมันอย่างขยะแขยง
"ส่งให้ถึงมือเจ้านายนะพี่"
"ฮึ! กูรู้น่ะ ว่าเงินเจ้านาย ไม่ใช่เงินกู"
มันกระแทกเสียงกลับมาแม้ในตาจะฉายแววเศร้า
ผมเหยียดยิ้มให้พลางคิดอโหสิในใจ
ขณะที่มันสตาร์ทเครื่องรถแล้วบิดเร่งเสียงคล้ายจะต้องการให้ดังกลบอะไรบางอย่างรอบตัว ก่อนจะพุ่งตัวออกไปพร้อมกับเสียงระคายหู
เมื่อหันกลับมา ผมเห็นแม่ยืนอยู่ข้างประตูหน้าเพิง พร้อมกับถุงผ้าใส่สัมภาระ แม่หยิบเอกสารจากกองควบคุมโรคที่มีสองฉบับขึ้นเพ่งดู ก่อนส่งให้ผมฉบับหนึ่ง
ผมขยับตัวเข้าไปโอบกอดแม่ เรากอดกันแน่นอยู่นาน
"ถ้าโชคดี เราอาจจะได้อยู่ที่เดียวกับไอ้จ๊อดและยายนะ"
ผมกระซิบปลอบแม่ ขณะที่แม่ยิ้มรับเหมือนเคยพร้อมๆกับที่ได้ยินเสียงไซเรนรถพยาบาลแว่วมาแต่ไกล
#โควิด
khanaad_photo
.
***********************************
สำหรับเพื่อนๆ Blockdit ที่สนใจแนวอื่น ผมมีเขียนลงอีก 2 เพจคือ
๏ 'Bear's Books'  = ข้อคิดดีๆที่ได้จากการอ่าน
๏ 'คิด อย่างสถาปนิก'  = เรื่องของสถาปัตยกรรมต่างๆจากสายตาสถาปนิก
ขอเชิญชวนให้เข้าไปแวะชมนะครับ
เผื่อจะมีบางข้อเขียนที่อาจถูกใจ
ฝากติดตาม หรือ แลกเปลี่ยนความคิดกันได้ครับ
หรือใครสนใจเฉพาะภาพถ่าย
ลองเข้าไปดูและกดติดตามได้ใน
ig : khanaad_photo  นะครับ
แล้วพบกันนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา