13 มิ.ย. 2021 เวลา 02:41 • นิยาย เรื่องสั้น
--------- แอบ ----------
"สวัสดีครับท่านรอง"
เสียงแหบแปร่งคุ้นหูดังขึ้น ทำให้ดวงตาเข้มเหนือหน้ากากอนามัยของเขาเหลือบขึ้นมามองที่ฉัน ตาของเราสบกันพอดี
khanaad_photo
"เรียกผมว่า'แดง'แบบเดิมดีกว่าครับ"
เสียงอีกเสียงในหูฟังดังแทรกขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับตัวเลขบนแผงไฟสัญญาณหน้าโถงลิฟท์แสดงจำนวนที่ลดลงเรื่อยๆ
"ไม่..ไม่..ไม่ได้ เรียกแบบนี้ดีแล้ว ต่อไปพี่ต้องพึ่งพาเอ็งอีกเยอะ"
เสียงแปร่งคุ้นหูพร้อมวลีประจำตัวมันทำให้เขาเบิกตากว้าง
ฉันพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับแล้วยกนิ้วเคาะเบาๆที่หูฟังแทนคำพูดให้เขาฟังต่อไปพร้อมกับประตูลิฟท์ที่เปิดออก
ในตู้โดยสารที่กำลังยกตัวสูงขึ้น มีเพียงเราสองคน หูฟังที่แบ่งกันฟังทำให้เราต้องยืนอยู่ชิดกันในที่มิดชิดแบบนี้ มันคงทำให้เขากระอักกระอ่วนใจอยากเว้นระยะ จึงขยับถอยห่างทันทีเท่าที่สายหูฟังจะมีระยะให้เมื่อประตูลิฟท์ปิดลง ส่วนฉันก็แกล้งทำเป็นกลัวว่าหูฟังจะหลุด จึงขยับเข้าหา ขณะที่เสียงในหูฟังก็ยังพูดถึงแผนงาน เรื่องการวางตัวบุคคลลงในหน่วยงานสำคัญต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ อัยการ ศาล กรมราชทัณฑ์ แม้กระทั่ง..ตำแหน่งสำคัญสูงสุดที่จะใช้เวลาเตรียมการอีกประมาณหนึ่งปี
ฉันแอบเหลือบดูหน้าคมเข้มของเขา กรามที่ขบกันเป็นสันนูนขึ้นจากเนื้อหาที่ได้ยิน ทำให้เขาดูเป็นคนจริงจังมากขึ้นไปอีก
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก เขาขยับจะเดินไปทางซ้ายอย่างคุ้นทาง ฉันรีบคว้าแขนกำยำข้างนั้นแล้วชี้มือเป็นสัญญาณให้ไปที่ประตูขวามือ ดูเขาแปลกใจเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร
เมื่อปิดประตูห้องสนิท เขาเหลียวมองห้องโล่งรอบตัวที่มีเพียงโต๊ะทำงานหนึ่งตัวกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่วางอยู่กลางห้อง ริมผนังมีตู้เหล็กบานประตูยาวถึงพื้นแบบตู้ที่ใช้เก็บของตามโรงยิมอีก 2 ใบ
เขาวางกระเป๋าสะพายลงบนพื้นข้างโต๊ะแล้วหมุนตัวกลับมาพูดในประโยคที่ฉันคาดไว้แต่ไม่ใช่ถ้อยคำที่ฉันคาดหวัง
"ทำไมคุณหลบมาอยู่ห้องนี้? แล้วคลิปเสียงนั่น คุณไปได้มาจากไหน?"
ฉันยักไหล่แล้วยิ้มหวานให้เขา
"ห้องนี้เป็นเซฟเฮ้าส์ ช่วงนี้มีตำรวจมาด้อมๆมองๆเต็มไปหมด ฉันยังไม่อยากให้คุณไปช่วยประกันตัว"
เขาเลิกคิ้วเอียงคอมองกลับมาเหมือนไม่รับมุกก่อนจะพยักหน้านิดๆว่า..ยังรออีกคำตอบ
"โอเคๆ" ฉันแกล้งพูดอย่างรำคาญ
"ชั้นบอกคุณไม่ได้เรื่องคลิปเสียง คุณน่าจะรู้นะ นักข่าวจะไม่เปิดเผยแหล่งข่าว"
"แล้วจะให้ผมพูดอ้างอิงยังไงในงานสัมมนา?"
"โธ่! อาจารย์ขา" ฉันพูดเสียงออดอ้อนใส่เขา "อาจารย์ไม่ต้องพูดอ้างอิงอะไรทั้งนั้น แค่เปิดให้ทุกคนดูข้อมูลชิ้นนี้ก็พอ"
แล้วฉันก็เปิดไฟล์ในคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ภาพในหน้าจอเป็นตารางบัญชีรายจ่ายของหน่วยงานความมั่นคง ในปี 2563 ฉันชี้ให้เขาดูรายจ่ายบางรายการที่ผิดปกติ รวมไปถึงรายชื่อที่เป็นรายการผู้รับเงิน
เขาเผลอตัวครางออกมา
"คิดไว้ไม่ผิดว่าอาจารย์คนนี้ถูกซื้อไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะด้วยเงินขนาดนี้"
"คุณดูให้ดี ไม่เฉพาะแต่อาจารย์คนนี้นะคะ"
ชายหนุ่มยกนิ้วไปที่หน้าจอแล้วเลื่อนนิ้วกวาดลงมาเรื่อยๆ สักพักก็เงยหน้าขึ้นพร้อมถอยหายใจเฮือกใหญ่
"อำนาจมันแผ่ไปไกลกว่าที่คิด"
ฉันยักไหล่
"เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกข้าง ใครบ้างล่ะ..ที่จะไม่เลือกอยู่ฝ่ายผู้จงรักภักดี โดยเฉพาะเมื่อมีทั้งเงิน ทั้งตำแหน่ง และการยกย่องปอปั้นเป็นข้อแลกเปลี่ยน"
"ก็คุณไง" เขาตอบพลางจ้องมองกลับมาจนฉันต้องหลบสายตา
ฉันอยากจะตอบกลับไปว่า ที่ฉันทำก็เพราะอยากช่วยคุณต่างหาก แต่ปากมันก็หนักเหมือนทุกที
"ขอบคุณนะครับ" เขาพูดเสียงนุ่ม
"ขอบคุณเรื่องอะไร?" ฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองกำลังร้อนผ่าว
"เอ้า! ขอบคุณเรื่องข้อมูลพวกนี้ไงครับ นี่คืออาวุธที่ดีที่สุดที่เราจะสู้กับฝ่ายที่มีอำนาจ"
ใจฉันฝ่อแฟบกลับมาที่เดิม เสียงเขายังพูดต่อไป "แทนที่เราจะออกไปประท้วง ออกไปตะโกนด่าพวกนั้น แล้วต้องถูกตีถูกจับ สู้เราปล่อยข้อมูลทุจริตพวกนี้ออกไป รัฐบาลก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
เราต้องช่วยกัน ทั้งนักข่าวอย่างคุณ นักวิชาการอย่างผม สถาบัน อินฟลูเอนเซอร์ หรือซีอีโอบริษัทต่างๆ ทุกคนไม่มีใครอยากอยู่ในประเทศที่มีแต่เรื่องลับ ตรวจสอบไม่ได้ และมีแต่ข้อยกเว้นแบบนี้หรอก"
"ข้อมูลชุดนี้ของคุณ อาจจะช่วยกดดันทำให้งบประมาณที่กำลังพิจารณาในสภาตกไป หรือช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การสืบทอดอำนาจมากขึ้น"
ฉันยิ้มรับคำขอบคุณของเขา แต่ก่อนที่จะพูดอะไร เสียงเอะอะตึงตังภายนอกก็ดังขึ้น เขาปราดไปที่ประตู แง้มดูภายนอกแวบหนึ่ง จากนั้นหมุนกลับมายกนิ้วจ่อปากทำสัญญาณให้เงียบเสียงก่อนเปิดตู้เหล็กด้านข้างคว้าแขนฉันดึงเข้าไปอยู่ในตู้แล้วดึงปิดจากด้านใน
"ตำรวจกับพวกจิตอาสา" เขากระซิบบอก
"มันยกกำลังไปที่ห้องของคุณด้านนั้น"
ในความมืดฉันไม่เห็นท่าทางของเขา รู้แต่ว่าเสียงกระซิบนั้นแนบอยู่ข้างหู ตัวเราเบียดกันอยู่ในที่แคบๆแต่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด ขณะที่ฉันอยากให้ตำรวจค้นห้องไปเรื่อยๆ ก็มีเสียงทุบประตูดังขึ้น ฟังจากเสียงทุบ คาดว่าอีกไม่นานถ้าไม่ไปเปิด ประตูคงถูกพังเข้ามาเป็นแน่
แล้วฉันก็นึกขึ้นได้
"ตายล่ะ! เราลืมปิดคอม" ฉันกระซิบบอกเขา
"คุณแอบอยู่ในนี้นะ ผมจัดการเอง"
เขาเอื้อมมือมาบีบต้นแขนฉันเบาๆ แล้วผลุนผลันออกไปจากตู้เหล็กก่อนที่ฉันจะห้ามทัน
ฉันล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือที่สะพายอยู่ข้างตัว ก่อนหยิบปืนพกแบร์เร๊ตต้า .22 กระบอกจิ๋วสีเงินขึ้นมาเตรียมพร้อมในมือที่สั่นนิดๆ แต่ใจนั้นมั่นคงชัดเจนอยู่แล้วว่า พร้อมจะเข้าปะทะทุกเมื่อโดยเฉพาะถ้าผู้บุกรุกคิดจะทำร้ายเขา
ฉันได้ยินเสียงตะโกน เสียงพูดคุยเอะอะที่ฟังไม่ถนัด มีคนหลายคนเข้ามาในห้อง แล้วสักพักทุกอย่างก็เงียบลง
มือที่กำปืนชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ละวินาทีในความมืดและเงียบ มันช่างเนิ่นนานราวกับเข็มนาฬิกากำลังเกียจคร้าน
ฉันตัดสินใจ ค่อยๆแง้มประตูตู้เปิดออก โน๊ตบุ๊คยังเปิดหน้าจอทิ้งไว้ เห็นแผ่นหลังของเขาที่นั่งหันหลังให้ ศีรษะก้มต่ำเล็กน้อย หน้ากากอนามัยทิ้งอยู่บนโต๊ะ ที่รอบคอของเขามีผ้าสีเหลืองพันอยู่ ฉันถลันออกไปทันที ปืนในมือกวาดออกไปรอบตัว ไม่มีใครอื่นอยู่ในห้อง เมื่อหันกลับมาก็พบดวงตาของเขาจ้องมองอยู่ สายตามีแววแปลกใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มน้อยๆ
"มันไปกันหมดแล้ว" เขาพูดลากเสียงช้าๆ
ตาบ้า! ห่วงแทบตาย ฉันคิดอยู่ในใจขณะที่สายตาเหลือบมองผ้าสีเหลืองที่พันอยู่รอยคอเขา มันมีตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงหน่วยงานจิตอาสา
เขารู้ว่าฉันกำลังเพ่งมองอะไรจึงบุ้ยหน้าไปทางกระเป๋าสะพายที่วางอยู่
"ผมพกติดกระเป๋าไว้เสมอ สำหรับกลยุทธขั้นที่หนึ่งของการเอาตัวรอด" เขาพูดยิ้มๆ
"พวกนี้อยู่ด้วยความเชื่อ ดังนั้นเราต้องทำให้มันไว้ใจ..ว่าเป็นพวกเดียวกัน"
"และเมื่อไว้ใจก็มักจะไม่ละเอียดรอบคอบ"
"มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?"
ฉันเชิดหน้าแกล้งพูดยั่ว เพราะยังไม่หายโมโหที่เขาปล่อยให้เป็นห่วง
"ผมรู้ว่าการไว้ใจ มีระยะเวลาของมัน ยิ่งนานความไว้ใจจะยิ่งลดลง"
เขาพูดเพียงแค่นี้ก็ยกมือปิดปาก โก่งคอไอโขลก
ฉันตกใจหันรีหันขวางมองหาแก้วน้ำ หันกลับมาก็เห็นเขามองตายิ้มแผล่อีกครั้ง
"ตาบ้า !!" ฉันสบถในใจ
"ดังนั้นต้องใช้ประโยชน์จากความไว้ใจที่มีเวลาจำกัด..นั่นคือกลยุทธ์ที่สอง 'เล่นกับความกังวล'... ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนที่ไอโขลก โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิดแบบนี้"
"คุณเจ้าเล่ห์แบบนี้กับทุกคนหรือปล่าวคะ?"
"ผมจริงใจกับคนที่ผมคบหาด้วยเสมอ"
เขาตอบพร้อมกับจ้องตากลับมา
ฉันเบือนหน้าหลบ เพราะไม่แน่ใจว่า ใบหน้าใต้หน้ากากจะแดงแค่ไหนถ้าต้องปล่อยให้สายตาคู่นั้นจ้องอยู่
"แต่คุณไม่ได้ปิดโน๊ตบุ๊ค?"
"มันจะได้สมจริงว่าผมนั่งทำงานอยู่"
"แล้วคุณทำไง ไม่ให้พวกนั้น..สนใจไฟล์ในนั้น ?"
ฉันยังไม่ยอมแพ้
"ผมไม่ได้ทำอะไร"
เขาตอบกลับมาด้วยท่าทีกวนๆ
"หมายความว่ายังไงคะ?"
เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า
"คนที่สนใจหมกมุ่นแต่ความเชื่อ" เขาพูดเน้นเสียงช้าๆ
"มันไม่ดูข้อมูลแบบนี้หรอก"
"ตาบ้า !!!"
ฉันเผลอสบถเป็นครั้งที่สาม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ปล. อยากลองหัดเขียนเรื่องกุ๊กกิ๊กบ้าง😅😅
***********************************
เพื่อนๆ Blockdit ครับ ผมมีเขียนลงทั้งหมด 3 เพจ แตกต่างกันตามแต่อารมณ์จะพาไป คือ
๏ 'Bear's Books'  = นำข้อคิดดีๆที่ได้จากการอ่านหนังสือแต่ละเล่มมาเล่า ชวนให้คิดตามกันไป
๏ 'Bear's Blog'  = จิปาถะ กับภาพถ่ายกับมุมมองของชีวิต ในรูปของ บทกลอน เรื่องสั้น หรือ ไฮกุ และ คอลัมน์ การ์ตูนกวนเมือง
๏ 'คิด อย่างสถาปนิก'  = เรื่องของสถาปัตยกรรมต่างๆจากสายตาสถาปนิก
ขอเชิญชวนให้เข้าไปแวะชมแวะชิมนะครับ
เผื่อจะมีบางข้อเขียนที่อาจถูกใจ
ฝากติดตาม หรือ แลกเปลี่ยนความคิดกันได้ครับ
หรือใครสนใจเฉพาะภาพถ่าย
ลองเข้าไปดูและกดติดตามได้ใน
ig : khanaad_photo  นะครับ
ขอขอบคุณและหวังว่า เราจะได้รู้จักกันนะครับ 🐻❤

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา