10 พ.ย. 2020 เวลา 03:25 • การเมือง
ภาพในวิวไฟน์เดอร์ ทำให้ผมต้องลดกล้องลงและมองไปที่เป้าหมายด้วยตาตัวเองให้แน่ใจ
ภาพชายสูงอายุในเสื้อสีเหลืองอ่อนที่ซีดจนเกือบขาว มีตัวหนังสือ 'ฉันเกิดในรัชกาลที่ ๙ ' ลางๆคาดบนหน้าอก กำลังยืนปะปนอยู่ในกลุ่มมวลชนเสื้อสีเหลืองที่มายืนรอรับขบวนเสด็จบริเวณขอบฟุตบาทริมคลอง
ภาพนั้นมันทำให้ผมลังเล นาฬิกาข้อมือบอกเวลาว่าใกล้ถึงกำหนดการแล้ว ในเวลาแบบนี้ผมควรจะไปหาจุดยืนที่พอเหมาะเพื่อถ่ายภาพให้ออกมาสวยที่สุด แต่รองเท้าผ้าใบคู่เปื่อยกลับพาสองเท้าของตัวเองก้าวเข้าไปหาชายผมสีดอกเลาคนนั้น คนที่เคยวิเคราะห์สถานการณ์จนทำให้ผมก้าวจากนักข่าวชาวบ้านขึ้นมาทำหน้าที่นักข่าวสายการเมืองในทุกวันนี้
"เอ่อ ! สวัสดีครับลุง  ลุงช่างตัดผมใช่ไหม ?" ชายสูงอายุผู้ถูกเรียกชะงักเล็กน้อยคล้ายจะคิดไม่ถึงว่าจะพบคนทักทาย
สายตาคมกล้าคู่นั้นสื่อว่าแกจำผมได้ แต่เพื่อความแน่ใจผมจึงทวนความจำให้แกอีกครั้ง
"ผมคือนักข่าว คนที่ลุงเคยเล่าถึง 'โลกหลังโควิด'ให้ฟังในเรือนไม้ขายของชำไงครับ"
"คราวนี้ เอ็งก็มาหาเรื่องไปเขียนอีกสิ ?"
"แล้วลุงก็มีให้ด้วยใช่ไหมครับ?"
"แหม !  ก็มีอยู่บ้างนะ แต่เสียดายองค์ประกอบไม่ครบ" ชายชราพูดพร้อมเลียริมฝีปากแผล็บ
"เอ่อ.. งั้นลุงตามผมมา"
ณ ขอบฟุตบาทหน้าร้านสะดวกซื้อไม่ไกลจากนั้น
หลังจากกระดกเบียร์กระป๋องเข้าไปอึกใหญ่ ชายชรายกมือปาดฟองขาวที่เลอะไรหนวดสีเงินพร้อมกับเรอเสียงดังก่อนจะหันมาพูดว่า
"เอิ้กกก ! เอ่า! เอ็งอยากรู้อะไรล่ะ ? ถามมาสิ "
"ลุงอยู่ท่ามกลางประชาชนที่ต่างสวมใส่เสื้อเหลืองเพื่อออกมาแสดงพลังถึงความจงรักภักดี แต่ลุงก็รู้ว่า มีอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกร้องให้ปฏิรูป ลุงมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้ ?"
"หืม ? เอ็งถามข้าหรือถามใคร ?"
"แหะๆ ถามลุงนั่นแหละ"
"หึ! กล้ามาก เอ้ย!  เอ็งเปลี่ยนไปเขียนเรื่องตลกจะดีกว่ามั้ง"
"เอ้ย !..อย่าเลยครับ เข้าเรื่องดีกว่าครับลุง"
"หึๆ ตอนนี้น่ะ มันเกิดวิกฤตขึ้น 3 อย่าง สาธารณสุข เศรษฐกิจ การเมือง"
ชายชราตรงหน้าค่อยๆชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามในขณะที่พูดไปด้วย
"และกำลังจะเกิดวิกฤตที่ 4 "
"อะไรครับ  ?"
"วิกฤตการณ์ทางสังคมไง เอ็งไม่เห็นรึ ?"
"อ่อ !"  ผมพยักหน้ารับ
"ความเชื่อต่างๆกำลังสั่นคลอนและถูกท้าทาย  เหมือนที่เคยเกิดกับยุโรปสมัยยุคเรอเนซองส์"
"โอ้! นั่นมันสี่ร้อยกว่าปีก่อนเลยนะลุง"
"บรรพบุรุษของเราเก่งไหมล่ะ สามารถถ่วงเวลามาได้ถึงทุกวันนี้"
"ลุงพูดจริง ?"
ชายชรายักคิ้วแผล็บก่อนจะกระดกเบียร์เข้าไปอึกใหญ่ราวกับไม่ได้ยินคำถาม
"เอิ๊กกกกก.."
"แล้วลุงคิดยังไงกับสามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมล่ะ ?"
ผู้ถูกถามหรี่ตาลงก่อนตอบ
"ไอ้เด็กพวกนี้มันฉลาด มันเรียกร้องจากเบาไปหาหนัก"
"ยังไงครับ ?"  ผมขยับเข้าไปใกล้พลางหยิบเบียร์กระป๋องขึ้นมาเปิดบ้าง
"แต่ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพ ข้าจะไล่จากหนักไปหาเบาให้ดู ดีมั้ย ?"
"ดีครับ"
"อืม.. งั้นเอ็งก็หยิบของหนักออกมาสักทีสิ"
"หื้ม ! ลุงหมายถึง.."
"ก็ไก่ปิ้งไง เอ็งซื้อมาแล้วจะเก็บไว้ในถุงหาพระแสงอะไรวะ ?"
"อ่อ ครับๆ"  ผมรีบหยิบไก่ปิ้งเสียบไม้ส่งให้
"เริ่มจาก ข้อ 3."
ช่างตัดผมชราเริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง หลังจากกัดไก่ไปชิ้นใหญ่แล้วตามด้วยเบียร์อีกอึก
"การปฎิรูปสถาบัน ที่เด็กๆพวกนี้หมายถึง คือ การปรับโครงสร้างอำนาจใหม่ ให้ทุกอย่างกลับมาอยู่บนเส้นทางที่โปร่งใสเข้าไปตรวจสอบได้  ซึ่งต้องผ่านทางข้อ 2 คือการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ทุกอย่างก็มาติดขัดอยู่ที่นายก มันจึงนำไปสู่ข้อ 1 ที่เรียกร้องให้บิ๊กตู่ต้องลาออก เรื่องก็มีแค่นี้ ชัดมั้ย"
"ชัดแจ๋วเลยครัับ"
"อย่างงี้ ถ้านายกไม่ออกไม่ทำอะไร แต่ยื้อเวลาไปเรื่อยๆล่ะครับ"
"เอ็งว่าใครมีเวลามากกว่ากัน เด็กหนุ่มสาวพวกนี้หรือคนแก่เฒ่าอย่างนายก"
"อย่าคิดนานถึงยี่สิบปีเลย  คนหนุ่มสาวเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ  อีกสิบปีคนรุ่นนี้จะอายุประมาณ 30-40 ก็สามารถลงสมัครสส.ได้แล้ว"
"สังคมผู้สูงอายุอย่่างข้าอย่างนายกจะต้านไปได้สักกี่น้ำ"
ชายชราหยุดก่อนจะเน้นประโยคสุดท้าย
"มันจึงอยู่ที่ว่า อยากเปลี่ยนผ่านวันนี้ หรือจะรอมีคนล้มกระดานในวันหน้า"
"โอ่ !" ผมเผลอครางออกมา เมื่อจินตนาการถึงภาพที่ไม่อยากให้เกิด
"จริงอยู่ นักศึกษาพลาดที่ออกตัวเกี่ยวกับสถาบันแรงเกินไปในตอนต้น กว่าจะกลับตัวได้แรงเสียดทานก็เพิ่มขึ้นมากแล้ว"
"กลับตัวเหรอ ? ตอนนี้ก็ยังเห็นจาบจ้วงกันอยู่นะ"
"เอ็งนี่ ถามยังกับไม่ได้เข้าไปดูในที่ชุมนุม เด็กเป็นพันเป็นหมื่น เอ็งจะให้ทุกคนพูดเหมือนกันเหรอวะ แน่นอนมันต้องมีพวกคะนองปาก พวกถ่อยปะปนอยู่แล้ว แต่ถ้าเอ็งเข้าไปดูในที่ชุมนุมจริง  จะเห็นว่า เด็กพวกนี้มันต่างคนต่างคิด   ที่ชุมนุมกันรายวันน่ะ เอ็งดูสิ หัวข้อแม่งเยอะไปหมด แต่ถ้ามองให้ทะลุ ทุกหัวข้ออยู่บนคอนเซ็ป 'ความเท่าเทียมและโปร่งใส' ทั้งนั้น"
"เราต้องไปดูแถลงการณ์ที่เป็นทางการ ซึ่งเด็กทุกคนยอมรับและทำให้ออกมาชุมนุมร่วมกัน ก็คือข้อเรียกร้องสามข้อนั่น"
"ลุงจึงคิดว่า ไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง ?"
"มี แต่เบื้องหลังตู่นะ ไม่ใช่เด็ก"
"อุ่ย ! " คราวนี้เป็นผมที่ยกเบียร์ขึ้นซดแทนคำตอบ
"ที่เอ็งต้องด่าคือรัฐบาล ที่ตอบสนองข้อเรียกร้องช้าเกินไป" กัลบกชราเครื่องเริ่มร้อนแล้ว
"เมื่อยิ่งช้าระดับแรงกดดันยิ่งสูง คราวนี้คนที่เจ็บจะไม่ใช่นายกล่ะ แต่สูงกว่านั้น"
"อุ่ย ! เอางี้ ลุงว่ามีวิธีแก้ปัญหาไหม ?"
"แบบเล่นๆหรือเอาแบบจริงๆ ?"
"เหมือนเดิมครับ แบบเล่นๆแต่ทำได้จริงๆ"
"มีสองแบบ" ชายชราตอบพร้อมกระดกเบียร์ที่เหลือในกระป๋อง
"1.แบบที่ทำตามกติกา"
"เริ่มจากแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา272 ตัดอำนาจสว.ไม่ให้เลือกนายก ข้อนี้ไม่ต้องทำประชามติด้วย ซึ่งถ้าสว.แสดงสปิริต ก็อยู่จนครบวาระแบบได้รับการยกย่อง จากนั้นลุงตู่ก็ตั้งสสร. แล้วถึงลาออก แบบนี้ลุงตู่ก็ลงอย่างสง่างาม อาจได้เป็นรัฐบุรุษอีกต่างหาก"
"จากนั้น สส.ก็เลือกนายกคนใหม่ ถ้าฝั่งรัฐบาล รายชื่อที่อยู่ในลิสต์ ก็เป็นอนุทิน หรือพลังประชารัฐจะเสนอมาใหม่ก็ได้"
"รัฐบาลชุดใหม่นี้มีหน้าที่อยู่ประคองจนสสร.แก้รัฐธรรมนูญเสร็จ จากนั้นก็เลือกตั้งกันในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่"
"แต่วิธีนี้ ต้องขอให้ สว.และนายกแสดงสปิริต ซึ่งถ้าทำได้ ก็ลงกันอย่างสง่าผ่าเผย"
"แล้วถ้าไม่ทำตามกติกาล่ะ ลุงหมายถึงจะมีการปฏิวัติเหรอ ?"
"ประเทศนี้เปลี่ยนไปแล้วไอ้หนู โดยเฉพาะครึ่งปีหลังมานี้ เปลี่ยนเร็วจนหลายคนตามไม่ทัน ตอนนี้ถ้าใครคิดทำปฏิวัตินี่โง่สุดๆ
รับรองจะโดนต่อต้านยิ่งกว่าที่ออกมาเย้วๆตอนนี้แน่นอน"
"เอ้า! แล้วลุงหมายถึงอะไร ที่ไม่เป็นไปตามกติกา"
"ข้าหมายถึง ไม่ใช่รูปแบบที่เราคุ้นเคย ซึ่งออกได้หลายทาง แต่มันจะเริ่มมาจากฝ่ายอำนาจนำบางคนที่ทนความอับอาย ความเสื่อมเสียและแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทุกวันไม่ไหว"
"ถ้าดีหน่อยก็เป็นการเจรจาตกลงกันภายใน หรือใช้อำนาจเฉพาะ อย่างศาลรัฐธรรมนูญ"
"ถ้าร้าย ก็ใช้กำลังกันเอง จุดประสงค์ก็คือเปลี่ยนตัวนำเพื่อลดแรงกดดันและยังสามารถรักษาสภาพของการนำให้อยู่ต่อไป"
"คือบีบให้นายกลาออก ?"
"ระยะใกล้ก็เป็นนายก แต่ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อนานไปอาจสูงกว่านั้น"
"หา ! ลุงหมายถึ..."
เสียงโห่ร้องจากถนนดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะถามจบ ผมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือก่อนลุกขึ้นยืนชะเง้อดูไปทางต้นเสียง  เป็นไปอย่างที่ผมคิด ขบวนมาช้ากว่ากำหนดการไปเกือบชั่วโมง
"สงสัยขบวนเสด็จจะมาแล้..."
ผมหันหลังกลับมาบอก แต่กัลบกชราหายไปเสียแล้วพร้อมกับเบียร์และกับแกล้มที่เหลือ
ตรงจุดที่ชายชราเคยนั่ง มีซองจดหมายสีขาวฉบับหนึ่งวางอยู่ ด้านบนซองมีลายมือที่เขียนอย่างสวยงามไว้ว่า
"ฝากส่งราษฎรสาส์นหน่อยนะไอ้หนู"
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ประเทศไทยในยุค 'เรอเนซองส์'
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ความเดิม ตอนที่แล้ว 'โลกหลังโควิด'
โฆษณา