15 มิ.ย. 2021 เวลา 00:39 • ธุรกิจ
Billion Dollar Loser ตอนที่ 2 : American Dream
ต้องบอกว่า Adam Neumann นั้นไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความมั่นใจตั้งแต่วัยเด็ก เขาเป็นลูกของหมอสองคนคือ Avivit และ Doron Neumann ซึ่งพบกันในโรงเรียนแพทย์ Ben-Gurion University ในประเทศอิสราเอล
2
Billion Dollar Loser ตอนที่ 2 : American Dream
ย้อนกลับไปที่ปู่ทวดของ Adam นั้นได้อพยพมาจากประเทศโปแลนด์ ตั้งแต่ยุคปี 1934 มาตั้งรกรากในเมือง Beersheba ที่เต็มไปด้วยทะเลทรายล้อมรอบ
ครอบครัว Neumann ได้ย้ายจากเมืองทะเลทรายเล็ก ๆ อย่าง Beersheba ไปยังชานเมือง Tel Aviv ด้วยชีวิตที่เร่ร่อนของครอบครัว ทำให้ Adam เองต้องปรับตัวให้กับสังคมใหม่ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปรกติของ Adam ที่มารู้ตัวในภายหลังว่าเขาเป็นโรค dyslexic (ความบกพร่องในการอ่านและการเขียน ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เหมือนคนทั่วไป)
3
ด้วยความตึงเครียดจากปัญหาภายในครอบครัว ที่ทั้งพ่อและแม่ของ Adam นั้น ต้องต่อสู้ในชีวิตแต่งงานของพวกเขา ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับ Adam
2
สองสัปดาห์ก่อนวันครบรอบแต่งงานปีที่ 10 Avivit และ Doron ก็ได้หย่าร้างกัน Adam เล่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตเขา โดยเขาและน้องสาว Adi ต้องไปอยู่กับแม่หลังจากที่ชีวิตครอบครัวของเขาต้องถึงคราวแตกสลาย
1
ซึ่งไม่นานหลังจากหย่าร้าง ทั้งสามก็ได้ย้ายไปอยู่อเมริกาที่เมือง อินเดียแนโพลิส นั่นทำให้ Adam ต้องปรับตัวอีกครั้งกับประเทศใหม่ ที่เขายังแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หลังจากอยู่อินเดียแนโพลิสได้สองปี ครอบครัว Neumanns ก็ได้ย้ายกลับไปยังอิสราเอลในปี 1990 ไปตั้งรกรากในเมืองเล็ก ๆ ชื่อ Nir Am ห่างจากฉนวนกาซา พื้นที่แห่งความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน เพียงแค่ 1 ไมล์
2
ต้องบอกว่า Nir Am นั้นเป็นหนึ่งในชุมชนยูโทเปียที่ผุดขึ้นในอิสราเอลในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสังคมที่มีแนวคิดแบบสังคมนิยม และ ลัทธิไซออนิสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างชุมชนแบบ Kibbutz ที่พึ่งพาตนเองได้ทั่วประเทศ
1
ภายใน Kibbutz จะเป็นชุมชนที่สมาชิกทุกคนจะร่วมกันประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรวมตัวกันในรูปสหกรณ์ ทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งผลผลิตที่ได้ จะถือเป็นสมบัติของส่วนรวมทั้งหมด เน้นการพึ่งพาตัวเอง และใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3
Kibbutz จะเป็นชุมชนที่สมาชิกทุกคนจะร่วมกันประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรวมตัวกันในรูปสหกรณ์ (CR:israel21c.org)
ที่นี่เองที่เขาได้รับรู้บางอย่างที่เน่าเฟะของแกนหลักในอุดมคติของชุมชน Kibbutz ซึ่ง Adam สังเกตว่า มีชายคนหนึ่งทำงานวันละ 16 ชม. ในการทำงานที่โรงงาน ในขณะที่ชายอีกคนใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวในการดูแลสวนให้กับชุมชน Kibbutz
แม้ Adam จะใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีที่ Nir Am แต่ที่นี่ได้สอนให้เขารับรู้ถึงสิ่งที่มีค่า การสร้างชุมชนที่เท่าเทียมจริง ๆ เติมสิ่งที่ขาดหายไป ซึ่ง เมื่อเขาได้เริ่มสร้าง WeWork ในภายหลัง เขาบอกว่าได้เรียนรู้บทเรียนพื้นฐานบางอย่างจากช่วงเวลาที่เขาได้อาศัยอยูที่ Nir Am นี่เอง
1
Adam จบการศึกษาจากโรงเรียนนายทหารและรับราชการบนเรือขีปนาวุธที่ประจำการในเมืองไฮฟา แต่เรื่องราวตอนเขาเป็นทหารนั้น มีการอธิบายแตกต่างกันอย่างชัดเจนเป็นสองเรื่องราว
เขาบอกกับพนักงาน WeWork รุ่นแรก ๆ ว่า เป็นคนขี้ขลาด ที่มีความจำเป็นต้องไปประจำการบนเรือ แม้ตัวเขาจะสูงมากก็ตามที แต่ ในขณะที่เขาคุยโม้กับเพื่อนในบาร์ เขาเล่าว่าตัวเองเคยอยู่ในกองบัญชาการรบในอ่าวเปอร์เซีย
จากนั้นเขาและน้องสาว Adi ก็ได้ย้ายมาอยู่เมืองนิวยอร์ก ซึ่งเขาได้มาถึงเกาะแมนฮัตตันไม่นานหลังจากเหตุการณ์ 9/11 ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป
3
Adam มาถึงนิวยอร์ก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างชีวิตใหม่ พร้อมกับการปรับตัวในวัฒนธรรมที่แตกต่างอีกครั้ง ซึ่งที่นี่ ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างจากอิสราเอลแบบสุดขั้ว ทำให้เขาแทบจะไม่รู้จักเพื่อนบ้านใหม่ของเขาเลย
1
ฝั่งน้องสาวของเขา Adi นั้น เริ่มประสบความสำเร็จในอาชีพนางแบบ เธอเคยขึ้นปก Russian Vogue และ Elle Spain ทำให้เธอมีเงินพอที่จะเช่าอพาร์ทเมนต์ ชั้น 15 ที่ด้านบนสุดของอาคาร Tribeca ซึ่งอยู่ห่างจาก Groud Zero ไปไม่กี่ช่วงตึก
1
แนวคิดของ WeWork เริ่มต้นขึ้นที่ Newyork ที่มหาวิทยาลัยบารุค ซึ่ง Adam ได้เข้ามาเรียนปริญญาตรีในสาขาการเป็นผู้ประกอบการ
และที่มหาวิทยาลัยบารุคนี่เองที่ Adam นั้น ได้ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันแผนธุรกิจ โดยเขาได้เสนอแนวคิดของ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผู้คนนำห้องของตัวเองมาปล่อยเช่าโดยมีศูนย์กลางคอยจัดการ
1
แนวคิดแรกของเขานั้น ต้องพ่ายแพ้ไปตั้งแต่รอบแรกของการแข่งขัน เมื่อทางอาจารย์เห็นว่าความคิดเหล่านี้น่าจะทำไม่ได้ แม้ว่า Adam จะมองว่าเขาสามารถที่จะเกลี้ยกล่อมให้ผู้คนปล่อยพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองออกมาให้เช่าได้
3
แม้ไอเดียแรกของเขาดูเหมือนจะไม่เข้าท่าในยุคนั้น เขาจึงได้เริ่มมองหาธุรกิจใหม่ เขาจึงปิ๊งไอเดียใหม่ออกมานั่นคือ การสร้างรองเท้าส้นสูงที่สามารถเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยได้ ซึ่งทำให้เหล่าสาว ๆ นั้น มีความสะดวกมากขึ้น เพราะคงไม่มีใครอยากที่จะใส่ส้นสูงเดินทั้งวันอย่างแน่นอน
เขาอธิบายแนวคิดว่ามันคือ “Hunger Games Meet Sex and The City” เขาอยากช่วยเหลือสาว ๆ ให้ผ่านพ้นความเจ็บปวดจากการใส่รองเท้าส้นสูง ด้วยนวัตกรรมรองเท้าใหม่ของเขา
3
แต่เมื่อได้มาสร้างสร้างต้นแบบแรกจริง ๆ ออกมา เขาพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างรองเท้าแบบนี้ ต้นแบบรุ่นแรก กลไกที่พับได้ของมันเตะเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนเกือบบาดนิ้วพนักงานคนหนึ่งของเขา
แต่ Adam ก็ไม่ย่อท้อหลังจากพยายามใช้ความคิดกว่า 1 เดือน แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องรองเท้าดังกล่าวได้เสียที
2
ในคืนหนึ่ง ระหว่างที่เขาได้ไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ๆ มีเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ทำไมเสื้อผ้าเด็กถึงไม่มีสนับเข่า การที่เด็กต้องคลานบนไม้เนื้อแข็งจะไม่เจ็บเหรอ?
นั่นเองที่ทำให้ Adam ปิ๊งกับอีกไอเดียใหม่ทันที ดูเหมือนเขาจะมั่นใจกับโปรเจคนี้มาก จนไปจดทะเบียนการค้าให้กับบริษัทใหม่ของเขาชื่อว่า Krawlers โดยมีสโลแกนว่า “เพียงเพราะเขาไม่บอกคุณไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่เจ็บ”
Adam เริ่มเข้ามาลุยเต็มที่กับ Krawlers โดยทำงานจากอพาร์ทเมนต์ Tribeca ของ Adi ด้วยเงินลงทุนจากคุณยายของเขาด้วยเงินจำนวน 100,000 ดอลลาร์
เขาได้พยายามหว่านล้อมเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัยบารุค แต่ดูเหมือนไม่มีใครเชื่อความคิดบ้า ๆ ของเขา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้ชักชวนอาจารย์คนหนึ่งให้บินไปประเทศจีน และช่วยจัดการในเรื่อง Supply Chain ให้กับเขา
3
และ Krawlers นี่เองที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในเส้นทางเดินธุรกิจของ Adam ด้วยความต้องการที่ยังไม่มีใครสร้างผลิตภัฑณ์เพื่อมาตอบโจทย์นี้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Adam ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
1
หลังจากนั้นเขาก็ได้ขยายธุรกิจจากสนับเข่าของเด็กไปยังสินค้าเด็กที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น เมื่อเขาจบภาคการศึกษาสุดท้ายที่ มหาวิทยาลัยบารุค Krawlers ได้เริ่มกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีพนักงานหลายคนแล้ว
Krawlers เริ่มขยายไปสู่สินค้าเด็กที่หลากหลายขึ้น (CR:Twitter)
เมื่อธุรกิจกำลังจะไปได้สวย แต่ Adam ดูเหมือนจะมีปัญหาใหญ่ หากหวังจะตั้งตัวในแผ่นดินอเมริกา ตามความฝันแบบ American Dream จริง ๆ
ต้องบอกว่าตัว Adam นั้น เดินทางมานิวยอร์กด้วยวีซ่านักเรียน ความคิดแรกของเขานั้นเพียงต้องการสร้างความร่ำรวยในอเมริกา จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านที่อิสราเอลในท้ายที่สุด
เขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาทำธุรกิจเสื้อผ้าเด็ก และ วีซ่าของเขากำลังจะหมดอายุในไม่ช้า เขาได้ปรึกษาทนายตรวจคนเข้าเมืองหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครให้ความหวังเขาได้มากนัก ถ้าเขาคิดวิธีแก้ปัญหาไม่ได้ เขาก็ต้องออกจากประเทศ และทิ้งธุรกิจที่เขาอุตส่าห์สร้างไว้อยู่เพียงเบื้องหลัง
1
ในที่สุดเขาก็ได้คนช่วยเหลือ Stella Templo ผู้เชี่ยวชาญด้านงานตรวจคนเข้าเมืองของสำนักงานกฏหมาย Spar & Bernstein ซึ่งเป็นบริษัทกฏหมายในแมนฮัตตัน ได้เข้ามาช่วย Adam เพื่อให้เขาสามารถอยู่ต่อในอเมริกาได้
ในปี 2008 ในที่สุด วีซ่า ของ Adam ก็ได้รับการต่อออกไป ในตอนนั้นต้องบอกว่า เสื้อผ้าของเขามีวางจำหน่ายในร้านค้าหลายร้อยแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านเสื้อผ้าแนวแม่และเด็กทั่วประเทศ
เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาก็คิดจะปักหลักที่อเมริกา เพื่อสร้างฝันของเขาให้สำเร็จ ในการเป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าตามความฝันของเขาให้ได้
1
ซึ่งหลังจากได้วีซ่าเพียงไม่นาน Adam ก็ได้มาพบกับ Rebekah Paltrow ผู้หญิงที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของ Adam แบบที่ไม่มีใครคาด
1
ต้องบอกว่าพวกเขาทั้งคู่มีพลังงานบางอย่างที่เชื่อมต่อกัน และ เธอผู้นี้นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญในการค้นหาบางสิ่งบางอย่าง สิ่ง ๆ นั้นจะเป็นอะไร แล้วทั้งคู่จะเดินไปทางไหนกับเส้นทางชีวิตตามความฝันแบบ American Dream ในครั้งนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้าครับผม
อ่านตอนที่​ 3 : The​ Green Desk
ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
=========================
ร่วมสนับสนุน ด.ดล Blog และ Geek Forever Podcast
เพื่อให้เรามีกำลังในการผลิต Content ดี ๆ ให้กับท่าน
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog ผ่าน Line OA เพียงคลิก :
=========================
ฟัง PodCast เรื่องเกี่ยวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ที่ Geek Forever’s Podcast
——————————————–
ฟังผ่าน Podbean :
——————————————–
ฟังผ่าน Apple Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Google Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Spotify :
——————————————–
ฟังผ่าน Youtube :
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา