16 มิ.ย. 2021 เวลา 00:09 • ธุรกิจ
Billion Dollar Loser ตอนที่ 3 : The Green Desk
Miguel McKelvey เป็นชายที่เกิดมา โดยที่ได้รับการเลี้ยงดูในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเฉกเช่นเดียวกับ Adam Neumann เขาได้รับประสบการณ์ที่ครอบครัวแตกแยก แทบไม่ต่างจากที่ Adam พบเจอในวัยเด็กเลย
1
Billion Dollar Loser ตอนที่ 3 : The Green Desk
เรียกได้ว่า Miguel เป็นคนที่หัวขบถมาตั้งแต่เล็ก ด้วยการต่อสู้กับปัญหาภายในครอบครัวที่ถูกพ่อทิ้งไปตั้งแต่วัยเยาว์ ในช่วงฤดูร้อนของมัธยม เขาก็ได้เริ่มทำงานหาเงิน โดยใช้เวลากว่า 12 ชม.ทุก ๆ วัน ที่โรงงานแปรรูปในอลาสก้า โดยมักจะทำงานล่วงเวลาเพิ่มเติมอีก 6 ชั่วโมงเพื่อทำเงินให้ได้มากขึ้น
2
เขาได้เข้ามาเรียนระดับชั้นมหาวิทยาลัยที่โคโลราโด ซึ่งเป็นวิทยาลัยด้านศิลปศาสตร์เอกชน เขามีเป้าหมายที่่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่เด็กไม่แพ้ Adam คือการคิดจะสร้างธุรกิจของตัวเอง
2
แต่เขาพบว่าตัวเองเกลียดการเรียนเศรษฐศาสตร์อย่างมาก และ ชอบศิลปะมากกว่า อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมองเห็นบางอย่างในตัว Miguel นั่นคือ เรื่องของสถาปัตยกรรม ที่มันได้กลายเป็นสื่อกลางระหว่างความสนใจและความทะเยอทะยานด้านธุรกิจของเขา
1
Miguel สำเร็จการศึกษาในปี 1999 หลังจบการศึกษา เขากับเพื่อน ๆ ได้คิดไอเดียในการสร้างเว็บไซต์เพื่อช่วยให้ผู้คนเรียนภาษาอังกฤษแบบพูดได้ พวกเขาจึงได้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์อย่าง English, baby! ขึ้นมา
1
English Baby! กับการลองธุรกิจดอทคอมครั้งแรกของ Miguel (CR:daniauchi.wordpress.com)
ต้องบอกว่า English, baby! นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับสถาปัตยกรรมเลย แต่ Miguel จบการศึกษามาในช่วงจุดสูงสุดของธุรกิจดอทคอมที่เฟื่องฟูสุดขีดพอดี พวกเขามองเห็นคนโง่ ๆ บางคนสามารถร่ำรวยได้ด้วยธุรกิจดอทคอม Miguel จึงอยากลองเสี่ยง
1
แต่เหมือนฝันร้าย เพราะในปี 2000 เกิดฟองสบู่ดอทคอมเข้าอย่างจัง แต่ Miguel และเพื่อน ๆ ของเขาก็ยังมองว่า English, baby! นั้น มีเอกลักษณ์พอ และ ไม่สามารถที่จะ copy ได้ง่าย ๆ
1
ในวัย 30 ดูเหมือนว่าธุรกิจดอทคอมของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรุ่ง เขาจึงคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มันเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์หรือเปล่ากับ English, baby! เขาเริ่มคิดถึงงานด้านสถาปัตยกรรม
ในปี 2004 เขาจึงมุ่งหน้าสู่นิวยอร์ก ทิ้ง English, baby! ไว้เพียงแค่อดีต เขาจึงได้เข้ามาสมัครงานบริษัทด้านสถาปนิกชื่อ JPDA ที่กำลังได้ลูกค้าใหม่อย่าง American Apparel และต้องการรับพนักงานด่วน แม้ Miguel จะห่างจากวงการสถาปัตย์มากว่าครึ่งทศวรรษแล้วก็ตามที
2
Miguel จึงพร้อมที่จะเริ่มต้นเส้นทางอาชีพใหม่อย่างสถาปนิก ด้วยรายได้ 10 เหรียญต่อชั่วโมง และเขาก็ได้รับงานใหญ่ทันทีหลังจากเข้าทำงานที่ JPDA คือ การเปิดสาขา American Apparel ไปทั่วประเทศ
แม้จะเพิ่งเริ่มงาน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไปได้ดีในทางนี้ เขาใช้เวลาสี่ปีช่วยเปิดสาขาของ American Apparel มากกว่า 100 แห่ง เขาสนุกกับการทำงานและชอบ American Apparel เป็นอย่างมาก
แต่ก็ต้องบอกว่า หลังจากทำงานไปได้ 4 ปี มันก็ถึงจุดที่เขาต้องตัดสินใจใหม่กับชีวิตอีกครั้ง เขาเริ่มมองว่ารายได้มันไม่ค่อยสัมพันธ์กับรายจ่ายในเมืองนิวยอร์ก ทุกอย่างแพงมาก และอพาร์ทเมนต์ของเขาก็เล็กเหมือนรูหนู
1
วันหนึ่งเขาตัดสินใจเดินเล่นเตร็ดเตร่ในเมืองเป็นเวลาหลายชั่วโมง เขาคิดว่าความฝันในนิวยอร์กของเขามันคงไม่จบลงเพียงเท่านี้ เขามีความทะเยอทะยานมากกว่านี้ เขาตัดสินใจที่จะเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเองอีกครั้ง
4
ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือฟ้าลิขิตที่ Miguel ได้มาพบเจอกับ Adam ทั้งสองได้รู้จักกันผ่านเพื่อนของพวกเขาอย่าง Haklay ที่เป็นสถาปนิกที่ทำงานที่บริษัท JPDA ด้วยกัน
Miguel ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าอะไรที่ดึงดูดเขาเข้ามหา Adam แต่เรื่องที่น่าสนใจคือทั้งคู่มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกันมาก
พวกเขาทั้งคู่เป็นลูกของแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งมาจากการเลี้ยงดูที่แปลกแยกจากวัยรุ่นคนอื่น ๆ แต่ต้องบอกว่าทั้งคู่ได้กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว
1
ชีวิตของ Adam เองนั้น ก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อทำธุรกิจของเขาให้ประสบความสำเร็จดังที่ใจหวัง แน่นอนว่าทั้งคู่มี passion บางอย่างที่เหมือนกัน ก็คือ พวกเขายังไม่รู้สึกสบายใจเกี่ยวกับเส้นทางเดินชีวิตในตอนนี้ พวกเขามีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น
Adam นั้นได้เล่าถึงแนวคิดเก่า ๆ ของเขาที่มหาวิทยาลัยบารุค เกี่ยวกับการสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้คนมาอาศัยในพื้นที่เดียวกัน เพื่อธุรกิจหรือพักอาศัย Miguel เองก็ดูจะชอบไอเดียนี้ ทั้งคู่จึงใช้เวลา 2-3 เดือนในการหาอาคารที่อยู่อาศัยเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงมัน
2
ในที่สุดพวกเขาทั้งคู่ ก็ได้เห็นบ้านหลังหนึ่งที่ 68 Jay Street ตัว Adam เองนั้นรู้จากประสบการณ์ที่เขาเคยมีว่าการจัดการอสังหาริมทรัพย์ เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดอย่างหนึ่ง
1
Adam จึงได้บอก Miguel เกี่ยวกับคนรู้จักของเขาที่ดำเนินธุรกิจแบ่งพื้นที่สำนักงานขนาดใหญ่ออกเป็นหน่วยเล็ก ๆ เพื่อให้เช่าแต่ละส่วนกับบริษัทเล็ก ๆ ซึ่ง Miguel เองก็มีความคิดเกี่ยวกับการออกแบบสำนักงานมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
1
พวกเขาไม่รอช้าตัดสินใจลุยทันที พวกเขาได้เข้าไปคุยกับเจ้าของบ้านที่ชื่อ Joshua Guttman ว่า จะยอมให้พวกเขาทั้งคู่เปลี่ยนชั้นที่ว่างเปล่าที่กำลังปรับปรุงอยู่นั้น ให้กลายเป็นห้องเช่าสำหรับสำนักงานขนาดเล็กได้หรือไม่
1
ดูเหมือน Guttman จะไม่สนใจ แต่ตัดสินใจที่จะให้ลองกับอาคารอื่นในบริเวณใกล้เคียงแทน ซึ่งเป็นโรงงานกาแฟอายุกว่าศตวรรษที่ก่อด้วยอิฐเปลือย และมองเห็นทิวทัศน์ของ East River
1
โรงงานกาแฟอายุกว่าศตวรรษที่ก่อด้วยอิฐเปลือยของ Guttman (CR:Business Insider)
Guttman ได้ถาม Adam ว่าจะทำอะไรกับพื้นที่ว่างเปล่าเหล่านี้ แต่แทนที่จะสร้างกำแพงขึ้นมา Adam ได้บอกว่าเขาจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสำนักงานกึ่งส่วนตัวโดยมีพนักงานต้อนรับคนเดียวคอยจัดการให้ทุกอย่าง และจะแบ่งผลกำไรให้ Guttman จึงบอกให้เขาไปคิดแผนธุรกิจให้เป็นเรื่องเป็นราวมาเสนอเขาอีกครั้ง
ในคืนนั้น Miguel จึงได้เริ่มสร้างแผนธุรกิจ เขาตัดสินใจว่าพื้นที่ใหม่นี้จะเรียกว่า Green Desk เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้เป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด แต่พวกเขาคิดเพียงแค่ว่าการสร้างแบรนด์จะดึงดูดลูกค้าประเภทที่พวกเขาต้องการ และสร้างจุดเด่นให้กับพวกเขาได้
2
เช้าวันรุ่งขึ้น Miguel เข้ามาพร้อมกับแผนผังชั้นคร่าว ๆ และสเปรดชีดหน้าเดียว ซึ่งจัดทำโมเดลธุรกิจพื้นฐาน โดยหวังว่าหากพวกเขาทำทุกอย่างเสร็จในช่วงข้ามคืน Guttman จะคิดว่าพวกเขาวางแผนสิ่งเหล่านี้มาหลายเดือนแล้ว
ซึ่งแน่นอนเมื่อ Guttman ได้เห็นแผน ก็ตัดสินใจอนุมัติทันที เขาตกลงที่จะปรับปรุงพื้นที่ และลงขันกัน 5,000 ดอลลาร์ เพื่อเริ่มสร้างมัน
Adam ยังคงทำธุรกิจเสื้อผ้าเด็ก แต่ Miguel นั้นได้เริ่มเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่าง Green Desk แบบเต็มเวลา ซึ่งได้ทำการออกแบบพื้นที่ร่วมกับ Haklay ซึ่งเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนคนที่สาม
1
พวกเขาได้ซื้อบล็อกขายเนื้อที่ IKEA เพื่อใช้เป็นโต๊ะทำงาน และวางผนังกระจกกั้นระหว่างแต่ละห้อง Miguel ได้ทำการโพสต์โฆษณาบน Craigslist และเริ่มโปรโมตแก่ผู้เช่าที่สนใจ โดยไม่มีอะไรมากไปกว่าการปิดเทปบนพื้นที่เพื่อทำเครื่องหมายว่า สำนักงานจะอยู่ที่ไหน
แต่ต้องบอกว่า ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวกับธุรกิจใหม่ในฤดูใบไม้ผลิปี 2008 เวลานั้นดูเหมือนไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าการที่เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ จาก Hamburger Crisis ต้องบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีเอาเสียเลย
2
Guttman เองก็ได้เตือนว่า ผู้คนจะไม่เช่าสำนักงานใหม่ในตลาดขาลงแบบนี้ บริษัทใหญ่ ๆ ต่างรวมตัวกัน ธุรกิจขนาดเล็กต่างล่มสลาย และฟรีแลนซ์ก็ย้ายตัวเองไปทำงานจากที่บ้าน
แต่เรื่องราวสุดเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น หลังจากทำการเปิดตัว Green Desk อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม มันก็ได้รับความนิยมแบบทันทีทันใด
1
ทุกคนไม่อยากอยู่บ้านเพราะกลัวเป็นโรคซึมเศร้า Green Desk ได้ลูกค้าทั้งนักออกแบบแฟชั่น บริษัทเอกชน ผู้พัฒนา Font เว็บไซต์อย่าง Gothamist รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาเช่าพื้นที่ใน Green Desk
แม้ Miguel เองจะประหยัดงบแบบสุด ๆ ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์จาก IKEA ทั้งหมดในการตกแต่งสำนักงาน แต่พื้นที่ดังกล่าวนั้นกลายเป็นสิ่งใหม่ มันได้กลายเป็นชุมชนขนาดเล็กที่พร้อมไปด้วยชั่วโมงแห่งความสุข และการสนทนารอบ ๆ เครื่องชงกาแฟ ของเหล่าผู้เช่า
3
Green Desk เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มพื้นที่ ทีละชั้นในอาคารของ Guttman ต้องบอกว่าสิ่งที่ผู้คนสนใจมากที่สุดคือความยืดหยุ่นของสัญญาเช่าแบบเดือนต่อเดือน และความรู้สึกสนิทสนมกันที่หาไม่ได้จากสำนักงานให้เช่าแห่งอื่น ๆ ในนิวยอร์ก
1
Guttman ต้องการขยาย Green Desk ไปยังอาคารอื่น ๆ ในบรุกลินของเขา แต่ Adam และ Miguel นั้นเริ่มคิดแผนการที่ใหญ่ขึ้น เขาอยากเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนโลกด้วยคำว่าสีเขียว
เขามองว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง Green Desk ที่ดูเหมือนจะเป็นชื่อที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มันเป็น Concept ตั้งชื่อเพื่อสร้างความแตกต่างเท่านั้น แต่เขามองเห็นอะไรบางอย่างมากกว่านั้น
เหล่าคนงาน พนักงานในบริษัทต่าง ๆ ต่างเริ่มมองการเชื่อมโยงกันทางกายภาพในโลกยุคดิจิตอล ในยุคที่ผู้คนเริ่มห่างเหินกัน เหล่าผู้คนพร้อมที่จะรับความเสี่ยงกับแนวคิดสำนักงานให้เช่าแบบนี้ แม้จะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม มันไม่ใช่แค่กระแสชั่วครั้งชั่วคราว แต่มันกำลังจะสร้าง Impact ระดับชาติ หรือ อาจจะทั่วโลกได้เลยด้วยซ้ำ
3
ต้องบอกว่า ชายสองคนที่มีความทะเยอะทะยานสูง กำลังร่วมมือกัน เปลี่ยนธุรกิจสำนักงานให้เช่า แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุคนั้น ทำให้ Model Green Desk ของพวกเขาทั้งคู่ได้รับความนิยมแบบสุดขีด
ดูเหมือนนี่คือจุดเริ่มต้นในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ที่จะตามมาภายหลัง แล้วเรื่องราวของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อ ธุรกิจใหม่ของพวกเขาจะก้าวไปได้ไกลแค่ไหน โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้านะครับผม
2
อ่านตอนที่ 4 : WeWork - Revolution at Work
ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
=========================
ร่วมสนับสนุน ด.ดล Blog และ Geek Forever Podcast
เพื่อให้เรามีกำลังในการผลิต Content ดี ๆ ให้กับท่าน
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog ผ่าน Line OA เพียงคลิก :
=========================
ฟัง PodCast เรื่องเกี่ยวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ที่ Geek Forever’s Podcast
——————————————–
ฟังผ่าน Podbean :
——————————————–
ฟังผ่าน Apple Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Google Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Spotify :
——————————————–
ฟังผ่าน Youtube :
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา