5 ก.ค. 2021 เวลา 02:36 • ประวัติศาสตร์
ตำนานเรือแมรีเซเลสต์
สมัยก่อนเรื่องราวของการเดินเรือนั้นมีตำนานมากมายที่เราพูดถึงกัน เพราะการออกเดินเรือในแต่ละครั้งมักจะพบกับความยากลำบาก ซึ่งเอาต้องทำให้ทางบ้านลุ้นว่า จะได้กลับมาเจอหน้าลูกเรือได้อีกครั้งหรือไม่ เพราะอันตรายต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาการเดินเรือ
ไม่ว่าจะเป็นระยะทางเส้นทางการเดินเรือที่ยาวนาน หรือสภาพอากาศที่มักจะเจอกับพายุและสภาพอากาศที่ไม่อำนวย สิ่งมีชีวิตใต้น้ำหรือแม้กระทั่งความลึกลับใต้ท้องน้ำมหาสมุทร และยังมีเรื่องราวของโจรสลัดอีกด้วย เรือแมรีเซเลสต์ เป็นเรือลำหนึ่งที่ยังคงเป็นปริศนาการหายไปอย่างลึกลับของลูกเรือทั้งลำ จนปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่าพวกเขาเหล่านั้นอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้กันแน่
ตำนานเรือแมรีเซเลสต์
แมรีเซเลสต์ เป็นเรือใบสองเสาความสูงของเสากระโดง 100 ฟุต สัญชาติอเมริกัน แล่นออกจากท่าเรือในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อไปสู่เมืองเจนัว ในอิตาลี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1872 โดยมีกัปตันชื่อ เบนจามิน บริกก์ พร้อมด้วยภรรยา ซาราห์ และโซเฟีย บุตรสาวซึ่งเป็นเพียงเด็กเล็กอายุ 2 ขวบ และมีผู้โดยสารซึ่งเป็นลูกเรือรวมทั้งหมด 11 คน
แมรีเซเลสต์กลายเป็นเรือร้างไม่มีผู้โดยสารและลอยอยู่กลางทะเล จนกระทั่งเรือเดอีกราเซีย เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติอังกฤษมาเจอเข้า ที่บริเวณใกล้กับหมู่เกาะอะโซร์ส ของโปรตุเกส ในบ่ายของวันที่ 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน โดยขณะที่เจอเป็นเรือร้างไม่มีผู้โดยสาร ใบเรือที่สูงสุดฉีกขาดลง แต่สภาพทุกอย่างบนเรือยังดีอยู่ โต๊ะอาหารของกัปตันยังพบร่องรอยไข่ลวกกระเทาะเปลือกทิ้งไว้โดยไม่ตักรับประทาน ขนมปังและจานซุปยังวางอยู่บนโต๊ะ ไปป์ถูกวางไว้รอจุดไฟ รองเท้าบูตถูกวางทิ้งทั้งที่ยังขัดค้างไว้อยู่ สมุดโน้ตของซาราห์ ภรรยาของกัปตันเปิดคาเหมือนยังเขียนค้างอยู่ แต่ก็ยังมีข้าวของหลายอย่างกระจุยกระจายเหมือนถูกรื้อค้น เช่นเดียวกับปูมเรือ โดยวันสุดท้ายที่มีการบันทึกคือวันที่ 25 พฤศจิกายน หรือประมาณ 10 วันมาแล้ว โดยระบุว่าตำแหน่งที่เรืออยู่นั้นห่างจากจุดที่เจอถึงเกือบ 100 ไมล์
ดวิด มอร์เฮาส์ กัปตันเรือเดอีกราเซียได้ลากจูงแมรีเซเลสต์เข้าสู่ท่า และอ้างว่าตนต้องได้รับส่วนแบ่งจากการเป็นผู้ค้นพบ จนกลายเป็นการไต่สวนของอัยการท้องถิ่น มีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับการหายตัวไปของกัปตันและครอบครัวรวมถึงผู้โดยสารทั้งหมด เพราะอัยการผู้เป็นหัวหน้าของการไต่สวนคดีนี้ไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของกัปตันมอร์เฮาส์ โดยเชื่อว่ากัปตันบริกก์อาจจะร่วมมือกับกัปตันมอร์เฮาส์เพื่อต้องการเงินประกัน จึงสร้างเรื่องขึ้นมา
โดยเรือแมรีเซเลสต์ มีการกล่าวว่าเป็นเรืออาถรรพ์หรือต้องคำสาป มีอุปสรรคและหายนะนานัปการตั้งแต่เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1860 โดยใช้ชื่อแต่แรกเริ่มว่า "แอมะซอน" กล่าวกันว่า เรือไม่ยอมแล่นหลังจากถูกปล่อยลงน้ำแล้วถึง 3 วัน รวมถึงเมื่อแล่นออกไปแล้ว กัปตันก็ป่วยหนักจนลูกเรือต้องนำพาตัวเขากลับขึ้นฝั่ง เป็นต้น
มีคำกล่าวอ้างของพยานคนหนึ่งชื่อ เจ. ฮาบาคัค เจฟสัน ซึ่งอ้างว่า เพราะผู้โดยสารคนหนึ่งเป็นโรคจิต และได้คลุ้มคลั่งอาละวาดขึ้นมาและได้ฆ่าคนบนเรือทั้งหมด เพราะมีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ค้นพบคือ มีดประจำตัวของกัปตันบริกก์ที่พบมีคราบเลือดติดอยู่และมีสิ่งที่คล้ายคราบเลือดติดกับกราบเรืออยู่ด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างของพยานผู้นี้ได้ก่อให้เกิดเป็นความสนใจขึ้นมา
#สาระจี๊ดจี๊ด
ด้วยคำกล่าวอ้างนี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับอาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ ในวัยหนุ่ม นำไปแต่งเป็นนวนิยายที่โด่งดังมีชื่อเสียงขึ้นมา คือ เชอร์ล็อก โฮมส์
มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับการหายตัวไปของลูกเรือ ทั้งถูกสัตว์ประหลาดใต้ทะเลจู่โจม หรือถูกโจรสลัดปล้นและได้สังหารทุกคนทิ้งทะเลหมด แต่..
ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ เรือแมรีเซเลสต์นั้นบรรทุกแอลกอฮอล์จำนวนมากในถังไม้ แม้สภาพของถังบรรจุเหล่านั้นจะยังมีสภาพดีอยู่ แต่ทว่าการสืบสวนของคดีนี้พบว่ามีบางถังมีร่องรอยฉีกขาด เป็นไปได้ว่าเรือเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้แอลกอฮอล์ระเหยออกมา ซึ่งมีสภาพเป็นสารพิษ ทำให้ไม่มีอากาศหายใจและเกิดภาพหลอน ทุกคนจึงหลบไปอยู่ห้องใต้ท้องเรือ จนกระทั่งตัดสินใจสละเรือลงเรือบด หมายจะให้แอลกอฮอล์ระเหยไปให้หมดโดยผูกเชือกไว้กับเรือแมรีเซเลสต์ แต่ปรากฏว่า สภาพอากาศไม่ดีขึ้นและเรือแมรีเซเลสต์ก็ยังคงแล่นต่อไปโดยไม่มีผู้บังคับ จนในที่สุดเชือกได้ขาดลง ทั้งหมดจึงต้องลอยคว้างอยู่กลางทะเล และคงเสียชีวิตทั้งหมดจากการขาดอาหาร
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
แหล่งที่มา / แหล่งอ้างอิง
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง
โฆษณา