22 ก.ค. 2021 เวลา 03:12 • สุขภาพ
“รูปแบบของความรัก”
ความรัก มีรูปแบบไหนบ้าง ?
คำถามนี้มาจากผู้ใช้งาน Blockdit ท่านหนึ่งที่ได้ถามเอาไว้ครับ
โดยผมได้เข้าไปตอบ (ตอบซะยาวเลย 555)
แล้วก็รู้สึกว่าน่าเอามาแบ่งปันให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
ซึ่งพอนึกไปนึกมาก็เหมือนกับการตอบว่า
“ความรักคืออะไร”
แต่จากการทำงานของผมพบว่า
รักนั้นมีอะไรมากกว่าคำนิยามครับ
(คำนิยามหมายถึง ความหมาย/คำบรรยาย
ที่จัดอยู่ในระดับเดียวกัน/ระนาบเดียวกัน)
ทีนี้ เนื่องจากความรักมันเข้าไปเกี่ยวข้องกับสภาวะจิตใจ
รวมทั้งระดับของจิตใจที่มนุษย์เรามีด้วยครับ
(ซึ่งระดับจิตใจที่ว่านี้ “เป็นสมรรถนะของใจ/เป็นความสามารถของใจ”
ที่ส่งผลต่อสุขทุกข์ของเราโดยตรงครับ)
ดังนั้น
สำหรับผมแล้ว “ความรักในทุกรูปแบบ”
แบ่งออกเป็น 2 ระดับครับ ^^
ระดับที่ 1 ความรักแบบที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
ระดับที่ 2 ความรักแบบที่ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
ส่วนความรักแต่ละระดับจะเป็นอย่างไรนั้น
มาเรียนรู้ไปพร้อมกันครับ ^^
“ความกลัว นำไปสู่การยึดติดครอบครอง”
ประสบการณ์ทุกชนิดที่มีความกลัวเจือปนอยู่
จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางครับ
ทั้งความรัก ความเข้าใจ การช่วยเหลือ การดูแล
หรือแม้กระทั่งการเลี้ยงดู
เราอาจนึกถึงเรื่องราวในครอบครัว
ที่พ่อแม่ผู้เลี้ยงดูวางท่าทีกับลูกทำนองว่า
-ลูกต้องทำตัวดี ๆ
-ลูกต้องไม่ร้อง
-ลูกต้องเข้มแข็ง
-ลูกต้องเรียนเก่ง
ฯลฯ
“ซึ่งลึก ๆ แล้วมีความกลัวผลักดัน”
ทั้งกลัวลูกไม่ดีตามมาตรฐาน, กลัวตัวเองเลี้ยงได้ไม่ดี
และกลัวว่าตัวเองจะเป็นพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูที่ไม่ดี เป็นต้น
หากเราลองสังเกตจะพบว่า
การวางท่าทีเหล่านี้ล้วนมีเงื่อนไขซ่อนอยู่
ซึ่งจะเป็นเหมือนคำสั่งที่ส่งตรงไปยังหัวใจของลูกหลาน
คล้ายกับว่า ถ้าเอ็งอยากมีชีวิตรอดและอยากให้มีคนรักแล้วล่ะก็
“เอ็งต้องทำแบบนี้/เอ็งห้ามทำแบบนั้น”
มันเลยเกิดเป็นความคาดหวัง และ กลัวว่าจะไม่ได้อย่างที่หวัง
(อยากได้ แล้วกลัวไม่ได้)
แล้วสิ่งที่น่าเรียนรู้ก็คือ
เพราะอะไรความกลัวถึงทำให้คนเราครอบงำคนอื่นถึงเพียงนี้
ความกลัวมักทำให้เราเผลอหาสิ่งยึดเกาะครับ
เหมือนคนจะล้มแล้วต้องหาอะไรมาจับไว้
ทีนี้ ด้วยการเรียนรู้และความเคยชิน
(เคยชินกับการหนีความกลัว/เคยชินกับการควบคุมสิ่งอื่น/
ไม่ยอมจัดการกับความกลัวด้วยตัวเอง/ไม่ยอมสะสางความกลัวที่ครอบงำชีวิต)
เราก็จะเชื่อว่า
“ถ้าควบคุมบางสิ่งได้ เราก็จะปลอดภัย”
การมีเงื่อนไขไว้ใช้สำหรับควบคุมสิ่งต่าง ๆ
จึงกลายเป็นอีกเครื่องมือที่ทำให้เราหายกลัว
(จริง ๆ คือ รู้สึกปลอดภัยแบบปลอม ๆ)
มันจึงทำให้เราเผลอยึดติดประสบการณ์ของตัวเอง
-ยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง
-ยึดเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นใหญ่
-ยึดเอาความต้องการของตัวเองเป็นศูนย์กลาง
โดยตั้งเงื่อนไขเพื่อบีบคั้นให้ทุกคนหรือทุกสิ่ง
เป็นไปตามความปรารถนาของเรา
“ผู้อื่นเป็นอย่างไรฉันไม่สน ขอให้ฉันมีความสุขก็พอ”
ดังนั้น
พอการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเข้าไปเกี่ยวข้องกับความรัก
มันก็จะทำให้เกิดความรักระดับที่ 1
“ความรักแบบที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง”
ท่าทีของการรักก็จะเต็มไปด้วยเงื่อนไขมากมายครับ
เช่น
-คุณต้องเข้าใจฉัน
-คุณต้องทำตามที่ฉันขอทุกเรื่อง
-คุณต้องคอยอยู่ข้าง ๆ ฉัน
-คุณต้องทำให้ฉันปลอดภัยและมีความสุข
-คุณต้องพร้อมดูแลฉันเสมอ
ฯลฯ
ซึ่งมันจะทำให้คนที่โดนตั้งเงื่อนไขนั้น
รู้สึกถูกควบคุม ถูกคุกคาม โดนบังคับ
โดนกดดัน รู้สึกไม่อิสระ และไม่มีความสุข
สิ่งที่ตามมาก็คือ คนที่โดนตั้งเงื่อนไข
“ย่อมไม่อยากตอบสนองความต้องการอีกต่อไป และไม่อยากอยู่ด้วยอีกต่อไป”
พอเหตุการณ์เป็นแบบนี้แล้ว
ผู้ที่อุตส่าห์ตั้งเงื่อนไขครอบงำคนรักย่อมรับรู้ว่า
“คนรักเริ่มแสดงออกไม่ตรงตามเงื่อนไข”
มันก็จะเกิดวงจรของการควบคุมครอบงำ
-การบีบบังคับ (อยากได้แล้วต้องได้)
-การทะเลาะและความขัดแย้ง (เปิดศึกเพื่อเอาชนะ)
-การเมินเฉย (เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่อยากได้)
-การใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบเพื่อควบคุม (ผ่านคำพูด/สีหน้า/การกระทำ)
“ซึ่งจะทำให้ความรักและความสัมพันธ์นั้นพังทลายลง”
(เนื่องจากความรักถูกเจือปนไปด้วยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแล้วนั่นเอง)
“ที่ใดหมดแล้วซึ่งความกลัว ที่นั่นย่อมไม่มีการครอบงำ”
ตรงนี้นี่เองครับ
มันก็จะทำให้เกิดความรักระดับที่ 2
“ความรักแบบที่ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง”
(โดยเราสามารถเข้าถึงภาวะนี้ได้ โดยหมั่นสะสางความกลัว,
คลี่คลายความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรัก,
จัดการกับความคาดหวัง และดูแลความทุกข์ที่รบกวนใจเราครับ)
ซึ่งจะทำให้เราไม่มีเงื่อนไขครับ
ส่งผลให้เราได้ใช้ชีวิตด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง
พร้อมยืดหยุ่น พร้อมปรับตัว
“พร้อมเปลี่ยนแปลง”
ภาวะที่ไม่มีการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางนี้
ไม่ได้เป็นการปล่อยทุกสิ่งให้ดำเนินไปแบบไม่สนใจไยดีนะครับ 555
แต่เป็นการอยู่กับทุกสิ่งตามความจริง
-ด้วยการยอมรับ
-ยินดีที่จะเข้าใจ
-พร้อมปรับตัวและเปลี่ยนแปลง
-อยู่กับทุกสิ่งอย่างเกิดประโยชน์
“เกื้อกูล ไม่มุ่งร้าย”
ความรักในลักษณะที่ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกเป็นอิสระ เบาสบาย ปลอดภัย
เป็นตัวของตัวเอง และมีความสุข
“ความสัมพันธ์ย่อมมั่นคงและงอกงามอย่างเป็นธรรมชาติ”
ด้วยเหตุนี้เอง
สภาวะจิตใจจึงเกี่ยวข้องกับความรักโดยตรงครับ
แล้วไม่ว่าเราจะแสดงออกไปแบบไหน
หากเราไม่ได้ฟาดฟันคลื่นของการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางออกไปยังผู้อื่น
เช่น ลูกหลาน, พ่อแม่, พี่น้อง, ญาติ,
มิตรสหาย, คนรัก และครอบครัว
“ทุกความสัมพันธ์ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะมีความสุขและมีความเข้าใจ”
แล้วถึงแม้จะมีขัดใจกันบ้าง
เราก็ยินดีกลับมาดูแลความสัมพันธ์ได้เสมอครับ
ซึ่งต่างจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ที่มักใช้การทำลายล้าง
และควบคุมให้ผู้อื่นเป็นไปตามใจของตนเองอยู่ฝ่ายเดียว ^^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา