21 ก.ย. 2021 เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
《ล่องนภาสู่เมืองจันทรากับฉางเอ๋อ|听一听中秋节故事》
“เทศกาลไหว้พระจันทร์” หรือ “จงชิวเจี๋ย(中秋节)” เป็นหนึ่งในเทศกาลดั้งเดิมของจีน ซึ่งเทศกาลนี้มีวิวัฒนาการมาจากการบูชาปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ นั่นคือการจัดพิธีกรรมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
.
เทศกาลนี้เริ่มมีมาครั้งแรกในจีนยุคโบราณ มาป๊อบในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีรูปแบบเทศกาลที่ตายตัวในสมัยต้นราชวงศ์ถังและบูมที่สุดในสมัยราชวงศ์ซ่ง
.
กล่าวกันว่าพระจันทร์ในเทศกาลนี้สวยที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงและมีนัยยะของการกลับมาเจอกันอีกครั้งของคนในครอบครัวและความสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกัน ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 15 เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติจีน(农历八月十五)
ปล.1 มีคำบรรยายใต้ภาพ
ปล.2 มีเนื้อหา PAT7.4
ปล.3 เนื้อหาอาจจะมีความยาว
ความเป็นมาพอสังเขป|历史渊源简介
เทศกาลจงชิวมีวิวัฒนาการมาจากการบูชาปราฏการณ์ทางธรรมชาติและท้องฟ้าโบราณ ในสมัยโบราณเทศกาลไหว้พระ(祭月节)จะจัดในช่วงอนุฤดูชิวเฟน(秋分)ซึ่งการไหว้พระจันทร์และพระอาทิตย์ก็กลายมาเป็นวัตถุบูชาของชาวจีนโบราณเป็นต้นมา
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อประวัติศาสตร์มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้เทศกาลนี้ถูกรวมเข้าไปในปฏิทินเซี่ยลี่(阴历;夏历)ต่อมาก็มีการปรับห้วงเวลาของเทศกาลไหว้พระจันทร์มาเป็นวันที่ 15 เดือน 8 แทน
.
แต่เมื่อเวลาผ่านไป การไหว้พระจันทร์ก็ยังคงมีเช่นเดิม หากแต่ถูกประดับตกแต่งด้วยเรื่องราวของตำนานมากขึ้น เพื่อให้เทศกาลนี้มีกิมมิคที่น่าค้นหาอีกด้วย
ชื่อนี้ได้แต่ใดมา|中秋节日别称
ตามหลักปฏิทินจีน เดือน 8 เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงจะถือเป็นเดือนที่สองของฤดูใบไม้ร่วง เรียกว่า “จ้งชิว(仲秋)” และวันที่ 15 เดือน 8 ก็อยู่กลางเดือนจ้งชิวพอดีจึงเรียกว่า “จงชิว(中秋)” นั่นเอง
1
·“เทศกาลไหว้พระจันทร์(祭月节)” มีที่มาจากในสมัยโบราณมีกิจกรรมในคืนชิวเฟน(秋分夕月)
·“เทศกาลเดือนแปด(八月节)” หรือ “ครึ่งเดือนแปด(八月半)” มีที่จากเทศกาลไหว้พระจันทร์จะจัดขึ้นในวันที่ 15 เดือน 8
·“ถวนหยวน(团圆节;เทศกาลแห่งความกลมเกลียว)” มีที่มาจากพระจันทร์ในวันนี้จะเต็มดวง ซึ่งมีนัยยะของการกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันของคนในครอบครัว
·“วันเกิดของแสงจันทร์(月光诞)” เป็นคำเรียกท้องถิ่นในมณฑลกว่างตง เขตกว่างฝู(广东广府地区)
· “จันทร์สกาวพอดี(端正月)” มีที่มาจากพระจันทร์ในวันที่ 15 เดือน 8 นั้นส่องสว่างที่สุด
ฉางเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์|嫦娥奔月故事
ในบรรดาเทพนิยายหรือตำนานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลจงชิว ตำนานเรื่อง “ฉางเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์” เป็นเรื่องที่ป๊อบที่สุดแล้ว
ตำนานกล่าว่า:
ในยุคบุพกาลฉางเอ๋อ(嫦娥)เป็นภรรยาของโฮ่วอี้(后羿)ในช่วงเวลานั้นโลกมีดวงอาทิตย์ทั้งหมด 10 ดวงและมันแผดเผ่าโลกจนพืชผลไหม้เกรียมจนหมดและนำมาสู่ความหวาดกลัวต่อภัยพิบัติที่จะตามมาในภายหลัง โฮ่วอี้ตระหนักถึงปัญหานี้ดีและต้องการจะขจัดภัยแก่ประชาชน เขาถึงยิงดวงอาทิตย์ทิ้งเสีย 9 ดวงและเหลือไว้ 1 ดวงเพื่อให้สร้างความอบอุ่นแก่โลกต่อไป
.
ต่อมาโฮ่วอี้ได้ยินมาว่าพระแม่ซีหวังหมู่แห่งเขาคุนหลุน(昆仑山西王母)มียาอายุวัฒนะอยู่ในครอบครอง กล่าวกันว่ายาชนิดนี้เมื่อกินแล้วจะทำให้สามารถลอยได้และคนที่เลิกรากันก็สามารถกลับพบกันใหม่ ดังนั้นเขาจึงข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปขอมาส่วนหนึ่งและเขาก็ได้มันมา แต่ทว่าโฮ่วอี้กลับรู้สึกว่าหากเขาลอยได้เพียงคนเดียว ก็จะสูญเสียความรักที่มีต่อฉางเอ๋อและประชาชนที่รัก เขาจึงมอบให้ฉางเอ๋อเป็นคนเก็บรักษาไว้
3
โฮ่วอี้มีคนสนิทคนหนึ่งนาว่า “เฝิงเมิ่ง(逢蒙)” ได้ฉวยโอกาสทรยศโฮ่วอี้ในวันที่ 15 เดือน 8 ซึ่งขณะนั้นเขากำลังออกไปล่าสัตว์ พร้อมทั้งขู่ฉางเอ๋อให้นำยาส่งมาให้เขา แต่นางไม่ยอมจึงทำการกลืนมันเสีย
.
หลังกลืนไปได้ไม่นาน นางก็รู้สึกเบาหวิวและเหินสู่ดวงจันทร์ในทันที ในเวลาต่อมาโฮ่วหี้ก็ได้ตั้งโต๊ะบูชาดวงจันทร์และภาวนาถึงฉางเอ๋อมาตลอด ภายหลังผู้คนจึงปฏิบัติตามจนกลายมาเป็นประเพณีสืบต่อถึงปัจจุบัน
1
กระต่ายหยกตำสมุนไพร|玉兔捣药故事
ตำนานเรื่อง “กระต่ายหยกตำสมุนไพร” มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานฉางเอ๋อโดยตรง
ตำนานกล่าวว่า:
มีครอบครัวกระต่ายอยู่ครอบครัวหนึ่งได้บำเพ็ญตนมาพันปีจนบรรลุเป็นเซียน มีอยู่วันหนึ่ง เง็กเซียนฮ่องเต้(玉皇上帝)ได้เรียกให้กระต่ายตัวผู้ไปเข้าเฝ้า ทำให้เขาต้องจากจากลูกเมียด้วยความไม่เต็มใจนัก เมื่อเขามาถึงประตูหนานเทียน(南天门)ก็เห็นเทพแห่งดาวศุกร์(太白金星)ได้พานางฉางเอ๋อไปพร้อมกับแม่ทัพสวรรค์ เซียนกระต่ายตัวนี้ก็เกิดความสงสัยจึงเข้าไปถามกับนายทวารบาลว่าเกิดอะไรขึ้น พอทราบความเขาก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยกำลังที่มีน้อยนิดก็มิอาจจะช่วยอะไรนางได้ เขาสงสารในความเปล่าเปลี่ยวของนางภายในวังดวงจันทร์ ก็คิดในใจว่าถ้ามีใครไปอยู่เป็นเพื่อนก็คงจะดี ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงลูกเมียจึงด่วนกลับบ้าน
1
เมื่อถึงบ้านเซียนกระต่ายจึงนำเรื่องนี้มาเล่าและเสนอว่าอยากให้ลูกไปอยู่เป็นเพื่อนฉางเอ๋อ ผู้เป็นแม่ก็เห็นอกเห็นใจนางนะ แต่ก็ไม่อยากให้ลูกไป ยวี่ทู่(玉兔)ผู้เป็นลูกก็เข้าใจหัวอกของแม่ แต่เขาก็ยอมเสียสละเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนในวังกับฉางเอ๋อเอง
.
และแล้วยวี่ทู่ก็มามีบทบาทในการตำยาและสมุนไพรในวังจันทรา(月宫)ของฉางเอ๋อ นอกจากนี้เขายังมีบทบาทต่อโลกมนุษย์เช่นกันคือ ทุกปีเมื่อถึงวันที่ 15 เดือน 8 ยวี่ทู่จะนำยาที่ตนเองตำมาแจกจ่ายเพื่อรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์นั่นเอง
สามภพสามชาติ ลิขิตรักแห่งจันทรา|三生三世满月命
ในทวีปยุโรปมีความเชื่อเรื่องกามเทพอย่าง “คิวปิด (Cupid)” แต่ทางฝั่งเอเชียตะวันออกก็มีความเชื่อนี้เช่นกัน นั่นก็คือ “ผู้เฒ่าจันทรา(月下老人)” ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพตามความเชื่อของศาสนาเต๋าที่ยังมีคนเคารพบูชาในปัจจุบัน ถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนวัยหนุ่มสาวที่ยังโสดหรือกำลังตามหาคู่ของตนเอง ดังนั้นเทพองค์จึงมีหน้าที่ในการจดบันทึกและลิขิตความรักของมนุษย์นั่นเอง
แต่รู้หรือไม่ว่าเหตุใด “ด้ายแดง(红线)” จึงกลายเป็นมาสคอตในการขอพรเรื่องความรัก นั่นก็เพราะด้ายแดงมีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานของเฒ่าจันทรายังไงล่ะ
.
กล่าวกันว่า เฒ่าจันทราสามารถมองเห็นด้ายแดงของมนุษย์ที่คู่กันหรือคู่แท้มาตั้งแต่สามชาติสามภพของพวกเขา เมื่อเป็นดังนั้นเทพองค์นี้จึงทำการจดบันทึกรายชื่อของคนที่มีด้ายคู่กันกับอีกคนและทำให้พวกเขาสมหวังดังใจในที่สุด
.
ด้ายแดงที่ว่ามาเราก็สามารถพบเห็นได้ตามหนังจีน เช่น “สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย《三生三世枕上书》” หรือแม้แต่อนิเมะที่เรียกน้ำตาคนดูอย่าง “Your name 《君の名は。;Kimi nonawa》” ที่ได้รับอิทธิพลความเชื่อเรื่องด้ายแดงของจีน หากแต่อาจจะมีความแตกต่างกันในแบบของตนเองก็ได้
ดวงจันทร์ในจงชิวกลมจริงรึเปล่า!?|中秋月亮最圆吗?
บางคนคิดว่าดวงจันทร์จะโคจรมาใกล้โลกที่สุดในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ดังนั้นเมื่อเราแหงนมองขึ้นไปจึงรู้สึกว่ามันกลมดิ๊ก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก อย่างที่ทราบกันดีว่าเส้นรอบวงของดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ โดยเฉลี่ย 8.8 ปีจึงเปลี่ยนไปหนึ่งครั้ง กล่าวได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เส้นรอบวงของดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลกจะเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่เทศกาลไหว้พระจันทร์ในทุกปี
.
ส่วนเหตุที่เรารู้สึกว่ามันกลมก็เป็นเพราะมุมเอียงของโลกที่เพิ่มขึ้นและมีปฏิกิริยาต่อการโคจรรอบดวงอาทิตย์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิยังไงล่ะ นั่นคงไม่แปลกอะไรถ้าท้องฟ้าในช่วงนี้มีความสดใส อากาศที่เย็นสบายและดวงจันทร์ก็มีขนาดใหญ่โตกว่าปกติ
ปฏิวัติขนมไหว้พระจันทร์|朱元璋月饼起义
ไม่ว่าจะชาติไหนการปฏิวัติและการก่อกบฏก็ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อไหมว่าในหน้าประวัติศาสตร์จีนก็มีการปฏิวัติหนึ่งที่ขึ้นชื่อมากๆ นั่นก็คือ “การปฏิวัติขนมไหว้พระจันทร์(月饼起义)”
ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า:
ราษฎรในบริเวณภาคกลางในช่วงปลายราชวงศ์หยวน(元朝末年)ไม่สามารถทนต่อการปกครองที่เผด็จการของชนเผ่านอกด่านได้อีก ในที่สุดพวกเขาก็ทำการก่อกบฏขึ้นแต่ไม่สำเร็จ
.
จนกระทั่งมีชายชาวฮั่นคนหนึ่งนามว่า “จูหยวนจาง(朱元璋)” ได้รวบรวมชาวบ้านราษฎรจากทุกพื้นที่และสร้างสุมกองกำลังต่อต้านไว้ แต่การส่งข่าวสารในสมัยนั้นค่อนข้างลำบาก เนื่องจากการตรวจตราเชิงรุกและใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ชาวมองโกล จนกระทั่งกุนซือหลิวปั๋ว(军师刘伯)ได้เสนอแผ่นว่าให้เขียนข้อความ “ก่อปฏิวัติในค่ำวันที่ 15 เดือน 8【八月十五夜起义】” ลงในกระดาษแล้วนำสารลับนี้ยัดเข้าไปในขนมไหว้พระจันทร์และกระจายไปทั่วราชอาณาจักร
และเมื่อถึงวันก่อปฏิวัติ ชาวจีนฮั่นก็ได้ลงมือสังหารชาวมองโกลทั่วแผ่นดิน ฝ่ายจูหยวนจางก็นำทัพชาวฮั่นบุกถล่มวังของข่านมองโกล จนในที่สุดชาวจีนก็สามารถปลดแอกตนเองได้ พร้อมทั้งแต่งตั้งให้จูหยวนจางเป็นปฐมบรมฮ่องเต้หมิงไท่จู่แห่งราชวงศ์หมิง(明太祖朱元璋)สืบไป
.
แต่เมื่อชนเผ่าแมนจู(满族)สามารถเข้ายึดนครปักกิ่งได้ ทำให้ชาวจีนฮั่นต้องอพยพหนีออกนอกประเทศทันที และสิ่งที่พวกเขานำมาด้วยนั่นก็คือ “ขนมไหว้พระจันทร์” นั่นเอง
อมตะบทกวีลือชื่อแห่งต้าซ่ง|《水调歌头》著名词
มีบทกวีมากมายที่เหล่ากวีได้แต่งถึงดวงจันทร์ แต่มีบทกวีบทหนึ่งที่กลายเป็นมาสคอตของเทศกาลไหว้พระจันทร์มาช้านาน นั่นคือบทกวี “จันทร์สกาวจะมีคราใด ทำนองสายน้ำ《水调歌头·明月几时有》” ซึ่งเป็นบทกวีที่แต่งโดยนักกลอนที่มีชื่ออย่าง “ซูตงพัว(宋朝苏东坡、苏轼)” แห่งต้าซ่ง ซึ่งในบทความนี้จะแปลบทกลอนนี้ให้ทุกคนได้อ่านกัน
สุ่ยเตี้ยวเกอโถว《水调歌头·明月几时有》
โดย ซูสื้อ/ซูตงพัว(宋·苏轼、苏东坡)
明月几时有?把酒问青天。
Míngyuè jǐshí yǒu? Bǎjiǔ wèn qīngtiān.
จันทร์สกาวจะมีคราใด ข้าจึงนำจอกสุราไถ่ถามฟ้าคราม
不知天上宫阙,今夕是何年。
Bùzhī tiānshàng gōngjué, jīnxī shì hé nián.
ไม่ทราบว่าวังสวรรค์ ณ ตอนนี้เป็นวันเวลาใด
我欲乘风归去,又恐琼楼玉宇,高处不胜寒。
Wǒ yù chéng fēng guī qù, yòu kǒng qióng lóu yùyǔ. Gāo chù bùshèng hán.
ข้าคิดจะเหินเวหากลับไปยังวังนั้น แต่ก็เกรงกลัววังที่งามดั่งหยกนี้ เมื่อยิ่งสูงก็มิอาจจะทานความหนาวเหน็บได้
起舞弄清影,何似在人间!
Qǐwǔ nòng qīng yǐng, hé shì zài rénjiān!
คว้ากระบี่ร่ายรำใต้แสงจันทรา ไฉนเลยจะเหมือนโลกมนุษย์
转朱阁,低绮户,照无眠。
Zhuǎn zhū gé, dī qǐ hù, zhào wúmián.
จันทราเลื่อนลอยลงตรงหน้าต่างบนหอสีชาด แสงสว่างจนมิอาจจะหลับไหล
不应有恨,何事长向别时圆?
Bù yìng yǒu hèn, héshì zhǎng xiàng bié shí yuán?
มิควรโกรธแค้นเคืองขุ่น แต่ไฉนจันทร์จึงทรงกลดเมื่อตอนจำพรากด้วย
人有悲欢离合,月有阴晴圆缺,此事古难全。
Rén yǒu bēihuānlíhé, yuè yǒu yīn qíng yuán quē, cǐ shì gǔ nán quán.
มนุษย์นั้นมีทุกข์สุข มีพรากมีพบฉันใด จันทร์ก็มีเต็มมีเสี้ยวฉันนั้น
มิอาจจะสมบูรณ์พร้อมมาตั้งแต่บุราณกาลแล้ว
但愿人长久,千里共婵娟。
Dàn yuàn rén chángjiǔ, qiānlǐ gòng chánjuān.
หากจะขอเพียงมนุษย์มีอายุยืนกว่านี้ แม้ห่างกันพันลี้ก็ได้เชยชมจันทร์สกาวเสมือนเรายังเคียงข้าง
.
ไม่ใช่แค่บทกวีนี้ที่สามารถเจอในเทศกาลไหว้พระจันทร์เพียงอย่างเดียว เรายังสามารถเจอบทเพลงที่คุ้นเคยอย่าง “พระจันทร์แทนใจ《月亮代表我的心》” อันเป็นเพลงอมตะของนักร้องก้องโลกอย่าง “เติ้งลี่จวิน(邓丽君)” ได้อีกด้วย
ไหว้พระจันทร์|拜月
1. ไหว้พระจันทร์|拜月
.
การไหว้พระจันทร์ก็มีมาตั้งแต่จีนยุคโบราณ ส่วนใหญ่จะบูชาเทพแห่งจันทร์ตามคติศาสนาเต๋าและบูชาปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ผู้คนจะจัดโต๊ะไหว้แล้วขอพรให้ครอบครัวตนเองพบกับความโชคดีและความสุข
การชมจันทร์|中秋赏月
2. การชมจันทร์|中秋赏月
.
ธรรมเนียมการชมจันทร์มาจากการไหว้พระจันทร์ เนื่องด้วยบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและดวงจันทร์ที่ใหญ่เป็นพิเศษจึงทำให้เกิดความรู้สึกที่รีแลกซ์
เหล้าดอกหอมหมื่นลี้|桂花酒
3. ร่ำสุราดอกหอมหมื่นลี้|赏桂花饮酒
.
ชาวจีนนิยมทานขนมไหว้พระจันทร์ไปพร้อมกับการชม “ดอกหอมหมื่นลี้” หรือ “ดอกกุ้ยฮวา(桂花)” ซึ่งมีกลิ่นที่หอมหวานมาก ภายหลังจึงมีการนำดอกกุ้ยฮวาทำเหล้าที่มีกลิ่นหอมหวานและนำมาดื่มอย่างเพลิดเพลินในเทศกาลไหว้พระจันทร์
จุดโคมไฟ|燃灯
4. จุดโคมไฟ|燃灯
.
เมื่อถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ชาวจีนจะนิยมประดับประดาบ้าน อาคารหรือสถานที่ต่างๆ ด้วยโคมไฟเหมือนเมื่อครั้งเทศกาลหยวนเซียว(元宵节)บางคนเชื่อว่าการประดับโคมจะทำให้ครอบครัวร่ำรวยและมั่งคั่ง และบางคนก็เชื่อว่ามันเปรียบได้กับแสงจันทร์ดวงน้อยๆ ที่ส่องสว่างแก่โลก
ทานขนมไหว้พระจันทร์|中秋食月饼
5. ทานขนมไหว้พระจันทร์|中秋食月饼
.
ขนมไหว้พระจันทร์เป็นมาสคอตที่ขาดไม่ได้เมื่อถึงเทศกาลจงชิว เนื่องจากรูปลักษณ์ที่เป็นทรงกลมเหมือนดวงจันทร์และมีนัยยะของการกลับมาพร้อมหน้าพร้อมกันของคนในครอบครัว
.
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
.
สามารถอ่านฉบับย่อได้ที่
โฆษณา