12 ก.ย. 2021 เวลา 12:09 • การศึกษา
Business Model คืออะไร
ต่างจาก Business Plan อย่างไร
การทำงานให้ประสบผลสำเร็จได้ ควรต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีขั้นตอน วิธีการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายนั้น ยิ่งทำให้รายละเอียดหรือวิธีการไปสู่เป้าหมายมีความชัดเจนมากเท่าไร โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ยิ่งสูงตามไปด้วย
1
Business model คือ แบบจำลองธุรกิจ ที่สร้างขึ้นมาให้เห็นภาพของธุรกิจครบวงจร ช่วยให้การดำเนินธุรกิจมีทิศทางที่ชัดเจน ทีมงานรู้และเห็นภาพตรงกัน
1
⛳ องค์ประกอบของ Business model ได้แก่
1) สิ่งที่นำเสนอแก่ลูกค้า (Offer, Value proposition) เป็นคุณค่าของสินค้าหรือบริการ กล่าวคือ สินค้าหรือบริการที่จะขายสามารถแก้ปัญหาและช่วยลูกค้าได้
1
2) กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Customer segment) ต้องรู้ว่าเราทำสินค้านี้เพื่อมาขายให้ใคร ต้องรู้กลุ่มที่แน่ชัด ศึกษาวิจัยถึงพฤติกรรมลูกค้า แล้วนำมาประกอบวิธีการทำให้เข้าถึงลูกค้าอย่างได้เปรียบ
1
3) ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า (Distribution channels) เมื่อทราบว่าลูกค้าเป้าหมายอยู่ที่ไหน ก็กำหนดช่องทางการขาย เพื่อให้สินค้าหรือบริการไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้
1
4) การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer relationships) สร้างกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้ากลายเป็นลูกค้าประจำ มีความไว้วางใจและจงรักภักดีในผลิตภัณฑ์
1
เช่น จัดกิจกรรมร่วมกันในวันสำคัญของกิจการ ให้คำปรึกษาแนะนำหรือช่วยเหลือหลังการขาย มีการส่งข้อมูลและมีการประชาสัมพันธ์การจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าเก่าได้รับก่อน เป็นต้น
2
5) รายได้ของกิจการ (Revenue streams) ต้องมีกลยุทธ์ในการทำกำไรให้ธุรกิจ เราต้องรู้ว่ารายได้ของกิจการเรามาจากอะไรบ้าง รายได้ตัวไหนเป็นตัวหลัก จะเพิ่มยอดขายได้ด้วยกลยุทธ์แบบไหน และเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เคยจำลองไว้ล่วงหน้า
1
6) ทรัพยากรหลัก (Key resource) ต้องรู้ว่าต้องใช้วัตถุดิบ เครื่องมือ เครื่องจักร และคนงาน รวมทั้งทรัพยากรอะไรบ้าง เพื่อที่จะผลิตสินค้าหรือบริการออกมาได้ ตรงนี้จะช่วยให้ทราบถึงเงินทุนว่าต้องใช้มากน้อยเพียงใด
1
7) กิจกรรมหลัก (Key activities) ในการผลิตหรือให้บริการนั้นมีกิจกรรมอะไรบ้าง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ และกิจกรรมหลักนี้ถือเป็นโมเดลธุรกิจหลักของกิจการ
1
8) คู่ค้าและเครือข่ายสนับสนุน (Key partners) การทำธุรกิจจำเป็นต้องมีพันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้าและเครือข่ายต่างๆ เป็นมิตร สนับสนุน มากกว่าเป็นคู่แข่งทำลายกัน
1
9) โครงสร้างต้นทุน (Cost structure) ต้นทุนของสินค้ารวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งคงที่และผันแปรของกิจการ จำเป็นต้องรู้เพื่อให้สามารถตั้งราคาขายสินค้าให้ได้กำไร และยังช่วยให้เราหาวิธีการต่างๆ ในการลดต้นทุนได้อีกด้วย
⛳ ข้อดีของการทำ Business model
📌 ช่วยให้มองเห็นภาพธุรกิจชัดเจนขึ้น ว่าจะไปในทิศทางใด มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จด้วยการทำอย่างไร
📌 ทำให้ไม่ต้องคอยดูอยู่หน้างานตลอดเวลา เพราะมีการวางแผนเป็นอย่างดีทุกขั้นตอน
1
📌 ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพราะได้คาดการณ์ล่วงหน้าและหาทางบรรเทาหรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้นไว้แล้ว
การทำงานอย่างมีแผนทำให้ดำเนินงานได้อย่างราบรื่น รวมถึงสามารถป้องกันอุบัติเหตุทางธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง จึงทำให้ธุรกิจที่มีโมเดล มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าธุรกิจที่ไม่มีการวางแผนงานไว้เลย
1
จะเห็นได้ว่า Business Model กับ Business Plan ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกันมาก แล้วมันต่างกันอย่างไร
👉 แผนธุรกิจ (Business Plan) แผนธุรกิจนั้นเปรียบได้กับเป็น “คู่มือ” ในการทำธุรกิจ ที่จะมีขั้นตอน วิธีการทำงานๆ ของแต่ละแผนก และยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้ประกอบการใช้วางแผนธุรกิจ
1
เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ นำมาซึ่งกำไร หรือเรื่องอื่นๆ ที่ได้คาดหวังไว้ และสามารถเป็นแผนในการนำเสนอต่อธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อยื่นกู้ขอสินเชื่อ หรือหุ้นส่วนทางธุรกิจและนักลงทุนทั่วไป
1
👉 ส่วน โมเดลธุรกิจ (Business model ) หรือ แบบจำลองธุรกิจ มีจุดประสงค์ทำเพื่อให้เห็นภาพรวมของธุรกิจ ว่าธุรกิจกำลังทำอะไร ขายอะไร ขายให้ใคร กลยุทธ์ต่างๆ รูปแบบการสร้างรายได้เป็นแบบไหน
โดยสิ่งที่ทำให้แผนธุรกิจ กับโมเดลธุรกิจแตกต่างกัน ก็คือ แผนธุรกิจเมื่อเริ่มแรกที่กิจการวางไว้พอทำจริงจะเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ ตามเวลา หรือสถานการณ์
1
ส่วนโมเดลธุรกิจมักจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง เพราะตัวโมเดลธุรกิจจะเป็นตัวตอบคำถามอยู่แล้วว่าธุรกิจเราจะทำเงินอย่างไร โดยในการทำธุรกิจนั้น โมเดลธุรกิจมักจะถูกคิดและวิจัยมาก่อนที่จะทำแผนธุรกิจ
1
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา