1 ต.ค. 2021 เวลา 02:18 • หนังสือ
#90 เล่ม 3 บทที่ 21 หน้า 466 ~ 470
...
G : และคำสัญญาของวิญญาณน้อยก็เป็นคำมั่นสัญญาที่ฉันมอบให้เธอ นั่นคือสิ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แล้วเธอล่ะ...วิญญาณน้อยของฉัน...ได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับวิญญาณดวงอื่นหรือเปล่า❓
...
...
...
N : เปล่าครับ ผมเสียใจที่ต้องบอกว่าเปล่า
G : ไม่ต้องเสียใจไป จงมีความสุขที่ได้สังเกตเห็นความจริง และจงเบิกบานในการตัดสินใจของตนที่จะใช้ชีวิตตามความเป็นจริงใหม่
เพราะพระเจ้าคือการงานที่รุดหน้าไปเรื่อยๆ เธอเองก็เหมือนกัน และจงจำสิ่งนี้ไว้เสมอคือ :
🌟 ถ้าเธอเห็นตัวเองอย่างที่พระเจ้าเห็นเธอ เธอจะยิ้มแก้มปริแน่นอน
🌟 ฉะนั้นในตอนนี้จงออกไปเห็นกันและกันในแบบที่พวกเธอเป็นจริงๆ
🛑 จงสังเกต จงสังเกต จงสังเกต❗
ฉันได้บอกกับเธอไปแล้วว่า ความต่างสำคัญระหว่างพวกเธอกับสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงคือ สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงจะ ‘สังเกตมากกว่า’
🛑 หากเธอปรารถนาที่จะเพิ่มความเร็วในการวิวัฒน์ตัวเอง จงพยายามสังเกตให้มากขึ้น❗
N : นั่นถือเป็นการให้ข้อสังเกตที่ยอดเยี่ยมไปเลยครับ
G : และในตอนนี้ฉันต้องการให้เธอสังเกตว่า : 🔸ตัวเธอเองก็เป็นเหตุการณ์หนึ่ง🔸
🛑 เธอคือสิ่งมีชีวิตที่มาหยุดพักชั่วคราวในฐานะมนุษย์
🛑 เธอคือกระบวนการ และไม่ว่าจะใน “ห้วงขณะใดๆ” ตัวเธอก็เป็นผลลัพธ์ของกระบวนการนั้นด้วย
🛑 เธอคือผู้สร้างและผู้ถูกสร้าง
ฉันพูดเรื่องนี้กับเธอซ้ำไปซ้ำมาในช่วงท้ายๆที่อยู่ด้วยกันนี้ ฉันพูดเรื่องนี้ซ้ำๆเพื่อเธอจะได้ยินมัน ได้เข้าใจมัน
🛑 กระบวนการที่เธอและฉันเป็นนี้จะดำเนินสืบไปชั่วกาล มันเคยเกิดขึ้นในอดีต กำลังเกิดอยู่ในตอนนี้ และจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
มันไม่จำเป็นต้องอาศัย “ความช่วยเหลือ” จากเธอเพื่อให้มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้น “ด้วยตัวของมันเอง” (มันเป็นอย่างนั้นของมันเอง) 🔸และหากไม่เข้าไปยุ่งกับมัน มันก็จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ🔸
มีอีกคำพูดหนึ่งของเวอร์เนอร์ เออร์ฮาร์ด ที่บอกว่า “ชีวิตจะแก้ไขตัวมันเองในกระบวนการของตัวชีวิตเอง”
คำพูดนี้เป็นที่เข้าใจในกระแสเคลื่อนไหวทางจิตวิญญาณว่า “จงปล่อยวางและปล่อยให้พระเจ้าจัดการ — let go and let God” นี่ถือเป็นความเข้าใจที่ดี
หากเธอเพียงแค่ “ปล่อยวาง” เธอก็ได้นำตัวเองออกจากการขัดขวาง “เส้นทาง” นั้น
💥 ซึ่ง “เส้นทาง” นั้นก็คือ กระบวนการ
💥 ซึ่งก็คือ ตัวชีวิต (ซึ่งก็คือ เธอ)
นี่คือเหตุผลที่บรมครูทุกคนต่างบอกว่า “ฉันเป็นชีวิตและเป็นทางนั้น” พวกเขาเข้าใจสิ่งที่ฉันบอกตรงนี้อย่างชัดแจ้ง พวกเขา ‘คือ’ ชีวิต และพวกเขา ‘คือ’ ทางนั้น...
💥 คือเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไป
💥 คือกระบวนการ
🌟 ปัญญาทั้งมวลล้วนเรียกร้องให้เธอวางใจใน “กระบวนการ” นั่นคือ ‘วางใจในพระเจ้า’ หรือถึงขั้นเรียกร้องให้เธอจง ‘วางใจในตัวเอง’ ✨เพราะเธอคือพระเจ้า✨
จงจำไว้ว่า :
🔸เราทั้งหมดคือหนึ่งเดียว🔸
N : ผมจะ “วางใจในกระบวนการ” ได้ยังไงในเมื่อ “กระบวนการ (ชีวิต)” นำแต่สิ่งที่ผมไม่ชอบมาให้อยู่เรื่อย❓
G : จงชอบสิ่งที่ชีวิตนำมาให้เธอ❗
จงรู้และเข้าใจว่าตัวเธอเป็นคนนำสิ่งเหล่านั้นมาให้ตัวเอง❗
จงเห็นความสมบูรณ์แบบ❗
จงเห็นความสมบูรณ์แบบในทุกสิ่ง ไม่ใช่แค่ในสิ่งที่เธอเรียกมันว่า ‘สมบูรณ์/ดีเลิศ’ เท่านั้น
ฉันได้อธิบายอย่างละเอียดให้เธอฟังไปแล้วในไตรภาคนี้ ว่าทำไมสิ่งต่างๆถึงเกิดขึ้นในแบบที่มันเกิดขึ้น...และเกิดขึ้นได้อย่างไร เธอไม่จำเป็นต้องอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้งตรงนี้ แม้ว่ามันอาจเป็นประโยชน์ต่อเธอที่ได้ทบทวนมันบ่อยๆ จนกระทั่งเธออาจสามารถเข้าใจมันได้อย่างแจ่มแจ้งก็ตาม
N : อีกนิดนะครับ ได้โปรด ขอประเด็นสุดท้าย ขอแบบสรุปๆก็ได้ นะครับ ผมจะ “เห็นความสมบูรณ์แบบ” ของบางสิ่งที่ผมมีประสบการณ์ว่ามันห่างไกลมากจากความสมบูรณ์แบบได้ยังไง❓
G : 💥ไม่มีใครสามารถสร้างประสบการณ์ใด ๆ ให้เธอได้ทั้งนั้น
💥 สิ่งมีชีวิตอื่นๆสามารถร่วมสร้างสภาวการณ์และเหตุการณ์ต่างๆภายนอกของชีวิตที่พวกเธอ ‘มีร่วมกัน’ ได้
🛑 แต่มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่อาจทำได้ นั่นคือ 🔸เป็นเหตุให้เธอมีประสบการณ์ใดๆที่เธอไม่ ‘เลือก’ จะมีประสบการณ์🔸
🛑 ในการนี้ “ตัวเธอคือสภาวะสูงสุด” (Supreme being) และไม่มีใคร...ไม่มีใครทั้งนั้น...จะมาบอกเธอให้ต้อง “เป็น” แบบนั้นแบบนี้ได้
เธออาจประสบพบเจอสภาวการณ์ต่างๆในชีวิต 🔸แต่มีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะ ‘ตัดสินใจ’ ได้ว่าสภาวการณ์นั้น ๆ มีความหมายอย่างไร🔸
จงระลึกถึงความจริงที่ฉันได้บอกเธอไว้นานแล้วว่า...
💥 ไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสาร
(Nothing matters) 💥★
[★matter แปลได้สองนัยคือ “สำคัญ” “แก่นสาร” และ “สสาร/มวลสาร/วัตถุ – ผู้แปล]
[★ที่ผมเลือกใช้คำว่า`แก่นสาร`เพราะในตัวมันเองก็แฝงไว้ด้วยความหมายสองนัย คือ ‘ไม่มีสาระหรือไม่สำคัญ’ และ ‘ไม่ใช่สสารหรือไม่ได้เป็นวัตถุ’ – แอดมิน]
N : ครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจมันเต็มที่แล้วหรือเปล่าในตอนนั้น มันทำให้ผมนึกถึงประสบการณ์วิญญาณออกจากร่างในปี 1980 ของตัวผม ผมจำเหตุการณ์นั้นได้ชัดเลย
G : เธอจำอะไรได้บ้าง❓
N : จำได้ว่าตอนแรกผมรู้สึกสับสน เป็นไปได้ยังไงที่ “ไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสาร”❓ แล้วโลกจะเป็นยังไง❓ ตัวผมล่ะจะเป็นยังไง❓ ถ้าไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารเลย❓
G : แล้วเธอได้คำตอบอะไรจากคำถามที่ดีมากอันนั้น❓
N : ตอนนั้นผม “เข้าใจ” ว่า ไม่มีอะไรที่มีแก่นสารในตัวเองและด้วยตัวมันเอง ซึ่งตัวผมเองต่างหากคือคนที่ ‘ใส่ความหมายให้กับเหตุการณ์ต่าง ๆ’ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้มันมีแก่นสารขึ้นมาได้
ผมยังเข้าใจปรัชญาว่าด้วยความจริงในธรรมชาติ (metapsysical) ในระดับที่สูงมากๆอีกด้วย ซึ่งให้ความเข้าใจมหาศาลกับผมเกี่ยวกับตัวกระบวนการแห่งการสร้างสรรค์
G : และความเข้าใจนั้นคือ❓
N : ผม “เข้าใจ” ว่าทุกอย่างก็คือพลังงาน และพลังงานนั้นจะเปลี่ยนเป็น “แก่นสาร” (หมายถึงเปลี่ยนเป็น “วัตถุทางกายภาพ” และ “เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้น”)🔸ไปตามความคิดที่ผมมีต่อมัน🔸
แล้วผมก็เข้าใจว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสาร” หมายความว่า : 🔸ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนเป็นรูปธรรมทางกายภาพได้เว้นแต่เราจะเลือกให้มันเป็นอย่างนั้น🔸
จากนั้นผมก็ลืมความเข้าใจนี้ไปเป็นสิบๆปี จนพระองค์พูดขึ้นมาอีกรอบในการพูดคุยช่วงก่อนหน้าของหน้านี้
G : ทุกอย่างที่ฉันนำมาให้เธอในการพูดคุยกันนี้ เธอได้รู้มาก่อนแล้ว ทั้งหมดนี้ฉันได้บอกเธอมาก่อนแล้วผ่านทางผู้คนที่ฉันส่งไปให้เธอ หรือผ่านทางคำสอนของคนเหล่านั้น ไม่มีอะไรใหม่ตรงนี้ แล้วก็ ไม่มีอะไรให้เธอต้องเรียนรู้
🌟เธอแค่ต้องจำให้ได้เท่านั้น🌟
ความเข้าใจของเธอเรื่อง “ไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสาร” นั้นมีค่าและลึกซึ้ง แล้วมันก็เป็นประโยชน์ต่อเธอมาก
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา