5 ต.ค. 2021 เวลา 02:39 • หนังสือ
#92 เล่ม 3 บทที่ 21 หน้า 478 — 483
...
N : สรุปว่าการมองไปที่อื่นๆในจักรวาลทำให้ผมสามารถเห็นว่าสิ่งต่างๆในที่อื่นๆเป็นอย่างไร และผมจะสามารถใช้องค์ประกอบด้านตรงข้าม/ขั้วตรงข้ามเหล่านั้นเพื่อสร้างความเข้าใจถึงตัวตนที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ในเวลานี้
G : ใช่ นี่เรียกว่า “การจดจำรำลึก”
N : เอ่อ...ไม่น่าจะใช่นะครับ มันเรียกว่า “การสังเกต” ต่างหาก
G : เธอคิดว่าเธอกำลังสังเกตอะไรอยู่❓
...
...
...
N : ผมคิดว่าถ้าเรารวบรวมเทคโนโลยีได้มากพอเราอาจสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ในระบบสุริยะอื่น ในกาแล็กซีอื่นได้
ผมสันนิษฐานว่าความสามารถในการสังเกตที่สวส.มีอยู่ในตอนนี้เป็นเพราะเทคโนโลยีอันล้ำหน้าที่พวกเขามี แล้วพระองค์ก็เป็นคนบอกเองว่าพวกเขากำลังสังเกตพวกเราอยู่ ที่นี่บนโลกใบนี้ สรุปว่านั่นล่ะคือสิ่งที่เราจะสังเกต
G : แต่อะไรกันแน่ที่เธอกำลังสังเกตอยู่จริงๆ❓
N : ผมไม่เข้าใจคำถามครับ
G : ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้คำตอบเธอ
💥เธอกำลังสังเกตอดีตของตัวเอง💥
N : อะไรนะครับ❓❓❓
G : เวลาที่เธอมองขึ้นข้างบน เธอจะเห็นเหล่าดวงดาราที่มันอยู่ห่างออกไปเป็นร้อย เป็นพัน เป็นล้านปีแสง สิ่งที่เธอกำลังเห็น ‘ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ’ หรอก เธอกำลังเห็นสิ่งที่ ‘เคยอยู่’ ตรงนั้นต่างหาก เธอกำลัง “เห็นอดีต” 🔸เป็นอดีตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ🔸
N : ว่าไงนะครับ❓❓❓
G : เธอเคยอยู่ตรงนั้น...กำลังมีประสบการณ์ถึงสิ่งเหล่านั้นอยู่...กำลังทำสิ่งเหล่านั้นอยู่
N : เคยงั้นเหรอครับ❓
G : ฉันไม่เคยบอกเธอหรือว่าเธอมีชีวิตมาแล้วหลายชาติภพ❓
N : เคยบอกครับ แต่ว่า...แต่ว่า...สมมุติว่าถ้าผมเดินทางไปยังหนึ่งในสถานที่เหล่านั้นที่อยู่ห่างออกไปหลายปีแสงได้จริง สมมุติว่าถ้าผมมีความสามารถที่จะเดินทางไปที่นั่นได้จริงๆ...ไปอยู่ที่นั่น “ในตอนนี้” ไปอยู่ในห้วงเวลาที่ผมไม่สามารถ “มองเห็น” สิ่งที่อยู่บนโลกได้ (โลกที่อยู่ห่างออกไปเป็นเวลาหลายร้อยปีแสง)
แล้วผมจะเห็นอะไรที่นั่นครับ❓ จะเห็น “ตัวผม” อีกคนงั้นเหรอ❓ พระองค์กำลังบอกว่าผมจะเห็นตัวผมเองที่กำลังอยู่สองที่ได้ในเวลาเดียวกันงั้นหรือครับ❓
G : แน่นอนที่สุด❗ เธอจะค้นพบสิ่งที่ฉันได้บอกเธอมาโดยตลอดว่า ‘เวลาไม่มีอยู่จริง’ และเธอก็ไม่ได้กำลังเห็น “อดีต” แต่อย่างใด❗ เพราะ ‘ทั้งหมดกำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้’
🛑 “เวลานี้” เธอก็กำลังมีชีวิตอื่นๆอยู่ในสิ่งที่เวลาของโลกเรียกว่า “อนาคต” ของตัวเธอ ระยะทางระหว่าง “ชีวิตต่างๆ/ตัวตนต่างๆ” อันมากมายของเธอทำให้ “ตัวเธอ” สามารถมีประสบการณ์ถึงอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันใน “ช่วงเวลา” ที่แตกต่างกันได้ `อย่างช้าๆ`
🛑 ฉะนั้น “อดีต” ที่เธอระลึกได้อีกครั้ง (หรือการ กลับไปเป็นส่วนหนึ่งอีกครั้ง) และอนาคตที่เธอจะได้พบ ก็เป็นเพียง “ปัจจุบันขณะนี้” เท่านั้น
N : โว้วว นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ❗
G : ใช่ และมันยังเป็นจริงในอีกระดับด้วย เหมือนที่ฉันได้บอกเธอไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า ‘มีเราเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น’
ฉะนั้นเวลาที่เธอมองไปยังดวงดาวต่างๆ เธอก็กำลังเห็นสิ่งที่เธอเรียกว่า : 🔸อดีตของเรา🔸
N : ตามไม่ทันแล้ววว❗
G : ตั้งใจฟังให้ดี มีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกเธอ
เธอกำลังเห็นสิ่งที่เธอให้คำนิยามว่า “อดีต” อยู่เสมอ แม้ในขณะนี้ที่เธอกำลังจ้องมองสิ่งที่กำลังอยู่ตรงหน้าของตัวเองอยู่ก็ตาม
N : ยังไงครับ❓
G : 🛑 มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นปัจจุบันขณะ เพราะพอปัจจุบันขณะ “เกิดขึ้น” ในทันใดนั้นก็แปรเป็นแสงวาบ (การระเบิดของแสง) ที่เกิดขึ้นจากการกระจายตัวออกไปของพลังงาน แล้วแสงนั้นก็พุ่งมาถึงตัวรับสัญญาณของเธอ ซึ่งก็คือดวงตาของเธอ และการทำแบบนั้นมันต้อง "ใช้เวลา"
🛑 ในระหว่างที่แสงนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ ชีวิตก็กำลังดำเนินต่อไป...เคลื่อนที่ไปข้างหน้า เหตุการณ์ต่อไปกำลังเกิดขึ้นในขณะที่แสงจากเหตุการณ์สุดท้ายกำลังเดินทางมาหาเธอ
🛑 การะเบิดตัวของพลังงานเดินทางมาถึงดวงตาของเธอ ตัวรับของเธอก็ส่งสัญญาณไปยังสมอง ซึ่งจะแปลข้อมูลที่ได้รับแล้วบอกเธอว่าเธอกำลังเห็นอะไร
🛑 ทว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วในตอนนี้ มันคือสิ่งที่เธอ ‘คิดว่า’ เธอกำลังเห็น นั่นคือ เธอกำลัง ‘คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้เห็น’ และกำลังบอกกับตัวเองว่ามันคืออะไร และกำลังตัดสินใจว่าเธอจะเรียกมันว่าอะไร
🛑 ในขณะที่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ “ในตอนนี้” จริงๆกำลังนำหน้ากระบวนการเหล่านี้ของเธออยู่ และกำลังรอเธออยู่
พูดง่ายๆก็คือ : ✨ฉันจะล้ำหน้าเธออยู่หนึ่งก้าวเสมอ✨
N : พระเจ้า ไม่อยากจะเชื่อ❗
G : ฟังนะ ยิ่งเธอทำให้ระยะทางระหว่างตัวตนของเธอกับตำแหน่งทางกายภาพของเหตุการณ์ใดๆห่างกันมากเท่าไหร่ เหตุการณ์นั้นก็ยิ่งเป็น “อดีต” มากขึ้นเท่านั้น★ หากเธอถอยตัวเองออกไปหลายสิบปีแสงจากเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เหตุการณ์ที่เธอกำลังมองดูอยู่ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมายาวนาน มากๆแล้ว
[★เช่น ถ้าเรายืนอยู่บนโลกแล้วมองบางสิ่งอยู่ บางสิ่งที่เรากำลังมองดูอยู่นั้นก็เพิ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อกี้ เพราะแสงใช้เวลาเดินทางจากบางสิ่งที่เรากำลังมองดูอยู่นั้นเดินทางมาถึงตาเราโดยใช้เวลาไม่นาน — แต่หากเราถอยตัวเองออกมาจากสิ่งที่เรากำลังมองดูอยู่นั้นออกไป 10 ปีแสง กว่าแสงของเหตุการณ์นั้นจะเดินทางมาถึงตาเราก็ผ่านไป 10 ปีแล้ว แสดงว่าเหตุการณ์ที่เรากำลังมองดูอยู่ในตอนนี้ คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 10 ปีที่แล้ว – แอดมิน]
🛑 ทว่ามันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “มานานมากแล้ว” หรอก มันเป็นแค่ ‘ระยะทางทางกายภาพ’ ที่ก่อให้เกิดภาพลวงตาของ “เวลา” เพื่อเอื้อให้เธอสามารถมีประสบการณ์ถึงตัวเองได้ว่ากำลังอยู่ทั้ง “ที่นี่เวลานี้” ในขณะเดียวกันก็กำลังอยู่ “ที่นั่นเวลานั้น” ด้วย❗
🛑 สักวันหนึ่งเธอจะเห็นว่าสิ่งที่เธอเรียกว่า ‘เวลา’ และ ‘พื้นที่ว่างหรืออวกาศ’ นั้น (time and space) คือ : 🔸สิ่งเดียวกัน🔸
🛑 จากนั้นเธอก็จะเห็นว่า ‘ทุกสิ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ ที่นี่ เดี๋ยวนี้’ (right here, right now)
N : นี่มัน...นี่มัน...บ้าไปแล้ว❗ ผมหมายความว่าผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องพวกนี้ดี
G : เมื่อไหร่ที่เธอเข้าใจเรื่องที่ฉันบอกเธอ เธอจะเข้าใจว่า : 💥ทุกสิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่มีอะไรจริงเลย— เธอแค่กำลังเห็นภาพ (image) ของเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเท่านั้น💥
🛑 ทว่าแม้แต่ภาพนั้น ซึ่งคือการระเบิดออกของพลังงาน (การเกิดขึ้นอย่างฉับพลันของพลังงานที่พุ่งกระจายตัวออกไป) ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่เธอกำลังแปลความหมายให้มัน การแปลความหมายหรือการให้ความหมายต่อภาพนั้นเรียกว่า ‘จินตนาการ’ (image-ination)★
🛑 และเธอก็สามารถใช้จินตนาการของเธอไปสร้างสรรค์ ‘อะไรก็ได้’ เพราะว่าจินตนาการของเธอดำเนินไปแบบสองทาง (และนี่คือความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของความลับทั้งมวล) 🛑
[★ -ination (อินเอชั่น) คือ การกระทำ, image คือภาพ เอามาผสมกัน imagination แปลว่า จินตนาการ หรือแปลตามตัวอักษรได้ว่า "การกระทำที่มีต่อภาพนั้นๆ"
 
***และตามความหมายที่พระองค์อธิบายนี้ก็หมายความว่า สรรพสิ่งทั้งปวงก็เป็นเพียงโลกแห่งจินตนาการเท่านั้น คือถ้าไม่ใส่ความหมายให้กับอะไรเลย ทุกสิ่งก็ไร้ซึ่งคุณค่าและความหมายใดๆ : ซึ่งก็คือ ความว่างเปล่า ความว่างเปล่าไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรเลย มันมีอยู่แต่ไม่มีความหมายอะไรเลยต่างหาก พุทธอาจเรียกสิ่งนี้ว่า สุญญตา กระมัง*** – แอดมิน]
N : อธิบายให้ฟังหน่อยครับ
G : เธอไม่เพียง ‘แปลความหมาย’ ของพลังงานเท่านั้น แต่เธอยัง ‘สร้างมันขึ้นมา’ ด้วย
จินตนาการคือการทำหน้าที่ของจิตใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามภาคของตัวเธอที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสามภาค
💥 เธอจินตนาการหรือวาดมโนภาพบางอย่างในจิตใจ แล้วมันก็จะเริ่มก่อรูปทางกายภาพ ยิ่งเธอวาดมโนภาพถึงมันนานมากเท่าไหร่ (รวมถึงมีคนมากแค่ไหนที่วาดมโนภาพนั้น — ซึ่งจริงๆแล้วคนเหล่านั้นก็คือเธอ) รูปนั้นก็จะยิ่งมีลักษณะทางกายภาพมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งพลังงานที่เธอมอบให้มันเพิ่มมากขึ้นจนถึงจุดที่มัน ‘ระเบิดออกเป็นแสง’ และฉายภาพตัวมันเองไปยังสิ่งที่เธอเรียกว่าโลกแห่งความจริงของเธอ
💥 แล้วจากนั้นเธอจึง “เห็น” ภาพนั้น และ 🔸ตัดสินใจอีกครั้งว่ามันคืออะไร🔸 ด้วยเหตุนี้วงจรก็จะหมุนเวียนต่อไป นี่คือสิ่งที่ฉันเรียกว่า "กระบวนการ"
🌟 นี่คือ “สิ่งที่เธอเป็น”
🌟 เธอ ‘คือ’ กระบวนการนี้
🌟 นี่คือ “สิ่งที่พระเจ้าเป็น”
🌟 พระเจ้า ‘คือ’ กระบวนการนี้
นี่คือ ‘ความหมายของสิ่งที่ฉันเรียกว่า’ : ✨เธอเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ถูกสร้าง✨
ฉันรวบทุกอย่างเข้าด้วยกันตรงนี้ให้เธอแล้วนะ เรากำลังสรุปการพูดคุยนี้ และฉันได้อธิบายถึงกลไกของจักรวาลและความลับของทุกสรรพชีวิตแก่เธอแล้ว
N : ผมอึ้งไปแล้วจริงๆ...และต้องโค้งศรีษะก้มลงคารวะให้ ตอนนี้ที่ผมต้องการก็คือหาวิธีที่จะเอาทั้งหมดนี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของผมให้ได้
G : เธอกำลังใช้มันอยู่ตอนนี้แล้วในชีวิตประจำวันของเธอ เธอไม่มีทางไม่ใช้มันได้ นี่คือ ‘สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น’
คำถามเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือ :
⏺️ เธอจะใช้มันอย่างรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว (ใช้มันอย่างมีสติหรือขาดสติ)
⏺️ เธอจะเป็นแค่ผลลัพธ์ของกระบวนการหรือเป็นผู้ทำให้มันเกิดขึ้น
1
กับทุกเรื่อง...
🔸จงเป็นต้นเหตุ (be cause)🔸
เด็กๆเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ลองถามเด็กๆดูสิว่า “ทำไมเธอถึงทำแบบนั้นล่ะ❓” แล้วเขาก็จะตอบเธอว่า “ผมก็แค่ทำครับ” (Just because)★
🛑 นี่เป็นเพียงเหตุผลเดียวในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง★★
[★Just be-cause (ก็แค่เป็นต้นเหตุของมัน) ตรงนี้พระองค์น่าจะสื่อความหมายว่า ก็แค่ทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่รอให้มันเกิดขึ้นเอง (ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ผมก็เลยแปลว่า "ผมก็แค่ทำครับ")
หากเราต้องการให้อะไรเกิดขึ้น “ก็แค่ทำมันลงไป” ไม่ใช่รอ ไม่ใช่ไม่ยอมทำอะไรแล้วจะรอให้มันเกิดขึ้นเอง เพราะถ้ารอให้มันเกิดขึ้นเองผลลัพธ์อาจไม่เป็นที่ต้องการ แล้วตัวเราจะไปโทษฟ้า โทษดิน โทษคนอื่น ว่าทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? อ้าว...ก็เราไม่ยอมทำเองหรือเป็นต้นเหตุของมันเองนี่หว่า!!! (ผมคิดว่าพระองค์ต้องการจะสื่อแบบนี้นะ) - แอดมิน]
N : นี่มันน่าทึ่งจริงๆ เป็นการจบที่น่าทึ่งของบทสนทนาที่น่าทึ่งนี้
G : วิธีที่เธอจะนำความเข้าใจใหม่นี้ไปใช้อย่างมีสติรู้สึกตัวได้อย่างมีนัยสำคัญก็คือ :
💥 จงเป็นต้นเหตุของประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ใช่เป็นผลของมัน
💥 และรับรู้ว่า เธอไม่จำเป็นต้องสร้างด้านตรงข้ามของสิ่งที่เธอเป็นขึ้นมาในพื้นที่ชีวิตส่วนตัวหรือในประสบการณ์ส่วนตัว เพื่อจะรับรู้และมีประสบการณ์ถึงตัวตนที่แท้จริงและตัวตนที่เธอเลือกจะเป็น
✨ด้วยความเข้าใจนี้ เธอสามารถใช้มันเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง และสามารถใช้มันเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้✨
และนี่คือความจริงที่ฉันนำมาแบ่งปันแก่พวกเธอทุกคน
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา