22 ต.ค. 2021 เวลา 11:19 • ไลฟ์สไตล์
ต้องมีสินทรัพย์มากแค่ไหน ถึงเรียกว่าเป็นเศรษฐี
มีคนจำนวนหนึ่งที่มีความมั่งคั่งสุทธิหลักหลายล้านหรือร้อยล้าน แต่ไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นเศรษฐี เพราะอาจด้วยความไม่รู้ว่า ต้องมีจำนวนมากเท่าไร จึงเรียกว่าเป็นเศรษฐีกันแน่
สำหรับชาวตะวันตก เขาใช้ตัวเลข 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32 ล้านบาท โดยเราจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ผู้มีความมั่งคั่งสูง หรือผู้เป็นเศรษฐีนั่นเอง
แต่สำหรับประเทศไทย เราอาจเคยได้ยินคำว่า เศรษฐีเงินล้าน นั่นก็พออนุมานได้ว่า หากมีเงินสุทธิเกิน 1 ล้านบาทก็เรียกว่าเป็นเศรษฐีได้แล้ว
ไม่ว่านิยามคำว่า ‘เศรษฐี’ จะเป็นอย่างไร สำหรับบทความนี้ ก็คือ การมีรายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย หรือ การมีรายได้จากเงินลงทุนเพียงพอที่จะดูแลตนเองและบุคคลที่รักไปจนสิ้นอายุขัย
ซึ่งการจะมีเงินพอเลี้ยงตัวเองได้มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับวิถีการใช้ชีวิตหรือความเป็นอยู่ที่ตัวเองกำหนด
สำหรับวิธีสู่การเป็นเศรษฐีนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับรายได้ 2 ประเภทนี้กันก่อนค่ะ
- รายได้จากการทำงาน หรือ Active Income และ
- รายได้จากสินทรัพย์ หรือ Passive Income
2
โดยทั่วไปแล้วเราจะมีรายได้จากการทำงาน (Active Income) ที่เป็นรายได้ในช่วงเริ่มต้นของเราเกือบทุกคน
จากนั้นให้วางแผนการเงินและบริหารจัดการเงินที่ได้มาจากการทำงานให้ดี เพื่อให้มีเงินออม และนำเงินออมนั้นไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้จากสินทรัพย์ (Passive Income) ให้ได้
รายได้จากสินทรัพย์สามารถหามาได้จาก 2 รูปแบบ คือ
📌 รายได้จากการลงทุน เช่น ซื้อหุ้น พันธบัตร กองทุนรวม ตลาดเงิน รวมไปถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่ถือว่ามีค่าและแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
📌 รายได้จากการทำธุรกิจ หลักการคือ การให้ธุรกิจทำงานแทนเราและสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเอง เช่น การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าลิขสิทธิ์หนังสือ ลิขสิทธิ์ดนตรี ลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์ การขายแฟรนไชส์ เป็นต้น
 
ซึ่งธุรกิจที่นำมาซึ่งรายได้ต่อเนื่องเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดำเนินการโดยตรง ก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้
อย่างไรก็ดี หากพบว่าเงินที่ออมมีจำนวนน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะนำไปลงทุน วิธีที่พอจะช่วยได้ ก็คือ การเพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่ายลง หรือพยายามทำฝั่งใดฝั่งหนึ่งให้ได้ ก็ยังพอช่วยได้บ้าง
1
สิ่งสำคัญของการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ คือ ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ การบริหารจัดการเวลาที่ดี เรียนรู้เรื่องการลงทุน ฝึกใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ
จากนั้นฝึกความสามารถด้านใดด้านหนึ่งให้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ แล้วเริ่มลงทุนในด้านนั้น แล้วจึงฝึกหัดและขยายการลงทุนในด้านอื่นๆ ต่อไป
การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ไม่ยากเกินที่จะศึกษา อย่าลืมว่าความรู้จะเป็นเกราะป้องกันการถูกหลอกและการขาดทุนได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นการลงทุนในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความรวยไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่ามีเงินมากแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ถ้ารู้จักใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ ชีวิตก็มีความสุขได้เช่นกันค่ะ 😊
2
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา