10 พ.ย. 2021 เวลา 02:09 • ปรัชญา
เสริมสร้าง Self-Esteem ให้พร้อม แล้วมารับมือกับ Toxic ทุกรูปแบบกัน!!!
อย่าไปกลัวมัน!!!
ในช่วงที่ผ่านมาหนึ่งในกระแสสังคมที่น่าสนใจคงจะหนีไม่พ้น การเปิดห้อง ClubHouse วิจารณ์คนอีสาน จน #คลับเฮ้าส์toxic จนขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ของประเทศไทยกันเลย โดยดราม่าในส่วนนี้ผมจะไม่ขอลงในรายละเอียดนะครับ เพราะคิดว่าหลายคนน่าจะผ่านหูผ่านตามากันบ้างแล้ว
Toxic คือ อะไร?
ที่จริงแล้วคำว่า Toxic นั้นหมายถึง พิษ ที่ผ่านมาก็ใช้กับสารพิษต่างๆ นี่ล่ะครับ แต่มาในช่วงหลังๆ นี้ เริ่มมีคนนำคำๆ นี้มาใช้กับคนที่มีพฤติกรรมแย่ๆ ในด้านต่างๆ กันอย่างแพร่หลาย
นักจิตเคราะห์ที่ชื่อ โจดี เกล ได้บอกว่า คนที่ Toxic นั้นคือคนที่ชอบสร้างดราม่าให้กับตัวเอง และคนรอบข้าง โปรดปรานการควบคุมคนอื่น ชอบเรียกร้องความสนใจ มักจะใช้คนอื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองเสมอ ชื่นชอบการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นแบบเกินจริง อิจฉาริษยาเป็นนิสัย บางทีนี่ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง และทำร้ายผู้อื่นกันเลยทีเดียว
ในปัจจุบันถือว่า Toxic นั้นเต็มบ้านเต็มเมือง เรียกว่าไปที่ไหนก็ต้องเจอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ เราลองมาทางรับมือกันดีกว่าไหมครับ ซึ่งสิ่งที่ผมจะนำมาเสนอในวันนี้ก็คือ Self-Esteem ครับ
Self-Esteem คือ อะไร?
Self-Esteem คือ ความภูมิใจในตนเอง เป็นการประเมินในเชิงบวกหรือเชิงลบเกี่ยวกับตัวเอง ว่าเรารู้สึกกับตัวเองอย่างไร โดยถือเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่น่าสนใจ เพราะนักวิจัยเชื่อว่า สิ่งนี้เป็นตัวพยากรณ์ที่ทรงอิทธิพลต่อผลบางอย่างของเรา อาทิ ความสุข ความพึงพอใจในด้านต่างๆ ของชีวิต และความสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นต้น
โดยผู้ที่มี Self-Esteem สูงนั้นจะมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ซึ่งส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิต รวมถึงการรับมือกับอารมณ์ และสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาได้ดีอีกด้วย
ในทางกลับกัน การมี Self-Esteem ที่ต่ำจะส่งผลให้ตัวบุคคลนั้นรู้สึกแย่ และมีมุมมองความคิดต่อตัวเองในแง่ลบ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ขาดความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่างๆ และรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถในการเผชิญหน้ากับปัญหา หรือความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต
ในหนังสือ The Six Pillars of Self-Esteem: The Definitive Work on Self-Esteem by the Leading Pioneer in the Field ของ Nathaniel Branden
The Six Pillars of Self-Esteem
ได้วิเคราะห์ปัญหา และมองว่า การเห็นคุณค่าในตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ฝึกฝนกันได้ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 6 ข้อ ดังนี้
How To RAISE YOUR SELF-ESTEEM
1. ฝึกการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
The Practice of Living Consciously
การใช้ชีวิตอย่างมีสตินั้นคือการ ‘รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่?’ ถ้าให้เทียบกันระหว่างคนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ไม่สนใจอะไร กับอีกคนที่อธิบายได้ว่า ‘ตอนนี้กำลังทำอะไร’ และ ‘ทำไปเพื่ออะไร‘ เชื่อว่าคนที่อธิบายสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนกว่า ย่อมมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าอย่างแน่นอน เราสามารถทำได้ง่ายๆ เลยนะครับ ลองวางแผนชีวิตประจำวันใน 1 วันดู ว่าตั้งแต่ตื่นจนจบที่เข้านอน เราจะต้องทำอะไรบ้าง แค่นี้ก็จะช่วยให้เราเห็นภาพชีวิตในแต่ละวันของเราได้ชัดเจนเพิ่มมากขึ้นแล้วล่ะ
2. ฝึกการยอมรับในตนเอง
The Practice of Self-Acceptance
‘เป็นปลาแหวกว่ายในน้ำแต่อยากโบยบินเหมือนนก?’ นี่คือสาเหตุที่ทำให้หลายคนในสังคมรู้สึกขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง ปัญหาของคนมากมายในยุคนี้ เมื่อเกิดจากความต้องการในสิ่งที่ตัวเองไม่มี หรือทำไม่ได้ ไม่ว่าจะต้องการเพราะสังคมชี้นำ หรือต้องการด้วยตัวเองก็ตาม แก้ไขง่ายๆ โดยเริ่มจากการสำรวจตัวเองว่า สิ่งใดที่เป็นตัวเราเอง หรือสิ่งใดที่เราทำได้ดีมากที่สุด จากนั้นจึงยอมรับให้ได้ว่า ในโลกใบนี้มีความแตกต่างมากมาย แต่ทุกสิ่งล้วนมีข้อดีในตัวทั้งสิ้น ดังนั้นจงมีความสุขกับการใช้ชีวิตด้วยต้นทุนชีวิตที่เรามี และทำมันให้ดีมากที่สุด
1
3. ฝึกรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
The Practice of Self-Responsibility
เมื่อหลายอย่างในชีวิตไม่เป็นดั่งใจ หลายคนเลือกที่จะหนีจากความจริงด้วยการ ‘โทษสิ่งต่างๆ รอบตัว’ คนนั้นคนนี้ หรือกระทั่งโชคชะตา ทำให้ชีวิตของเรานั้นแย่ลง มาฝึกคิดกันใหม่ครับ เมื่อเจอปัญหา ลองเปลี่ยนจากคำว่า ‘ทำไมต้องเป็นเรา’ มาเป็นคำว่า ‘เราจะแก้ไขมันได้ยังไง’ เปลี่ยนจากการโทษสิ่งต่างๆ รอบข้าง สู่หนทางแห่งการแก้ไข เพราะเมื่อเรายอมรับที่จะแก้ปัญหา นั่นก็เท่ากับว่าเราได้พยายามที่จะแก้ไขชีวิต มากกว่าพึ่งพาคนอื่นหรือว่าโชคชะตา ซึ่งวิธีคิดแบบนี้จะทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
4. ฝึกให้กล้าที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ
The Practice of Self-Assertiveness
ชาย 2 คน ประกาศไว้ว่าจะงดดื่มเหล้าในช่วงเข้าพรรษา 

คนหนึ่งทนไม่ไหว แอบดื่มก่อนครบกำหนด
อีกคนหนึ่งทำได้สำเร็จตามที่ตั้งใจ

แทบไม่ต้องเดาเลย คนที่หนักแน่นจนเอาชนะใจตัวเองได้ย่อมมีความภาคภูมิใจในชีวิตมากกว่าอย่างแน่นอน
1
5. ฝึกใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมาย
The Practice of Living Purposefully
การมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีความมั่นใจในการใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะใกล้ ไกล ยาก ง่าย แค่ลองตั้งเป้าหมายดูครับ เริ่มจากภายใน 1 วัน ใน 1 สัปดาห์ 1 เดือน 1 ปี ไปเรื่อยๆ เชื่อสิว่าคุณทำได้
6. ฝึกให้ซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตัวเอง
The Practice of Personal Integrity
ง่ายๆ เลยครับ พูดอะไรไว้ ทำให้ได้อย่างนั้น

จะลดความอ้วน
จะเก็บเงิน
จะตื่นให้เช้าขึ้น

ลองฝึกดูนะครับ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ และเมื่อทำตามที่พูดเอาไว้ได้ เชื่อว่าในแต่ละครั้งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในชีวิตให้คุณได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
Toxic ทั้งหลายจะไม่สามารถทำอะไรสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งของคุณได้ และโปรดจำไว้ว่า ไม่มีใครสามารถทำให้คุณรู้สึกด้อยค่าได้ โดยปราศจากความยินยอมจากคุณ
Remember no one can make you feel inferior without your consent.
- Eleanor Roosevelt -
SOMKIAT - ช่างมัน | WHATEVER [Official MV]
ทั้งนี้ยืนยันว่าบทความของผมไม่ใช่คำตอบ หรือบทสรุปที่ดีที่สุด ทุกท่านควรใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการรับข้อมูลด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกการตอบรับ ไม่ว่าจะเป็นการติดตาม ไลค์ คอมเมนท์ หรือว่าแชร์ ทุกกำลังใจสำคัญสำหรับผมเสมอ
ติดตามอ่านบทความได้ที่
ขอบคุณทุกคนครับ
แล้วพบกันใหม่ในโพสต์หน้า
สวัสดีครับ
ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook โอ ปอล์
ขอบคุณข้อมูลจาก POBPAD และ หนังสือ The Six Pillars of Self-Esteem: The Definitive Work on Self-Esteem by the Leading Pioneer in the Field ของ Nathaniel Branden มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา