16 พ.ย. 2021 เวลา 05:56 • ประวัติศาสตร์
มหาสุขาวตีวยูหสูตร
วรรค ๒ ผู้ดำเนินตามสมันตภัทรจริยา
พระสมันตภัทรโพธิสัตว์
ยังมีมหาบุรุษสิบหกท่าน คือมีพระภัทรปาลเป็นต้น ยังมีพระคุณมติโพธิสัตว์ พระปรติภานโพธิสัตว์ พระอนิจทัศนาโพธิสัตว์ พระอิทธิศรีโพธิสัตว์ พระวีรประภาโพธิสัตว์ พระรัตนเกตุโพธิสัตว์ พระอุตรญาณโพธิสัตว์ พระศานติอินทรีย์โพธิสัตว์ พระศรัทธาปรัชญาโพธิสัตว์ พระปณิธิปรัชญาโพธิสัตว์ พระคันธหัสดินทร์โพธิสัตว์ พระรัตนวรโพธิสัตว์ พระวิหารสถิตยโพธิสัตว์ พระวินัยจริยาโพธิสัตว์ พระวิโมกษโพธิสัตว์ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้นำ ต่างก็ประพฤติในคุณธรรมดำเนินจริยาด้วยอุปายะที่ชาญฉลาดเข้าสู่พระพุทธธรรมปิฎกแล้วประมาณธำรงอยู่ในกุศลธรรมทั้งปวงท่องเที่ยวไปในทศทิศสัมโพธิญาณโนโลกธาตุทั้งปวงมิอาจประมาณจักเสด็จลงจากดุสิตาถึงฝั่งกระโน้นอันเป็นที่สุด
สัตบุรุษ ๑๖ องค์มี
๑. พระภัทรปาละ
๒. พระรัตนการ
๓. พระสุสารถวาหะ
๔. พระนรทัตตะ
๕. พระคุริยคุปตะ
๖. พระวรุณทัตตะ
๗. พระอินทรทัตตะ
๘. พระอุตตรมติ
๙. พระวิเศษมติ
๑๐. พระวรรธมานมติ
๑๑. พระอโมฆทรรศิน
๑๒. พระสุสัมปรัสถิตะ
๑๓. พระสุวิกรานตวิกราน
๑๔. พระอนุปมมติ
๑๕. พระสูรยครรภะ
๑๖. พระธารณีธร
เป็นผู้มีปณิธานว่าจักตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณในโลกธาตุทั้งปวงมิอาจประมาณ จักเสด็จลงจากดุสิตาเทวโลกแล้วเข้าสู่ราชมณเฑียร ละทิ้งราชบัลลังก์แล้วออกอภิเนษกรมณ์ บำเพ็ญทุกรกิริยาเพื่อศึกษามรรคธรรม การกระทำที่ปรากฏอยู่เช่นนี้ ก็เพราะอนุโลมตามโลกเป็นเหตุ ด้วยใช้สมาธิญาณพละจึงสยบหมู่มาร ได้บรรลุพระสัทธรรมอันคัมภีรภาพ แล้วตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ อันหมู่เทวดาแลมวลมนุษย์ก็น้อมเอาเป็นที่พึ่งด้วยความเคารพยำเกรง แล้วทูลอาราธนาให้หมุนเคลื่อนกงพระธรรมจักร
ใช้ธรรมโฆษะยังโลกทั้งปวงให้รู้แจ้งทำลายกิเลสนครา และยังกำแพงแห่งราคะให้พินาศสิ้น ชำระมลทินอาสวะ ให้สำแดงเป็นความพิสุทธิ์พิมลใส บำราบอบรมสรรพสัตว์ กล่าวแสดงซึ่งธรรมอรรถที่แยบคายอัศจรรย์ สั่งสมสรรพกุศล เป็นบุญเกษตรของโลก แล้วใช้ธรรมโอสถทั้งปวงพยาบาลรักษาตรีทุกขโรคา แล้วขึ้นสู่ลำดับแห่งการอภิเษกเป็นธรรมราชกุมาร น้อมรับลัทธยาเทสพุทธพยากรณ์ เป็นอนุศาสน์โพธิสัตว์คือเป็นอาจริยะผู้สั่งสอนธรรม บำเพ็ญอยู่ซึ่งโยคะเป็นนิจ มีจริยาทั้งปวงไพศาลไร้ขอบเขต เป็นพระโพธิสัตว์ผู้ได้รับการเพาะบ่ม ควรแก่การงานมีกุศลพืชมหาศาลอนันตะ บรรดาพระพุทธโลกนาถทั้งปวงล้วน แต่ทรงปกป้องระลึกถึง
ตรีทุกขโรคา คือ โรคแห่งความทุกข์ ๓ ชนิดคือ โรคจากความโลภะ โทสะและโมหะ
ในบรรดาพุทธเกษตรทั้งปวงนั้นเล่า ก็ล้วนสามารถสำแดงอิทธิพละให้ปรากฏ อุปมามายาจารย์ผู้ช่ำชองกลวิทยา สามารถยังลักษณาการต่างๆให้เกิดมีขึ้น แลในสรรพลักษณ์เหล่านั้น ที่จริงแล้วก็มิอาจเข้าถึง (เพราะเป็นมายา)
อันว่าพระโพธิสัตว์นี้ก็เป็นฉะนี้ ที่แทงตลอดในสรรพธรรมภาวะ และรู้แจ้งซึ่งสัตวลักษณะ ถวายสักการะพระพุทธเจ้าทั้งปวง เป็นผู้นำเวไนยสัตว์โดยแสดงรูปกายตามนั้น ๆ ครุวนาอสุนีบาตที่ตัดมารทิฏฐิชาละให้ขาดสิ้น แล้วหลุดพ้นจากสังโยชน์ร้อยรัดทั้งปวง เป็นผู้ห่างไกลแลล่วงพ้นจากภูมิแห่งพระสาวกและพระปัจเจกโพธิ บรรลุศูนยตาอนิมิต และอปุรณิหิตวิโมกษมุข ตั้งอยู่และชาญเชี่ยวในอุปายโกศล ด้วยการสําแดงเป็นตรียาน ด้วยอาศัยมหายาน มัชฌิมยาน จุลยานนี้ โปรดสรรพสัตว์จนหมดสิ้น ให้บรรลุถึงสมาธิทั้งปวงแห่งความไม่เกิดไม่ดับ พร้อมบรรลุธารณีทั้งปวงและอนุโลม ตามกาละเข้าสู่อวตังสกสมาธิ
* ตฺริณิ วิโมกฺษมุขานิ หรือวิโมกข์ ๓ คือความหลุดพ้นประเภทของความหลุดพ้น จัดตามลักษณะการเห็นไตรลักษณ์ ข้อที่ให้ถึงความหลุดพ้นมี
๑) ศูนยตาความหลุดพ้นด้วยการดับสูญอัตตาหลุดพ้นด้วยความว่าหมดความยึดมั่น ได้แก่ ความหลุดพ้นที่เกิดจากปัญญาพิจารณาเห็นนามรูปโดยความเป็นอนัตตาคือหลุดพ้นด้วยเห็นอนัตตาแล้วถอนความยืดมั่นเสียได้ (อาศัยอนัตตานุปัสนาถอนอัตตาภินิเวส)
๒) อนิมิตตความหลุดพ้นด้วยการดับอนิจจังโดยปราศจากนิมิตเครื่องหมายหลุดพ้นด้วยไม่ถือนิมิต ได้แก่ ความหลุดพ้นที่เกิดจากปัญญาพิจารณาเห็นนามรูปโดยความเป็นอนิจจังคือหลุดพ้นด้วยเห็นอนิจจตาแล้วถอนนิมิตเสียได้ (อาศัยอนิจจานุปัสนาถอนวิปัลลาสนิมิต)
๓) อปุรณิหิตความหลุดพ้นเพราะไม่มีกิเลสเป็นที่ตั้งหลุดพ้นด้วยไม่ทำความปรารถนา ได้แก่ ความหลุดพ้นที่เกิดจากปัญญาพิจารณาเห็นนามรูปโดยความเป็นทุกข์คือหลุดพ้นด้วยเห็นทุกขตาแล้วถอนความปรารถนาเสียได้ (อาศัยทุกขานุปัสนาถอนตัณหาปณิธิ)
คือยานทั้ง ๓ มีมหายานคือพุทธยานหรือโพธิสัตวยานมัชฌิมยานคือปัจเจกพุทธยานจุลยานคือสาวกยาน
* อวตังสกสมาธิคือสมาธิตามนัยยะของคัมภีร์ อวตังสกะ ว่าด้วยการทัศนาโลกธาตุและสรรพสิ่งทั้งปวงว่ามีความเกี่ยวข้องกันเป็นปัจจยาการประดุจข่ายของพระอินทร์ที่ร้อยเรียงด้วยแก้วอัญมณีที่สาดแสงระยับกระทบกันเรื่อยไปไม่สิ้นสุด
สมบูรณ์และทรงไว้ซึ่งสมาธิจำนวนร้อยพัน ดำรงอยู่ในความประณีตแห่งสมาธิฌาน ได้พบพระพุทธเจ้าจํานวนอมิตะพระองค์ ในขณะเดียวก็ท่องเที่ยวไปในพุทธเกษตรทั้งปวง เป็นผู้บรรลุพุทธปฏิภาณ ตั้งมั่นในสมันตภัทรจริยา สามารถแยกแยะวัจนะของหมู่สัตว์ทั้งหลายได้เป็นอย่างดีแล้ว จึงประกาศซึ่งตัตตวธรรม ที่ล่วงพ้นสรรพธรรมแห่งจักรวาล สามารถแยกแยะวัจนะของหมู่สัตว์ทั้งหลาย มีจิตตั้งมั่นฉุดช่วยโลกภูมิ สรรพสิ่งทั้งปวงนั้นก็กระทำได้อิสระดังมโนรถ เพื่อมวลชนทั้งปวงแล้วจึงกระทำซึ่งความเป็นมิตรที่มิได้เชื้อเชิญ*
น้อมรับธำรงไว้ซึ่งคัมภีรธรรมปิฎกอันแยบคายของตถาคตเจ้า ปกปักรักษาพระพุทธโคตรให้มิขาดสูญ เจริญมหากรุณาเวทนาในสรรพชีวิต แล้วกล่าวแสดงปฏิภาณแห่งเมตตา ธำรงไว้ซึ่ง ธรรมจักษุ ปิดกั้นอบายภูมิ แล้วเปิดออกซึ่งกุศลทวาร แม้นตนเองก็ อนุเคราะห์แบกรับสรรพสัตว์ทั้งหมดให้ข้ามสู่ฝั่งกระโน้น ได้เสวยกุศลอเนกประการของพระตถาคตเจ้าทั้งปวง มีปัญญาญาณปราดเปรื่อง เป็นอจินไตย ที่มีจำนวนอมิตะและอนันตะ ในขณะเดียวได้มาประชุมกันอยู่ยังมีภิกษุณีจำนวนห้าร้อย มีบุรุษเจ็ดพัน สตรีห้าร้อยซึ่งล้วน แต่เป็นผู้มีศรัทธาอันบริสุทธิ์เทพเจ้า ในกามภพเทพเจ้าในรูปภพและคณะเทวพรหมก็ล้วนมาประชุมอยู่เป็นมหาสมาคมใหญ่
ดั่งพระมหาโพธิสัตว์เหล่านี้ * หมายถึงพระโพธิสัตว์เป็นผู้อนุโลมคล้อยตามสรรพสัตว์แม้ว่าสัตว์นั้น ๆ จักมิรู้จักและมิได้วอนขอ
พระวิศวภัทร แปล
Aputi.com ภาพ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา