มหากรุณาธารณีสูตร ๘๔ ประโยค (๑)
ประโยค ๑ “นํามอห่อลาตันนอตอลาเหย่เย”
นี่คือรูปองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ถือลูกประคำ
ผู้ปฏิบัติจะต้องท่องสวดด้วยความมีเมตตากรุณาและความศรัทธา อย่าสวดเสียงดัง อย่ารีบร้อน
บรรยายภาพ
คำว่า“ นำมอ” หมายถึงการนอบน้อมพึ่งพิง“ ห่อลาตันนอ” หมายถึงเป็นรัตนะ“ ตอลาเหย” หมายถึงสาม “เย” หมายถึงนมัสการทั้งประโยคเป็นคาถา“ น้อมนอบนมัสการไตรรัตนทศทิศทั้งสาม ประโยคนี้พระโพธิสัตว์ขอให้เราน้อมนอบพึ่งพิงมหามรรคแล้วบรรลุแจ้งชัดในจิตและเห็นสภาวะแห่งตน อันเป็นธารณีที่จะสำเร็จสัมมาสัมพุทธะ ที่ว่าน้อมนอบพึ่งพิงก็ คือไตรสรณะ ถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ถือพระธรรมเป็นสรณะ ถือพระสงฆ์เป็นสรณะ
ประโยค ๒ “นำมอออหลี่เย”
นี่คือองค์พระจินดามณีจักรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นรูปถือธรรมจักร
ผู้ปฏิบัติจะต้องปฏิบัติตามด้วยความเคารพบรรยายภาพ-“ นำมอ” แปลว่าน้อมนอบพึ่งพิง“ ออหลี่แปลว่าองค์อริยะ“ เย” แปลว่านอบน้อมพึ่งพิงทั้งประโยคหมายความว่า ขอน้อมนอบพึ่งพิงองค์อริยะ ซึ่งละบาปอกุศลกรรมแล้ว ประโยคนี้เป็นธารณีที่พระโพธิสัตว์สั่งสอนชาวโลกจะต้องปฏิบัติทางจิตเป็นมูลฐาน พระสรรพธรรมล้วนเกิดขึ้นด้วยจิต ฉะนั้นผู้ปฏิบัติจะต้องมีความแจ้งชัดในจิตและเห็นสภาวะแห่งตน จึงสามารถบรรลุโพธิภูมิ ไม่แจ้งชัดในจิตก็จะไม่สามารถเห็นสภาวะแห่งตน ถ้าความคิดไม่เกิดจิตจะสว่างแจ่มใสตถาตถเป็นอจลก็จะบรรลุถึงนิพพาน
ประโยค ๓ “ผ่อลูกิตตีซอปอลาเย”
นี่คือรูปองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์อุ้มบาตร
ผู้ปฏิบัติจะต้องเพ่งเห็นองค์ท่านสามารถให้สรรพสัตว์ได้มีอายุยืนยาว
บรรยายภาพ “ผ่อลูกิตตี” แปลว่า เพ่งสว่าง พิจารณา “ซอปอลา” เสียงของโลกเป็นอิสระ “เย” แปลว่า นอบน้อมพึ่งพิง ทั้งประโยคแปลว่า “ขอคารวะพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์” ประโยคนี้หมายถึง พระโพธิสัตว์สงสารชีวิตคนตกอยู่ในความทุกข์ ล้วนเกิดจากการหลงลืมสภาวะดั้งเดิมของตน ตกอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิด จึงเกิดเมตตาจิต เพื่อโปรดสรรพสัตว์ ต่างปฏิบัติพระพุทธธรรม พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไม่ยึดอินทรีต่าง ๆ จักษุ หู จมูก ลิ้น กาย จิต เป็นโพธิสัตว์ที่บริสุทธิ์ ฉะนั้นผู้ปฏิบัติต้องศึกษาตามท่าน ให้จิตใจสว่าง นิสัยสะอาด แล้วจึงปฏิบัติธรรมได้เห็นขันธ์ 5 เป็นสูญ ข้ามพ้นไปจากทุกข์ยากทุกประการ ปิดทวารทั้ง 6 แล้วไปปฏิบัติตามสมาธิ จึงไม่หันเหไปทางวิสัยภายนอก
ประโยค ๔ “ผู่ทีสัตตอผ่อเย”
นี่คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ปรากฏเป็นรูปพระอมงบาศโพธิสัตว์ โปรดสัตว์
บรรยายภาพ “โพธิ” แปลว่าตรัสรู้ “สัตว์” แปลว่า มีชีวิตอารมณ์ “ผ่อเย” แปลว่าคารวะ ทั้งประโยค เป็นคาถาน้อมนอบคารวะต่อผู้ให้ความตรัสรู้แก่ทุกชีวิตเป็นการตักเตือนให้สรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ตื่นจากความหลับโดยเร็วปฏิบัติมหาธรรมมรรค เป็นพีชะของธารณี คำว่า “สัตตอผ่อเย”คือหมายถึงถ้าได้ตั้งใจในธรรม น้อมนอบต่อความแจ้งในสภาวะดั้งเดิมก็จะได้หลุดพ้น
ประโยค ๕ “หม่อฮอสัตตอผ่อเย”
นี่เป็นรูปพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เวลาสวดคาถามนตร์
ถ้าผู้ปฏิบัติตามนี้จะได้หลุดพ้นจากทุกข์
บรรยายภาพ“ หม่อฮอ” แปลว่าใหญ่มาก“ สัตตอ” แปลว่า ผู้กล้าหาญสัตว์โลก“ ผ่อเย” แปลว่า คารวะทั้งประโยคแปลว่าคารวะต่อผู้กล้าหาญก็จะได้หลุดพ้น สรรพสัตว์ในโลกที่กว้างใหญ่รู้สึกตัวแล้ว ลงมือปฏิบัติล้วนหลุดพ้นได้ทั้งสิ้น พระโพธิสัตว์อันเปี่ยมด้วยมหากรุณา เกรงว่าสรรพสัตว์อยู่อำนาจของอินทรี ๖ ถูกอารมณ์ทั้ง ๗ ปกคลุมอยู่ ยิ่งกว่านี้ยังยอมละทิ้งมูลสัจธรรมของตน ไปเกิดเวียนเกิดเวียนตายจึง ประกาศพรธารณีนี้ ผู้ปฏิบัติถ้าสามารถยึดมั่นอนุตตรมรรคนี้ ก็จะสามารถข้ามสาครอันเป็นทุกข์นี้ได้ และได้รับความสุขอันเป็นนิรันดร์
ประโยค ๖ “หม่อฮอเกียลูหนี่เกียเย”
นี่คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ปรากฏเป็นอัศวโฆษโพธิสัตว์ ตรัสรู้เอง หลุดพ้นเองและให้ผู้อื่นเห็นแจ้งโปรดผู้อื่น
บรรยายภาพ“ เกียลู” แปลว่ากรุณา“ หนี่เกีย” แปลว่า จิต“ เย” เป็นคารวะ ทั้งประโยค แปลว่า“ คารวะต่อผู้มีมหากรุณาจิต” สรุปว่าเมื่อเพ่งเห็นรูปและลักษณะโลกเป็นสูญ ความทุกข์จะดับไปเองข้ามไปถึงฝั่งหลุดพ้นได้ ประโยคนี้เตือนให้ผู้ปฏิบัติต้องปล่อยวางจิตและกาย หลีกจากภาพลวงทั้งหลายไม่มีลักษณะแห่งมนุษย์ ไม่มีลักษณะแห่งเป็นอยู่โดยอิสระ ทำประโยชน์แก่คนอื่นและสรรพธรรมและทำให้จิตใจผ่องใส ลดความโลภของตน ผู้ปฏิบัติจะต้องสามารถปล่อยวางอารมณ์ใด ๆ สามารถลืมอารมณ์ได้ ปฏิบัติอยู่ต่อเนื่องกัน ก็สามารถบรรลุถึงต้นน้ำของมหามรรค
ประโยค ๗ งัน (โอม)
นี่เป็นราชาแห่งเทพ ต้องพนมมือฟังคาถานี้ พุทธเจ้าทุกองค์ล้วนเพ่งคำนี้แล้วบรรลุสัมมาสัมพุทธ
บรรยายภาพ “งัน” แปลว่า“ น้อมนอบ” เป็นมารดาแห่งธารทั้งหลาย เป็นมูลฐานดั้งเดิมของมนุษย์ พระโพธิสัตว์มีความเมตตากรุณา นำสัจธรรมอันเป็นความสูญที่แท้จริง ปลุกให้มนุษย์ฟื้นคืนสภาวะเดิมที่มีอยู่ เข้าถึงธรรมอันไม่เป็นสองมนตร์ของนิกายคุยหยาน (นิกายลับ) ใช้คำนี้มากมีความหมายว่า“ น้อมนอบ”“ บูชาถวาย” “ปลุกให้ตื่น” “ฝึก” “ธรรมกาย” “นิรมาณกาย” “สัมโภคกาย” ถ้าชาวโลกถือสัจจธรรมทวยเทพและภูตผีจะพนมมือคารวะและปกปักษ์รักษาพ้นจากภยันตราย สำเร็จในมรรคผล แต่ผู้ปฏิบัติจะต้องตั้งมั่นอยู่ในศีลและต้อง มีความสมบูรณ์ในบุญวาสนา ประกาศพระธรรมอำนวยประโยชน์แก่สัตว์โลกจึงจะได้ผล
ที่มา หนังสือมหากรุณาธารณี
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
