มหาสุขาวตีวยูหสูตร
วรรค ๗ จักสําเร็จพระสัมโพธิเป็นที่แน่นอน
พระผู้มีพระภาครับสั่งกับพระอานนท์ว่า ในสมัยนั้นเมื่อธรรมกรภิกษุกล่าวปณิธานนี้จบแล้วจึงกล่าวโศลกว่า
ข้าพระองค์ได้ตั้งความปรารถนาที่ล่วงโลกียะ
อันยังให้สำเร็จถึงพระอนุตรมรรค
หากปณิธานยังมีสมบูรณ์แล้วไซร้
จักมิสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
จักขอเป็นมหาทานบดี
อนุเคราะห์ผู้ยากไร้ทั้งปวง
จักยังให้เวไนยนิกร
ในราตรีที่ยาวนานมิต้องทุกข์โศก**
ยังกุศลมูลทั้งปวงให้เกิดมีขึ้น
** ประโยคนี้เปรียบได้ว่าสังสารวัฏนี้คือยามค่ำคืนที่มืดมิดจะมีก็ แต่แสงสว่างแห่งดวงจันทร์คือพระพุทธธรรมที่ส่องแสงนำทาง
แล้วสําเร็จซึ่งโพธิผล
หากข้าพระองค์ได้สําเร็จพระสัมโพธิ
จักมีนามว่าอมิตายุสะ
หมู่สัตว์ผู้ได้สดับนามนี้
จักได้มายังเกษตรของข้าพระองค์ทั้งสิ้น
(มีกาย) ดุจจสุวรรณกายของพระพุทธองค์
ที่มีลักษณะวิเศษบริบูรณ์
ประกอบด้วยจิตมหากรุณา
ยังหิตประโยชน์แก่เวไนยชน
ไกลจากราคะและแยบคายในสัมมาระลึก
มีพระปัญญาวิสุทธิ์และประพฤติพรหมจรรย์
ขอปัญญาญาณอันรุ่งเรืองของข้าพระองค์
สว่างไปในเกษตรทั่วทศทิศ
กําจัดความมืดของมลทินสาม*
ช่วยให้พ้นจากภยันตรายทั้งปวง
ให้อุเบกขาในทุกข์ของอบายสาม**
แล้วยังความมืดมนแห่งสรรพกิเลสให้ดับ
เปิดออกซึ่งปัญญาญาณจักษุ
แล้วเสวยกายอันรุ่งเรือง
ปิดกั้นมวลอกุศลมรรค
*คืออาสวะ ๓ มี
๑. กามาสวะอาสวะ เป็นเหตุอยากได้ ๒. ภวาสวะอาสวะ เป็นเหตุอยากเป็น ๓) อวิชชาสวะ อาสวะ คือความเขลา หรืออาจแปลว่า เป็นอกุศลมูล ๓ คือ ๑)โลภะ ๒) โทสะ ๓)โมหะ
**คือภาวะหรือทีอันปราศจากความเจริญมี ๑) นรก ๒) เปรต ๓) เดรัจฉาน
แล้วแทงตลอดซึ่งกุศลทวาร
เพื่อหมู่สัตว์จึงเปิดออกซึ่งธรรมคลัง
นำกุศลรัตนะบริจาคเป็นทานใหญ่
ประดุจพระญาณอันไร้เครื่องกีดกั้นของพระพุทธองค์
ที่ดำเนินด้วยเมตตาจริยา
ทรงเป็นศาสดาของเทวดาแลมนุษย์
บรรลุความเป็นนรเศรษฐในตรีภพ
แสดงธรรมดุจบันลือสิงหนาท
แล้วฉุดช่วยเวไนยสัตว์ได้อย่างไพบูลย์
(หากจัก) สมบูรณ์ซึ่งปณิธานเมื่อกาลก่อน
สรรพสัตว์ทั้งปวงจักได้สำเร็จพุทธ
หากแม้นปณิธานนี้จักสัมฤทธิ์ผล
ขอมหาสหัสโลกธาตุจงสั่นคลอน
เทพเจ้าเบื้องอัมพรสถาน
จงโปรยทิพยมาลีมาดุจพรรษสายเถิด”
พระผู้มีพระภาคตรัสแก่พระอานนท์ว่า เมื่อธรรมกรภิกษุกล่าวโศลกนี้สิ้นลง ในเพลานั้นพื้นมหาปฐพีดลก็สั่นไหวหกลักษณะ ทิพยมาลีโปรยลงมาดุจสายฝนเกลี่ยอยู่ทั่ว (ธรรมสภา)แห่งนั้น แล้วบังเกิดเสียงดนตรีสวรรค์อุโฆษก้องในอากาศ เป็นเสียงสรรเสริญว่า “ท่านจักได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นแน่แท้ๆ
ตุภูมิกปิการา: แผ่นดินไหว ๖ ลักษณะ มี ๑) ทิศตะวันออกจน ตะวันตกนูน ๒) ทิศตะวันตกจน ตะวันออกนูน ๓) ทิศใต้จม เหนือนูน ๔) ทิศเหนือจม ใต้นูน ๕) รอบ ๆ จม กลางนูน 5) กลางจม รอบๆนูน โดยนัยยะหมายถึงมูลอวิชชา (ความไม่รู้แจ้ง) ถูกแทนที่ด้วยโพธิ (ความรู้แจ้ง) และทำอายตนะ ๖ ให้บริสุทธิ์
พระวิศวภัทร แปล
Aputi.com ภาพ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
